รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 359 ทะเลต้องห้ามเป็นสถานที่บ้าอันใดกัน น่ารังเกียจยิ่งนัก!

บทที่ 359 ทะเลต้องห้ามเป็นสถานที่บ้าอันใดกัน น่ารังเกียจยิ่งนัก!

บทที่ 359 ทะเลต้องห้ามเป็นสถานที่บ้าอันใดกัน น่ารังเกียจยิ่งนัก!

สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตนต่างทุกข์ใจ

พวกมันทั้งหมดจะออกไปก็คาดไม่ถึงว่าจะทำไม่ได้ ต่อให้รวมพลังทั้งหมดก็ไร้วิธีต่อกรกับพลังสังหารของฉินและคันศรวิเศษ

สิ่งนี้จะหยุดได้อย่างไรกัน!?

อีกฝ่ายเป็นเพียงนักบุญ แต่พวกมันทั้งเก้าตนเป็นถึงมหาจักรพรรดิร่วมมือกันยังทำอะไรไม่ได้ หากบนพื้นมีหลุม พวกมันคงมุดหัวเข้าไปแล้ว!

สิ่งที่สำคัญกว่าคือใช้พลังมากเกินไป พลังของพวกมันลดฮวบอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หลิงอินพลังไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย!

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาย่อมพ่ายแพ้หลิงอินอย่างแน่นอน!

“ยังไม่โผล่หัวออกมาอีกหรือ?”

หลิงอินหัวเราะอย่างเย้ยยัน นางรู้ดีจ้าวสมุทรรู้เรื่องทั้งหมด ยากยิ่งนักที่อีกฝ่ายจะไม่รู้

จ้าวสมุทรไม่ปรากฏตัวออกมาเสียที คงอยากให้นางแสดงฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย!

“หากเอาเช่นนี้ ข้าก็จะสังหารจนกว่าเจ้าจะโผล่หัวออกมา!”

สีหน้าขอหญิงสาวยังคงเฉยเมยไม่แยแส

หลิงอินโจมตีต่อไป มือรวมพลังฉินกับคันศรวิเศษกระหน่ำสังหารสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามทั้งเก้า

จุดประสงค์ที่นางมาที่นี่คือเพื่อให้ทะเลต้องห้ามหยุดทุกอย่างแต่เพียงเท่านี้

ทว่านางไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดคิดว่าจะคุยกับจ้าวสมุทรได้อย่างราบรื่น จ้าวสมุทรจะยอมแพ้จบทุกอย่างแต่เพียงเท่านี้

จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?

นางเตรียมตัวมาสู้แล้ว

สุดท้ายก็มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่คุยกันได้ อย่างอื่นล้วนไร้ประโยชน์สิ้น!

ต้องทำให้ฝ่ายทะเลต้องห้ามกลัวเท่านั้น อีกฝ่ายจึงจะยอมแพ้จริง ๆ

หากไม่เป็นเช่นนั้น ต่อให้ทะเลต้องห้ามตกปากรับคำอยู่หลายครั้งแต่ย่อมไม่ทำสักครั้ง ซ้ำยังเชื่อถือไม่ได้

แน่นอนว่านางไม่คิดว่าตนเองเพียงคนเดียวจะสามารถถล่มทะเลต้องห้ามทั้งหมดได้

เลิกทำเป็นเล่นเสียที

ต่อสู้อย่างดุเดือดกับสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามทั้งเก้าตนถึงขีดจำกัดของนางแล้ว

หากนางสามารถปลดปล่อยพลังฉินกับคันศรได้มากกว่าอีก ไม้แคล้วคงสังหารสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตนไปนานแล้ว ดีกว่ามัวแต่มาต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตนเช่นนี้

เห็นได้ชัดสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลต้องห้าม อีกฝ่ายจะต้องมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้แน่นอน

และในสถานการณ์ปัจจุบันของนาง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถล่มทะเลต้องห้ามให้พินาศสิ้น

สำหรับเรื่องนี้ หลิงอินคิดก่อนจะมาถึงทะเลต้องห้ามแล้ว

นางไม่ได้คิดจะถล่มทะเลต้องห้ามทั้งหมด แต่ต่อให้ถล่มทะเลต้องห้ามไม่ได้ นางก็ยังคงหาวิธีโจมตีจนทำให้ทะเลต้องห้ามหวาดกลัวได้ เช่นนั้นพวกเราก็มาจบลงกันตรงนี้เถอะ!

เริ่มจากสัตว์สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตนตรงหน้าเลยแล้วกัน!

หญิงสาวปล่อยพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของของฉินกับคันศรยังคงไม่ลดละ สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามทั้งเก้าตนเริ่มต้านทานไม่ไหว พวกมันเสียพลังไปมาก ซ้ำแล้วพลังยังลดลงอย่างรวดเร็ว!

ทว่าในตอนนี้เอง หลิงอินพลันรู้สึกหวาดระแวงอย่างไรไม่รู้ ขนแขนชันลุกพรึบ นางมองไปทิศทางหนึ่ง ก่อนจะเห็นหมอกดำแปลกประหลาดลอยมาทางนางอย่างช้า ๆ

ความเร็วของหมอกดำแปลกประหลาดนี้ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ช้ามาก แต่แท้จริงแล้วมันกลับเร็วมาก จากที่อยู่ไกล ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็มาถึงตัวหลิงอินแล้ว!

ความเร็วนี้เห็นได้ชัดว่าทะยานออกมาจากความว่างเปล่าและมาถึงที่นี่

แต่กลับไม่มีความผันผวนใด ๆ ในความว่างเปล่า หมอกสีดำแปลกประหลาดนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

“นี่มัน…อะไรกัน!”

เมื่อหมอกดำใกล้เข้ามา หลิงอินจึงสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ในหมอกดำได้อย่างชัดเจน ร่างกายของนางพลันแข็งทื่้อ ขยับออกจากตรงนั้นไม่ได้แม้แต่น้อย

นางไม่ได้กลัวหมอกดำที่เข้ามาใกล้ แต่…ขยะแขยง!

เพราะมีซากศพอยู่ในหมอกดำ บนร่างนั้นเต็มด้วยเนื้อเน่าเปื่อย ซ้ำยังมีหนอนซากศพคลานยั้วเยี้ย เห็นแล้วทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมปนขยะแขยง

“ทะเลต้องห้ามเป็นสถานที่บ้าอันใดกัน!”

นางอดไม่ได้ที่จะสบถ

หากก่อนหน้านี้ สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามดูไม่ชัดเจน ไร้วิธีบอกว่าเป็นพวกมันเป็นร่างแยกหรือไม่

ซากศพตรงหน้าก็สามารถบอกได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ซากศพนี้ถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน รอยเย็บรอยต่อชัดเจนเกินไป!

ชิ้นส่วนกระดูกไม่เท่ากัน ท่อนบนหนาราวกับท่อนไม้ ท่อนล่างบางราวกับฝ่ามือเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่กระดูกชนิดเดียวกัน!

เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเลต้องห้ามจะถูกเย็บปะติดปะต่อกันเช่นนี้?

หลิงอินพลันรู้สึกหนาวเหน็บ ดูเหมือนว่านางจะเดาถูก อาจเป็นไปได้ว่าร่างกายของสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามปะติดปะต่อมาจากสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดจากเผ่าพันธุ์อื่นเข้าด้วยกัน

ซากศพเน่าเปื่อยที่มีหมอกดำลอยอยู่รอบ ๆ เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แม้แต่เสียงฉินก็ไม่อาจหยุดซากศพเน่าเปื่อยได้ ร่างของหลิงอินพยายามถอยร่นไปทีละก้าว นางไม่อยากจะสัมผัสกับซากศพเน่าเปื่อยเช่นนี้!

หญิงสาวหยิบคันศร ก่อนจะยิงออกไปหมายสังหารซากศพตรงหน้า

แต่ซากศพเน่าเปื่อยนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าขัน

ศรอาบแสงยิงตรงไปยังซากศพเน่าเปื่อย ทว่าไม่อาจทะลวงเข้าไปใกล้ซากศพเน่าเปื่อยได้ เพราะถูกหมอกดำรายล้อมซากศพเน่าเปื่อยสกัดกั้น ศรสูญเสียแสงแวววับไปในทันที แหลกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะตกลงบนพื้น

เป็นอย่างที่นางคาดเอาไว้ไม่มีผิด ภายในทะเลต้องห้ามมีสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังน่าพรั่นพรึงดำรงอยู่

พลังของซากศพเน่าเปื่อยตรงหน้าเห็นได้ชัดว่าเหนือกว่านางมาก

“เจ้าคิดว่าทะเลต้องห้ามรังแกง่ายเพียงนั้นเชียว? น่าขัน!”

จ้าวสมุทรยิ้มเยาะ ซากศพเน่าเปื่อยมาอยู่ตรงหน้า หลิงอินไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป

“จับนางมา!”

มันออกคำสั่งไปยังซากศพเน่าเปื่อย

ซากศพไม่มีสตินึกคิด เป็นเพียงศพบริสุทธิ์ถูกพวกมันทะเลต้องห้ามใช้วิชาลับบางอย่างควบคุม

ส่วนซากศพเน่าเปื่อย เมื่อได้รับคำสั่งแล้วมันก็เหยียดฝ่ามือเน่าเปื่อยออกมา หมายจะจับหลิงอิน

“ไปให้พ้นข้า!”

หลิงอินตวาดเสียงลั่น พลังความแข็งแกร่งของฉินกับศรปะทุออกอีกครั้ง

ญาณของฉินวิหคเพลิงหมุนวนเป็นคลื่นทะเลเพลิงราวกับอสูรโบราณฟื้นคืนชีพ ทะเลเพลิงมอดไหม้แต่กลับไม่อาจทำอะไรซากศพเน่าเปื่อยได้!

หมอกดำรายล้อมซากศพเน่าเปื่อยสกัดกั้นญาณฉินวิหคเพลิง ก่อนคลื่นทะเลเพลิงมหึมาจะถูกหมอกดำกลืนกิน มอดดับในพริบตา!

ศรอาบแสงที่ยิงออกไปพร้อมกันด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวไร้ที่สิ้นสุด แท้จริงแล้ว ศรอาบแสงแต่ละดอกเพียงพอจะยิงดวงดารา ทว่ากับซากศพตรงหน้า พวกมันไม่แม้แต่จะสามารถเข้าใกล้ได้เลย ศรแสงถูกหมอกดำสกัดกั้น ก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยงและระเบิดเป็นผุยผงในชั่วพริบตา

ซากศพเน่าเปื่อยเพียงยื่นฝ่ามือเน่าเปื่อยอันไร้เรี่ยวแรงออกมา ค่อย ๆ เข้ามาคว้าหลิงอิน

“มาทะเลต้องห้ามของข้าแล้วยังกล้าอวดดี เจ้าสมควรโดนแล้ว!”

“ว่าตามตรง เมื่อครู่ทั้งหมดพวกเราเพียงจงใจทำให้เจ้าเข้าใจเช่นนั้น ! นักบุญตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งไม่คุ้มค่าให้พวกเราลงมือหรอก พวกเราแค่หยอกล้อเท่านั้น!”

“คิดว่าตนเองมีความสามารถจริง ๆ หรือ? น่าขัน เจ้าเป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น!”

สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามทั้งเก้าตนหัวเราะเสียงดัง ดูเหมือนว่าความทุกข์ใจที่ถูกหลิงอินทุบตีก่อนหน้านี้จะมลายหายไปแล้ว

ความแข็งแกร่งของฉินกับคันศรอยู่ต่อหน้าซากศพเน่าเปื่อยไม่อาจทำอะไรได้ ต่างชั้นกันมากเกินไป คราวนี้หลิงอินย่อมถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ พายุคลื่นกลับมาสงบต่อไป!

พวกเขายืนอยู่ด้านข้าง แย้มยิ้มอย่างสดใส ดูฉากหลิงอินถูกจับด้วยความดีใจ

ขณะเดียวกัน ร่างของหลิงอินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว นางพยายามรักษาระยะห่างกับฝ่ามือที่ยื่นออกมา

แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ามือเน่าเปื่อยนั่นตามติดนางไม่มีปล่อย เพราะไม่ว่านางจะไปปรากฏตัวที่ใด ฝ่ามือเน่าเปื่อยนั้นก็จะตามมาด้วย ทำให้ระยะห่างยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ นางกำลังจะถูกฝ่ามือเน่าเปื่อยนั้นจับจริง ๆ แล้ว

ด้านหน้าตำหนัก จ้าวสมุทรพลันเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “ถึงเวลาที่ข้าต้องปรากฏตัวแล้ว…”

ทุกสิ่งอย่างไม่จำเป็นต้องพะวงอีกต่อไป หลิงอินย่อมต้องถูกจับอย่างแน่นอน นี่คือพลังอำนาจของทะเลต้องห้าม มันจะปรากฏตัวขึ้นสนทนากับหลิงอินอย่าง ‘ดี ๆ’ มาดูกันเสียว่า แท้จริงแล้วแดนสังสารวัฏต้องการทำสิ่งใดกันแน่!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท