ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 2-11

Side Story < Love Historiette > 2-11

“อ้อ อยู่จริงๆ ด้วย”

เธอคือชินโรอาที่แสดงละครเรื่องนี้ด้วยนั่นเอง เธอเป็นนักแสดงที่มีความสามารถทางการแสดงที่ยอดเยี่ยมจนถูกเลือกให้เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่น่าจับตามองในปีนี้ หญิงสาวตัวสูงและมีหน้าตาที่โดดเด่นเพราะเป็นนางแบบมาก่อน แค่เธอยืนคู่กับอีอูยอนก็เป็นเหมือนภาพวาดจนทำให้มีการคาดการณ์ถึงข่าวลือเรื่องการคบหาดูใจกันไปทั่วแล้ว

“คนรวมตัวและคุยกันว่ารุ่นพี่อีอูยอนกำลังกินข้าวอยู่ทางโน้นน่ะค่ะ ฉันสงสัยก็เลยลองเข้ามาดู แล้วรุ่นพี่ก็อยู่จริงๆ ด้วย”

เธอยิ้มพลางพูดคุยด้วย อีอูยอนจึงทักทายอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับ” หัวหน้าทีมชาและอินซอบลุกขึ้นทักทายหญิงสาวทันที

“กำลังจะไปกองถ่ายเหรอครับ ข้าวใส่ซุปที่นี่อร่อยมาก กินก่อนแล้วค่อยไปสิครับ”

หัวหน้าทีมชาพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

“ค่ะ ถึงไม่บอกฉันก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ รุ่นพี่กำลังกินข้าวอยู่เหรอคะ”

“ผมกินเสร็จแล้วครับ”

อีอูยอนตอบสั้นๆ

“กินอะไรเหรอคะ ฉันจะได้สั่งอย่างเดียวกันมากินค่ะ”

อินซอบลุกขึ้นเพราะคำถามของชินโรอา

“ผมจะไปสั่งมาให้ครับ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมจะไปเอง คุณอินซอบรีบกินเถอะครับ”

อีอูยอนบังคับให้อินซอบนั่งลงก่อนจะลุกขึ้น อินซอบหยิบช้อนขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร

“วันนี้เป็นการถ่ายทำครั้งแรก คงจะตื่นเต้นมากเลยใช่ไหมครับ กินนี่สักหน่อยไหมครับ”

พอหัวหน้าทีมชาจะยื่นขนมลูกวอลนัตในส่วนของตัวเองให้ อินซอบก็รีบยื่นถุงขนมลูกวอลนัตไปทางชินโรอา

“ขอบคุณค่ะ ฉันจะกินแค่ชิ้นเดียวพอค่ะ”

เธอยิ้มและหยิบขนมลูกวอลนัตใส่ปากไปหนึ่งชิ้น ผ่านไปไม่นานอีอูยอนก็วางถาดอาหารลงตรงหน้าหญิงสาว

“คงต้องกินแค่นิดเดียวแล้วล่ะ เพราะจะปล่อยให้หน้าบวมไม่ได้”

“ไม่เห็นว่าหน้าจะบวมเลยสักนิดเดียว กินเยอะๆ เลยครับ”

หัวหน้าทีมชาทำมือสั่งให้รีบกิน

“ผู้จัดการส่วนตัวของรุ่นพี่อีอูยอนนี่ดีจังเลยนะคะ พี่ผู้จัดการส่วนตัวของฉันน่ะแค่กินขนมก็บ่นแล้ว เพราะฉันเป็นพวกน้ำหนักขึ้นตามที่กิน ฮ่าฮ่า”

“อย่างนั้นเองสินะครับ”

“แต่รุ่นพี่ดูแลตัวเองดี คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ จำบทได้หมดแล้วหรือยังคะ ตอนที่ได้บทมาครั้งแรก ฉันนึกว่าเกิดแผ่นดินไหวที่สมองซะแล้วค่ะ เพราะศัพท์ทางการแพทย์เขียนด้วยภาษาอังกฤษหมดเลย”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

“แต่รุ่นพี่จำบทของนักแสดงที่เล่นด้วยได้หมดเลยนี่คะ ถ้าฉันลืมบท ช่วยบอกให้ฉันรู้ด้วยนะคะ”

อินซอบวางช้อนลงเงียบๆ และเรียกหัวหน้าทีมชาว่า “ขอโทษนะครับ”

“มีอะไรเหรอคุณอินซอบ”

“ขอกุญแจรถให้ผมได้ไหมครับ ผมจะไปเข้าห้องน้ำและไปรอที่รถก่อนครับ”

“โอ้ เอางั้นเหรอ”

หัวหน้าทีมชาหยิบกุญแจออกมายื่นให้

“กินให้อร่อยนะครับ แล้วเดี๋ยวพบกันครับ”

อินซอบร่ำลาชินโรอาอย่างเรียบร้อยและลุกขึ้น อีอูยอนมองด้านหลังของอินซอบที่ถือถาดอาหารเดินจากไปนิ่งๆ

“รุ่นพี่คะ จะไปที่กองถ่ายเลยใช่ไหมคะ”

“ครับ”

“งั้นพาฉันไปส่งหน่อยได้ไหมคะ พอดีรถของฉันมันผิดปกติ พี่ผู้จัดการส่วนตัวเลยบอกว่าจะเรียกแท็กซี่น่ะค่ะ แต่ถ้าทำแบบนั้นคงจะสายนิดหน่อย”

“รถเป็นอะไรเหรอครับ เครื่องยนต์เสียเหรอ”

หัวหน้าทีมชาอุทานและเดาะลิ้น

“เห็นว่ามีเสียงแปลกๆ ดังมาจากเครื่องยนต์น่ะค่ะ เขาบอกว่ามาจนถึงที่นี่ได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็เหมือนจะอันตราย พี่ผู้จัดการส่วนตัวเป็นพวกปลอดภัยไว้ก่อนน่ะค่ะ ฮ่าฮ่า”

แม้จะเป็นสถานการณ์ที่สามารถทำให้หงุดหงิดได้ แต่หญิงสาวกลับยิ้มอย่างยินดี

“แต่ก็โชคดีนะคะ ที่เจอรุ่นพี่ที่นี่พอดีเลย”

อีอูยอนตอบว่า “นั่นสินะครับ” และพูดต่อ

“แต่ทำยังไงดีล่ะครับ ดูเหมือนจะนั่งรถไปด้วยกันไม่ได้นะครับ”

“คะ?”

หญิงสาวไม่สามารถซ่อนความงงงวยไว้ได้ เพราะไม่คิดว่าเรื่องจะดำเนินไปแบบนี้

“เพราะผู้จัดการส่วนตัวของผมกลัวคนแปลกหน้ามากเลยครับ แล้วก็ไม่ค่อยชอบคนด้วย เพราะฉะนั้นถ้ามีคนที่ไม่รู้จักนั่งรถไปด้วยเขาจะขับรถไม่ได้ครับ”

“หา? ผู้จัดการส่วนตัวคนไหน?”

อีอูยอนยิ้มตาหยีและใช้คางชี้ไปที่อีกฝ่าย เพราะคำถามที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมของหัวหน้าทีมชา

“ไม่นะ ฉันเป็นแบบนั้นตอนไหน ฉันไม่สนใจเลยสัก…”

“อย่าฝืนเลยครับ ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไงล่ะครับ”

ความหมายมากมายแฝงอยู่ในประโยคพวกนั้น

ถ้าพูดอะไรที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ อุบัติเหตุอย่างคาดไม่ถึงกำลังรอคุณอยู่ครับ

…และหัวหน้าทีมชาก็อยู่กับอีอูยอนมานานพอที่จะอ่านความหมายนั้นออกได้อย่างคล่องแคล่ว

“…อ้อ …ใช่ครับ ผมกลัวคนแปลกหน้ามาก…ขอโทษนะครับ”

หัวหน้าทีมชาที่รับบทบาทเป็นตัวสร้างบรรยากาศในกองถ่ายด้วยตัวเอง และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนอยู่เสมอขอโทษชินโรอาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้าคิดว่าสาย ผมจะบอกผู้กำกับให้ครับ”

“เอ่อ ค่ะ…งั้น เดี๋ยว…”

“ครับ ไว้เจอกันครับ”

อีอูยอนยิ้มอย่างสดใสและลุกขึ้น หัวหน้าทีมชาก้มหัวให้ชินโรอาอีกครั้ง และรีบตามหลังอีอูยอนไป

“นี่ อีอูยอน ถึงจะใช้ข้ออ้าง แต่อ้างแบบนั้นเหรอ นายทำให้บรรยากาศเสียนะ”

หัวหน้าทีมชาออกมาข้างนอก และซักถามอีอูยอน

“งั้นควรจะบอกไปตรงๆ ว่าผมไม่ชอบสินะครับ จะได้ทำให้บรรยากาศแย่ตั้งแต่ช่วงต้นของการถ่ายทำเลย”

“…ยังไงก็เป็นทางที่จะไปอยู่แล้ว พาเขาไปด้วยจะเป็นอะไรล่ะ”

“ไม่ได้ครับ คุณอินซอบหึงครับ”

หัวหน้าทีมชาอึ้งจนพูดไม่ออก และหัวเราะเยาะ

“พูดเรื่องหึงสินะ แค่พูดว่าไม่เพราะนายไม่สบายใจก็ได้นี่ นายกำลังใช้คุณอินซอบเป็นข้ออ้างต่างหาก”

อีอูยอนเอียงคอ

“คุณอินซอบขี้หึงมากนะครับ ไม่รู้เหรอครับ”

“ชเวอินซอบน่ะเหรอ ฮ่าๆๆๆ นี่ นายพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย”

หัวหน้าทีมชาคาบบุหรี่ไว้ในปากและจุดไฟ ในบรรดาคนที่คนรู้จัก ชเวอินซอบเป็นคนดีที่สุด ถึงขนาดอธิบายด้วยคำว่าจิตใจดีเฉยๆ ยังไม่พอด้วยซ้ำ ข้อแม้ที่บอกว่าอินซอบที่เป็นแบบนั้นหึงฟังดูไม่มีเหตุผลสำหรับหัวหน้าทีมชา

“แม้คุณอินซอบจะเป็นคนกินน้อยอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวอาการนั้นจะรุนแรงขึ้นครับ”

“…”

อีอูยอนมักจะพูดข้ามไปข้ามมาจนไม่สามารถเข้าใจได้ แม้จะมีประสบการณ์มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ชินง่ายๆ และขนลุกทุกครั้ง

“ผมเห็นว่าน้ำหนักเขาลดไปหนึ่งกิโลกรัมจากเดือนที่แล้วครับ”

อีอูยอนหมุนฝาขวดน้ำแร่และพูดต่อ

“เขากินเนื้อไม่ค่อยได้ และไม่ชอบของมันๆ การทำให้เขาอ้วนขึ้นยากไม่ใช่เล่นเลยครับ”

“…ทำให้อ้วนขึ้นแล้วจะทำอะไรต่อล่ะ”

“จะทำอะไรล่ะครับ ก็จะจับกินน่ะสิ”

อีอูยอนยิ้มโชว์ฟันที่ขาวและเรียงตัวสวย เขานึกถึงคำที่กรรมการผู้จัดการคิมพูดตอนที่ปฏิเสธผลงานของผู้กำกับคนดังที่มีเข้ามาต่อหน้าอีอูยอนอย่างเด็ดขาด

‘เขาบอกว่าเป็นบทแวมไพร์น่ะ…มีดผ่าตัดดีกว่านะ…ฉันกลัว’

หัวหน้าทีมฉากนึกภาพอีอูยอนเคี้ยวอินซอบกินทั้งตัวอยู่ชั่วครู่ และลูบแขนที่ขนลุกซู่

“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นครับ ถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อยรู้ แต่ถ้าน้ำหนักลด คุณอินซอบจะเหนื่อยขึ้นน่ะครับ ดังนั้นก็เลยต้องดูแลน้ำหนักดีๆ”

หัวหน้าทีมชาดูดควันบุหรี่เข้าไปพลางมองอีอูยอน บางครั้งเขาก็รู้สึกแปลกๆ

เพราะหมอนั่นจะดูเหมือนคนที่คบหาดูใจกันอย่างปกติทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น…

“แล้วถ้าผอมมากไป เวลากระแทกจากทางด้านหลังจะเจ็บน่ะครับ”

“…”

คนรักที่ปกติกะผีน่ะสิ

หัวหน้าทีมชาพ่นควันบุหรี่ออกมา

“แล้วทำไมถึงพูดเรื่องน้ำหนักของชเวอินซอบในสถานการณ์นี้ล่ะ”

“เพราะอาหารไม่กี่อย่างที่คุณอินซอบชอบคือข้าวใส่น้ำซุปที่จุดพักรถนี้ไงครับ ไม่ว่าจะมากี่ครั้งเขาก็จะกิน และกินได้ดีด้วยครับ”

เขานึกถึงคำพูดของอีอูยอนที่บอกให้แวะจุดพักรถนี้ก่อนออกเดินทางในวันนี้ แม้จะสงสัยเพราะเป็นทางอ้อมเล็กน้อย แต่หัวหน้าทีมชาก็ขับรถมาทางนี้โดยไม่พูดอะไรเป็นพิเศษ

“แต่มันเหลือตั้งครึ่งหนึ่งเลยนะครับ”

“หา?”

“เขาทิ้งขนมลูกวอลนัตไว้”

อีอูยอนโยนถุงขนมลูกวอลนัตลงถังขยะใกล้ๆ หัวหน้าทีมชานึกถึงขนมลูกวอลนัตที่เหลืออยู่สองสามชิ้นและรู้สึกอยากกินมากๆ

“เขาแค่ไม่อยากอาหารหรือเปล่า ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะหึงกับทุกเรื่องอย่างนาย”

อีอูยอนหัวเราะ บรรยากาศในตอนเช้ามืดที่ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นถูกทำให้สั่นไหวเบาๆ ด้วยเสียงหัวเราะที่ก้องกังวาน ที่บอกว่าน้ำเสียงและเสียงหัวเราะที่น่าฟังเป็นหนึ่งในความผิดของอีอูยอนไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยจริงๆ

“งั้นอีกสามสิบนาทีเจอกันนะครับ”

“หา? อยู่ๆ ก็พูดเรื่องอะไรน่ะ ทำไมถึงเป็นอีกสามสิบนาทีล่ะ”

“ก็ผมต้องปลอบคุณอินซอบน่ะสิครับ”

อีอูยอนมองรถตู้ที่จอดไวตรงมุมและดื่มน้ำ หลังจากดื่มน้ำแร่ไปครึ่งขวด เขาก็ใช้ลิ้นทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นเบาๆ ราวกับจะบอกว่าความกระหายไม่ลดลงเลย

“จะปลอบยังไงถึงขอตั้งสามสิบนาที…”

“ว้าว สงสัยจริงๆ เหรอครับ”

“…ไม่ล่ะ”

หัวหน้าทีมชาส่ายหน้าทันที แต่เพราะถามคำถามผิดอีกครั้ง เขาถึงถูกทรมานทั้งๆ ที่ลืมตา

“มาให้ตรงเวลาด้วยนะครับ แต่ถ้ามาสายจะดีกว่า อ้อ อย่าเข้าไปในจุดพักรถอีกนะครับ ถ้าเจอเด็กนั่นอีกบรรยากาศจะแย่โดยไม่จำเป็น”

อีอูยอนเขย่าน้ำแร่ที่อยู่ในขวดพลางเดินไป หัวหน้าทีมชาโกรธขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าสภาพของตัวเองที่ต้องเป็นโร้ดเมเนเจอร์ในอายุเท่านี้ และรอพร้อมกับตัวสั่นอยู่ข้างนอกทั้งที่อากาศหนาวน่าสมเพชมาก และคิดที่จะด่าอีกฝ่ายสักคำ

“เฮ้ย!”

อีอูยอนหันกลับมามอง เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกระดับ เพราะท่าทางนั้นดูสมบูรณ์แบบและหล่อมาก เพราะแบบนั้นเขาจึงพูดคำที่ไม่ควรพูดออกมา

“เพราะนายเป็นแบบนั้น คุณอินซอบถึงป่วยอยู่เรื่อยและน้ำหนักลดไม่ใช่เหรอ นายควร…”

อีอูยอนย่างสามขุมเข้ามาหาก่อนที่จะทันได้พูดว่า “ข่มเหงเขาอย่างพอดีๆ” จบ

อีอูยอนเป็นนักแสดงดูแลตัวเองอย่างชัดเจน ครั้งนี้เขาลดน้ำหนักลงไปถึงห้ากิโลกรัมเพื่อให้ตรงกับบทศัลยแพทย์ที่หงุดหงิดง่าย เรียกได้ว่าเป็นระดับที่ต้องการความเจ็บปวดที่ยากลำบากสำหรับคนที่ปกติชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะสันกรามที่คมขึ้น อีอูยอนที่เดินเข้ามาหาจึงดูคุกคามกว่าปกติหลายเท่า

…ทำไมไหล่ถึงกว้างขนาดนั้นล่ะ

“หัวหน้าทีม”

หัวหน้าทีมชาเผลอก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวและตอบด้วยเสียงที่สั่นคล้ายจะร้องไห้ว่า “มะ มีอะไร”

“ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ”

“ใช่ ถ้านายมีจิตสำนึกก็ควรจะเปลี่ยนความคิด จะให้ยืนอยู่ข้างนอกถึงสามสิบนาทีกับความหนาวนี้อย่างนั้นเหรอ”

อีอูยอนดื่มน้ำที่เหลือจนหมด แม้จะเป็นแค่การดื่มน้ำ แต่กลับเป็นภาพที่เหมือนจะเป็นโฆษณาได้ถ้าถูกบันทึกไว้ในกล้องและปล่อยออกไป

“ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อกี้ผมก็รู้สึกไม่ดีครับ”

“อะไร…”

“เรื่องความจำเสื่อม”

อีอูยอนสบถพร้อมกับบิดขวดน้ำแร่

“ผมจะรั้งให้เขาอยู่ข้างๆ ผมได้ยังไงล่ะ เขาจะลืมผมไปจนหมดเลยนะครับ แล้วผมจะอยู่ยังไง”

“…”

…อย่าอยู่เลย ตายไปเถอะ

“เป็นเพราะคุณ ผมคงจะฝันร้ายทุกคืน”

อีอูยอนทำหน้าตาผ่อนคลายที่ห่างไกลกับฝันร้ายและเหยียดยิ้ม

“เพราะฉะนั้น หัวหน้าทีมครับ”

อีอูยอนให้หัวหน้าทีมชากำขวดน้ำแร่เปล่าที่บู้บี้ไว้ในมือและพูดต่อ

“เชิญมาจนถึงกองถ่ายเองนะครับ”

“พูดเรื่องอะไรน่ะ ฉันจะไปถึงที่นั่นจากที่นี่ได้ยังไง…”

หัวหน้าทีมชากลั้นหายใจดังเฮือก ตาของอีอูยอนจ้องเขม็งและวาวโรจน์

“หัวหน้าทีมพูดถูกครับ ผมหึงกับทุกอย่าง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้นะครับ เพราะคนที่จิตใจดีกว่าผมมันมีอยู่ทั่วไป ผมโคตรจะหึงเลยล่ะครับ”

“…ฉัน ฉันทำอะไร”

“แล้วจะหยิบไอ้ขนมวอลนัตเหี้ยนั่นขึ้นมากินทำไมครับ”

‘กินเยอะๆ เลยครับ’

เขานึกถึงอินซอบที่เปิดถึงขนมลูกวอลนัตออกและยื่นให้ จากนั้นก็นึกถึงอีอูยอนที่จ้องมองท่าทีนั้นโดยไม่พูดอะไรอยู่ข้างๆ

“อย่าเปิดประตูรถเด็ดขาดนะครับ คุณควรจะอยู่กับกรรมการผู้จัดการอย่างมีความสุขนานๆ”

“…”

“แล้วเจอกันครับ”

อีอูยอนยิ้มอย่างน่ามองพลางเปิดประตูรถตู้และหายเข้าไปด้านใน หัวหน้าทีมชาที่เหลืออยู่คนเดียวมองขวดน้ำแร่ที่กำไว้ในมือและถอนหายใจ เขาจุดบุหรี่มวนใหม่อีกครั้งและใช้มือที่สั่นเทาค้นหารายชื่อในสมุดโทรศัพท์ก่อนจะโทรออก

“อื้อ ผมเองครับ ในตอนรุ่งสางแบบนี้ผมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะรบกวนครับ”

หัวหน้าทีมชาพ่นควันบุหรี่ออกมายาวนาน

“ผมจะส่งที่อยู่ไปให้ ช่วยส่งรถมาที่นี่สักคันนะครับ อ๋อ แล้วก็เรื่องนั้นที่ผมเคยพูดถึงน่ะครับ เรื่องปืนเก็บเสียงน่ะ ยังหาไม่ได้อีกเหรอครับ”

เสียงร้อนรนดังมาจากอีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์

“เดี๋ยวผมจะใช้มันน่ะ ผมจะยิงหัวไอ้เฮงซวยอีอูยอนทิ้ง ฮ่าๆๆ”

หัวหน้าทีมชาที่หัวเราะเสียงดังดูดบุหรี่ผิดจังหวะและสำลัก

“ไม่ ไม่ ร้องไห้อะไรล่ะ ทำไมผมต้องร้องไห้ด้วยล่ะครับ อายุขนาดนี้แล้ว ผม… …แม่ง พี่ครับ”

หัวหน้าทีมชาทรุดตัวลงนั่ง แล้วเขาที่สะอึกสะอื้นอยู่สักพักก็หัวเราะเพราะเสียงที่ได้ยินจากปลายสาย

“ครับ เข้าใจแล้วครับ ผมบอกว่าเข้าใจแล้ว ถ้าแบ่งหุ้นให้ขนาดนั้นแล้วประธานบริษัทถูกเปลี่ยนจะทำยังไงล่ะครับ พอแล้ว ถ้ากลับไปที่โซลแล้วผมจะเลี้ยงโซจูครับ แล้วก็กรรมการผู้จัดการครับ…”

หลังจากสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่จนไฟติด หัวหน้าทีมชาก็พูดต่อ

“รักษาสัญญาด้วยนะครับ ถ้าการต่อสัญญาของอีอูยอนสิ้นสุดลง คราวนี้ต้องจบนะครับ ถึงเวลานั้นคุณลองกลับคำพูดดูสิครับ แล้วผมจะหาปืนไม่มีเสียงมาไว้เอง”

เสียงที่บอกว่าเชื่อฉันเถอะถูกส่งกลับมา หัวหน้าทีมชาตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ” ก่อนจะวางสาย

เขาถอนหายใจ เขาไม่คาดหวังว่ากรรมการผู้จัดการคิมจะรักษาสัญญานั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ต่อให้ปากจะด่าว่า แต่กรรมการผู้จัดการคิมก็ไม่สามารถยอมแพ้กับอีอูยอนได้ แม้แต่ตอนที่อีอูยอนกับอินซอบอยู่ที่อเมริกา กรรมการผู้จัดการคิมก็ร้องไห้หาอีอูยอนทุกครั้งที่เมาเหล้า แต่ไม่ใช่เพราะคิดว่าเป็น ‘สินค้าที่ดี’ อย่างที่เรียกกัน ไม่มีใครจะจริงใจกับ ‘นักแสดงอีอูยอน’ ได้เท่ากรรมการผู้จัดการคิมแล้ว

เขามองรถตู้ที่จอดไกลออกไปผ่านอากาศในช่วงเช้ามืดที่หนาวเหน็บ บางทีตรงนั้นอาจจะมีใครอีกคนที่จริงใจพอๆ กัน…

“โอ้โฮ!”

ดูเหมือนรถคันใหญ่นั้นจะโยกอย่างไม่จำเป็น หัวหน้าทีมชาเบือนหน้าหนี เขาไม่อยากจินตนาการถึงภาพอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นข้างใน

เขายื่นหน้าไปรับพลังสีแดงบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกที่เป็นสีน้ำเงินจางๆ นี่เป็นรุ่งสางที่งดงามและธรรมดาเหมือนทุกวัน และวันที่แสนเฮงซวยกับอีอูยอนก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท