นางเข้าใจด้วยความดื้อดึงว่า ทั้งหมดนี้ เป็นแผนการของมั่วเชียนเสวี่ยและซูชี ให้นางตกหลุมพราง หลังจากนั้นทำตัวตลกต่างๆ ให้พวกเขามีความสุข ให้พวกเขาตลก!
น้ำตารินไหลลงมาอาบพวงแก้มซูซู!
นางไม่รู้จริงๆ วันข้างหน้า ตนจะพูดคุยกับมั่วเชียนเสวี่ยอย่างมีความสุขได้หรือไม่ เป็นสหายที่ไม่มีเรื่องติดค้างในใจต่อกันได้หรือไม่…
ท่านหญิงซูซูสีหน้าเศร้าสลด ทว่าซูชีกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย
เวลานี้ในความคิดของเขาเต็มไปด้วยมั่วเชียนเสวี่ย ยืนอยู่ด้านหลังเรือนดอกไม้ด้วยความระมัดระวัง ฟังบทสนทนาของพวกนาง สังเกตการเคลื่อนไหวในห้อง
เขาไม่ให้ท่านหญิงซูซูออกไป เพราะกลัวว่าด้วยความบุ่มบ่ามของท่านหญิงซูซู หากทะเลาะวิวาทกันขึ้นมาจริงๆ แล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่ จะทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเสื่อมเสียชื่อเสียง
เพราะถึงอย่างไร ชื่อเสียงของฮูหยินหัวหน้าตระกูลขุนนางใหญ่ ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก
หากต้องมีคนจัดการสตรีเหล่านี้ ให้เขาเป็นคนทำ
ชีวิตของซูชี ไม่มีกฎที่ว่าไม่ทำร้ายผู้หญิง! ตอนที่เขาอายุเพียงไม่กี่ขวบ อนุภรรยาที่ท่านพ่อโปรดปรานชักสีหน้าใส่มารดาของเขา เขาเงียบ แล้วเผาเส้นผมของหญิงชั้นต่ำที่นางภาคภูมิใจ
สตรีบางคนเกิดมาชั่วช้า หากไม่จัดการพวกนาง พวกนางจะไม่มีวันรู้ว่าตนทำผิดอย่างไร เขาเพียงต้องการให้คนที่เขารักมีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว ผู้อื่นจะพูดอย่างไร เขาซูชีไม่สนใจ
สีหน้าของซูชีฉายความกังวล
ท่านหญิงซูซูทั้งเสียใจและโกรธเคือง ยืนอยู่ตรงนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทว่าท่าทีของมั่วเชียนเสวี่ยกลับนิ่งสงบยิ่งนัก
นางเห็นว่ากระทั่งเวลานี้ท่านหญิงซูซูยังคงไม่เดินออกมา คิดว่าท่านหญิงซูซูหน้าบาง เสียใจกับคำพูดของสตรีเหล่านี้ มั่วเชียนเสวี่ยจึงโมโหยิ่งกว่าเดิม
“แอบฟังผู้อื่น ตลกสิ้นดี! ข้ามั่วเชียนเสวี่ยเป็นคนมีศีลธรรม วางตัวดี ดูแคลนพฤติกรรมเยี่ยงผู้น้อยเช่นนี้”
มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มเย้ยหยัน “ที่แห่งนี้มีกำแพง มีประตูหรือไม่ ในสวนร้อยบุปผา คุณหนูทั้งหลายงดงามยิ่งกว่าดอกไม้ ทว่าปากกลับคมยิ่งกว่ามีด ท่ามกลางผู้คนมากมาย พวกท่านเบื้องหน้ากล่าวชื่นชม เบื้องหลัง…จิ๊ๆๆ ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีของสตรีชั้นสูงเทียนฉีจริงๆ”
ถ้อยคำนี้ ทำให้บรรดาสตรีในห้อง หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม พวกนางชาติกำเนิดต่ำต้อย ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยพูด พวกนางพยายามทำความเคารพ ก้มหน้าต่ำลงเรื่อยๆ
แม้แต่คนหน้าด้านเยี่ยงท่านหญิงย่วนอ้าย คนหยาบคายที่ไม่ฟังหลักเหตุผล ยังใบ้รับประทานไปชั่วขณะ
สีหน้าของท่านหญิงซินหรุ่ยขุ่นเคืองยิ่งกว่าเดิม
แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่สนใจว่าพวกนางมีสีหน้าเช่นไร ยังคงพูดต่อ “นินทาผู้อื่นลับหลังก็ช่างเถอะ แต่ยังมีคนเตรียมที่จะแย่งตำแหน่ง…”
คำพูดของมั่วเชียนเสวี่ยทำให้ท่านหญิงซินหรุ่ยฉงน ครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางพูดด้วยความดูถูก “คุณหนูใหญ่มั่วพูดจาหยาบคายเช่นนี้ ผู้ใดจะแย่งตำแหน่ง อย่าคิดว่าตำแหน่งฮูหยินหัวหน้าตระกูลหนิงสูงศักดิ์แล้วสตรีทุกคนในใต้หล้าอยากจะกระโจนเข้าไป”
“ท่านหญิงซินหรุ่ยเข้าใจผิดแล้ว” น้ำเสียงผ่อนคลาย สายตาของมั่วเชียนเสวี่ยจับจ้องไปยังย่วนอ้ายเวิงจู่!
เมื่อครู่นางได้ยินอย่างชัดเจน ท่ามกลางสตรีมากมาย มีเพียงย่วนอ้ายเวินจู่ที่ ‘สูงศักดิ์’ คนนี้ด่าทอท่านหญิงซูซูอย่างเจ็บแสบที่สุด!
เช่นนั้น…เริ่มจากนางก็แล้วกัน!
เผชิญหน้ากับแววตาคมเฉียบของมั่วเชียนเสวี่ย ย่วนอ้ายเวิงจู่ก้มหน้าลงอย่างร้อนตัว
“ท่านหญิงซินหรุ่ยคงจะไม่รู้ เมื่อครู่สาวใช้ของข้าเห็นคนตั้งใจโยนผ้าเช็ดหน้าลงข้างๆ ฉีกั๋วกงซื่อจื่อ คนๆ นั้นคล้ายว่าจะเป็น…”
“มั่วเชียนเสวี่ย เจ้าป้ายสีข้า!”
“ย่วนอ้ายเวิงจู่ เชียนเสวี่ยบอกหรือว่าคนคนนั้นคือท่าน ช่างน่าขันสิ้นดี” ความเป็นจริงมั่วเชียนเสวี่ยเพียงลองหยั่งเชิงเท่านั้น
ตอนชูอีส่งฮูหยินทั้งสองคนกลับไป นางเห็นย่วนอ้ายเวิงจู่เล่นโยนผ้าเช็ดหน้าลงพื้นหมายจะยั่วยวนคุณชายตระกูลขุนนางใหญ่
งานเลี้ยงดอกท้อในวันนี้ ชูอีจดจำเอาไว้แล้วว่าย่วนอ้ายเวิงจู่คือลำดับต้นๆ ที่คุณหนูเกลียดชัง
เห็นภาพเช่นนั้น ชูอีจึงใส่ใจ ทั้งยังตามสืบว่าคุณชายคนนั้นเป็นใคร เมื่อกลับมาก็เล่าให้มั่วเชียนเสวี่ยฟัง
ทว่าคิดไม่ถึง บังเอิญได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ คุณชายฉีที่ถูกยั่วยวนคนนั้น ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับท่านหญิงซินหรุ่ย เป็นกำไรที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ย่วนอ้ายเวิงจู่ยังไม่ทันดึงสติกลับมา ท่านหญิงซินหรุ่ยก็ตบหน้านาง “หญิงชั้นต่ำ เจ้าเป็นคนวางแผนการเมื่อครั้งก่อนใช่หรือไม่”
“ท่านหญิงซินหรุ่ย ย่วนอ้ายไม่กล้า” ย่วนอ้ายถูกตบ ไม่เพียงไม่กล้าโต้กลับ ทั้งยังรีบคุกเข่า
ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ไม่เพียงมั่วเชียนเสวี่ยที่ตกตะลึง บรรดาสตรีที่อยู่ในเรือนต่างมองไปพร้อมกัน เงี่ยหูขึ้นฟัง ต่างสงสัยว่า นั่นคือแผนการอะไรจึงทำให้ท่านหญิงซินหรุ่ยโมโหเช่นนี้
ใบหน้าของท่านหญิงซินรุ่ยแดงระเรื่อ ยังอยากจะตบอีกสักฉาด ทว่า หางตาของนางมองไปรอบๆ ทุกคนกำลังมองมาที่นาง
นางเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่อยากขายหน้าต่อหน้าผู้คน กระทืบเท้าด้วยความโมโห หันหลังเดินออกไปด้วยความขุ่นเคือง
ย่วนอ้ายเวิงจู่ไล่ตามหลัง บิดาและพี่ชายของนางล้วนเป็นทหาร ทั้งยังอยู่ภายใต้บัญชาของอวี้จวิ้นอ๋อง หากท่านหญิงซินหรุ่ยไม่ยกโทษให้นาง เกรงว่า…
มองส่งทั้งสองและสาวใช้เดินออกไป มั่วเชียนเสวี่ยก่นด่าในใจ สุนัขกัดสุนัขเจ็บตัวทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นมั่วเชียนเสวี่ยค่อยกวาดมองบรรดาสตรีที่สีหน้าฉายความแปลกใจ สายตาของนางเปี่ยมไปด้วยความเย็นยะเยือก สตรีเหล่านี้มีไหวพริบ ดึงสติกลับมา ความสงสัยค้างอยู่บนใบหน้า ร่างกายก็แข็งทื่อในทันที
มั่วเชียนเสวี่ยเงียบ มองพวกคนที่ใจกล้า ประจบสอพลอผู้อื่น
คนเหล่านี้ เมื่อครู่ล้วนด่าทอซูซู นางไม่มีวันปล่อยพวกนางไปแน่นอน เมื่อมีครั้งแรกย่อมมีครั้งที่สอง ปล่อยพวกนางไป พวกนางไม่รู้คุณ ทั้งยังจะใจกล้ามากยิ่งขึ้น วันข้างหน้ารังแต่จะพูดจาหยาบคายกว่าเดิม
มั่วเชียนเสวี่ยเงียบ คนในเรือน ก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนเช่นเดียวกัน
บรรยากาศภายในห้องเล็กๆ ของเรือนดอกไม้ควบแน่น
บ้างครั้ง ความเงียบทำให้คนกดดันยิ่งกว่าด่าทอเสียงดัง ความเงียบกดดันหัวใจของคน กดดันจิตใจของคน สตรีทั้งหลายไม่อาจทนต่อไปได้ บางคนถึงกับตัวสั่น มั่วเชียนเสวี่ยได้สิ่งที่ต้องการแล้ว นางหัวเราะในลำคอ
“สำหรับพวกเจ้า…” นางยื่นมืออกไป ชี้หน้าสตรีเหล่านั้น พูดช้าๆ “กล้าด่าทอเชื้อพระวงศ์ คงจะรู้ว่าตนควรจะทำเช่นไรกระมัง ไม่ต้องให้สาวใช้ของข้าลงมือ หากไม่ระวัง ลมอาจจะพัดฟันพวกเจ้าร่วงได้”
สืออู่เดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว สตรีทั้งหลายเหงื่อแตกไปทั้งตัว
คิดถึงสาวใช้ที่เลือดกบปาก ฟันร่วง น่าเวทนายิ่งนัก…พวกนางขนลุกชันไปทั้งตัว!
แม้แต่ญาติผู้น้องของหัวหน้าตระกูลหนิงยังพ่ายแพ้ อนุภรรยาของอดีตหัวหน้าตระกูลถูกนางส่งกลับไปตบปากที่ตระกูลหนิง…พวกนางชาติกำเนิดต่ำต้อย มีสิทธิ์ใดต่อสู้กับบุตรีสายตรงของท่านกั๋วกง มีสิทธิ์ใดต่อสู้กับว่าที่ฮูหยินอันดับหนึ่งของตระกูลขุนนางใหญ่
เพี๊ยะๆๆ…
มีสตรีคนหนึ่งลังเล แล้วตบหน้าตนเองหลายฉาด
มีคนนำ ย่อมมีคนตามเป็นธรรมดา
ทันใดนั้นเอง เพี๊ยะๆๆ…เสียงดังขึ้นไม่หยุด