ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 2-12

Side Story < Love Historiette > 2-12

แม้จะดูเหมือนอีอูยอนทำตามที่อยากทำ แต่ก็เป็นคนที่มีเส้นแบ่งของตัวเองที่ชัดเจน

แม้จะอยู่ในช่วงที่ยุ่งกับงานแสดง เขาก็ยังออกกำลังกายตามกิจวัตรและดูแลตัวเองพร้อมกับดูแลบ้านให้อยู่ในสภาพที่สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอด้วย

เขาเกลียดสิ่งที่น่ารำคาญและเกะกะ ถึงขนาดที่แม้กระทั่งตอนนอนก็นอนเปลือยเพราะไม่ชอบให้มีอะไรมาโดนตัวให้รู้สึกรุ่มร่าม แม้จะซื้อชุดนอนมาทิ้งไว้ตอนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับอินซอบ แต่เวลาที่เขาใส่แค่กางเกงหรือถอดมันออกด้วยกลับมีเยอะกว่า

เขาจะไม่ทำเรื่องที่ประสิทธิภาพต่ำ นั่นก็เพราะว่าเขาไม่เข้าใจ อินซอบเองพยายามจะรักษาเส้นแบ่งของอีอูยอน แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

นิสัยของเขาที่เป็นแบบนั้นขึ้นชื่อในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ด้วย ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ติดต่อไปก่อน และถึงจะถูกติดต่อมาก็จะไม่ตอบ ในที่สุดนอกจากอินซอบแล้วอีอูยอนก็ไม่ติดต่อกับใครเลย เพราะการติดต่อที่เกี่ยวกับงานนั้นทำผ่านบริษัททั้งหมด

มีข้อความจากกรรมการผู้จัดการคิมส่งมาหาเมื่อไม่กี่วันก่อน

[ว่างไหม ถึงไม่ว่างก็ว่างให้หน่อย พาอินซอบมากินข้าวกันสักมื้อเถอะ]

แม้อีอูยอนจะอ่านข้อความแล้ว แต่ก็ไม่ตอบ พอเขาทำแบบนั้น กรรมการผู้จัดการคิมก็ส่งข้อความหาอินซอบ

[อินซอบ มีเวลาว่างสักนิดไหม มากินข้าวกับหัวหน้าทีมชาสักมื้อไหม มากับอีอูยอนด้วย]

อินซอบเอาข้อความให้อีอูยอนดูทันที อีอูยอนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาตอบด้วยสีหน้าที่บอกว่าไม่สนใจว่า “แล้วยังไงเหรอครับ”

“…ว่างไหมครับ”

อีอูยอนปิดหนังสือทันที จากนั้นก็ถอดเสื้อไหมพรมที่ใส่อยู่ออก พอเขาไม่หยุดอยู่แค่นั้น และกำลังจะปลดกระดุมกางเกง อินซอบก็ตกใจและเอ่ยถามว่า “จะทำอะไรครับ”

“เมื่อกี้คุณยั่วผมไม่ใช่เหรอครับ”

“ครับ?”

“การถามว่าว่างหรือเปล่าในเย็นวันศุกร์มีความหมายอื่นด้วยเหรอ”

อีอูยอนถามกลับด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าไม่เข้าใจจริงๆ

“ไม่ได้ยั่วนะครับ กรรมการผู้จัดการส่งข้อความมา…”

อินซอบยื่นข้อความที่กรรมการผู้จัดการคิมส่งมาไปตรงหน้าอีอูยอนอีกครั้ง

“โอ้”

แล้วเสียงเรียบๆ ก็พูดต่อ

“เพราะเมื่อกี้ใครบางคนยั่วผม ผมเลยไม่มีเวลาจะไปที่นั่นไง”

อีอูยอนยื่นแขนออกมากอดเอวอินซอบ

“อย่าแกล้งสิครับ”

แม้อินซอบจะแกะมือของอีอูยอนออก แต่เขาก็ไม่ขยับเลยสักนิด อย่าว่าแต่จะเอาออกเลย เขากลับเกร็งแขนและกอดอินซอบไว้แน่นด้วยซ้ำ

“คุณอูยอน”

“ว่าไง”

อีอูยอนถูไถสันจมูกที่ได้รูปกับเอวของอินซอบพลางเอ่ยตอบ

“งั้นให้ส่งข้อความไปบอกว่าไม่ว่างไหมครับ”

อีอูยอนเงยหน้าขึ้นมา และสบตากับดวงตาที่กลมโตและอ่อนโยนของอินซอบ

“มันกวนใจคุณเหรอ”

อินซอบลังเลก่อนจะตอบว่า “ครับ” อีอูยอนถอนหายใจเบาๆ อินซอบที่ให้ความสำคัญกับเรื่องมารยาทจนน่าอึดอัดไม่มีทางสบายใจหลังจากปฏิเสธนัดหมายที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายเสนอก่อน อีกฝ่ายต้องกลุ้มใจอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน และอีอูยอนก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องนั้น

“เข้าใจแล้วครับ ไปกินข้าวกันสักมื้อเถอะครับ”

ใบหน้าของอินซอบกลับมาสดใสทันที อีอูยอนหัวเราะสั้นๆ ราวกับจะบอกว่าไม่น่าเชื่อ

“ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าผมขังคุณไว้และไม่ยอมให้ไปเจอใคร”

“…”

…ผมไม่ได้ออกไปไหนมาหนึ่งอาทิตย์แล้วนี่ครับ

อีอูยอนเก็บตัวอยู่บ้านและไม่ออกไปไหนเลยตลอดช่วงวันหยุดยาว ไม่มีแม้กระทั่งการออกไปจ่ายตลาด เพราะเขาสั่งวัตถุดิบในการทำอาหารทั้งหมดมาส่งที่บ้าน แถมยังไม่ไปฟิตเนสและออกกำลังที่บ้านแทนด้วย ปัญหาก็คืออินซอบไม่สามารถขยับตัวไปจากข้างตัวของอีอูยอนที่เป็นแบบนั้นได้เลย

ถ้าอินซอบจะออกไปร้านสะดวกซื้อ อีอูยอนก็จะอ้อนว่าจะทิ้งตัวเองไปที่ไหนเหรอ และยังถามว่าจะออกไปเพราะไม่ชอบเห็นตัวเขาที่ไม่มีงานและเอาแต่อยู่บ้านใช่ไหมพร้อมกับทำตัวผิดปกติจนน่าด่าด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อยที่สุดในโลก

สุดท้ายอินซอบออกไปนอกประตูบ้านไม่สำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว การออกไปข้างนอกที่ยาวนานที่สุดคือการออกไปทิ้งขยะ แต่แม้กระทั่งสิ่งนั้นก็เกือบจะเป็นหน้าที่ของอีอูยอน

“งั้นผมจะนัดสุดสัปดาห์นี้นะครับ”

อินซอบยิ้มน้อยๆ และพยักหน้าให้กับคำพูดของอีอูยอน อีอูยอนที่มองภาพนั้นนิ่งปลดกระดุมกางเกงออก

“ปลดทำไม…”

“ถึงตาที่ผมต้องให้เวลาคุณแล้วไงครับ”

“ไม่ ไม่ครับ ไม่เป็น…”

“คนเราต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ลำเอียงสิครับ”

แม้จะไม่รู้ว่าต้องหาความยุติธรรมจากส่วนไหนกันแน่ แต่อีอูยอนก็วิ่งเข้าไปพรมจูบอินซอบ เขาให้เวลาอย่างยุติธรรมกับทั่วทั้งตัวของอินซอบทั้งคืน

และการนัดหมายก็เกิดขึ้นหลังจากนั้นสองวัน

***

“ใช่ที่นี่เหรอครับ”

อินซอบเดินขึ้นบันไดพลางเอ่ยถาม

“ครับ ใช่ครับ”

“…ไม่มีป้ายเลย”

อินซอบหันไปมองรอบๆ อย่างเป็นกังวลตั้งแต่ตรงทางเข้าตึกและพึมพำ

“เดิมทีก็ไม่มีครับ เพราะว่าตึกนี้เป็นของพ่อของกรรมการผู้จัดการเลยรับแค่ลูกค้าที่เป็นสมาชิกเท่านั้นครับ”

อีอูยอนเปิดประตูร้านอย่างมั่นใจเพราะเคยมาหลายครั้งแล้ว อินซอบเดินตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างระมัดระวัง พนักงานนำทางพวกเขาทั้งคู่ไปโดยไม่ถามชื่อของกลุ่มที่มาด้วยด้วยซ้ำ พอเข้ามาในห้องส่วนตัว หัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมที่มาถึงก่อนก็ทักทายอย่างดีใจ

“อ้อ มาแล้วเหรอ”

“รีบมานั่งสิ”

อินซอบค้อมหัวทักทายอย่างมีมารยาท

“สวัสดีครับ ขอโทษนะครับที่มาสาย ผมรีบออกเดินทางแล้วแต่รถติดมากเลยครับ”

“โอ๊ย ในเวลานี้แถวนี้ก็คือที่จอดรถดีๆ นี่แหละ”

หัวหน้าทีมชาหัวเราะพลางทำมือสั่งให้อินซอบรีบนั่งข้างๆ ตัวเอง พออีอูยอนนั่งตรงนั้น หัวหน้าทีมชาก็ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ อินซอบยิ้มเจื่อนพลางนั่งลงข้างอีอูยอน

“ฉันสั่งอาหารไว้แล้ว ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ครับ ไม่เป็นไรครับ”

อินซอบตั้งใจพยักหน้าให้กับคำถามของกรรมการผู้จัดการคิม

“ไม่เป็นไรอะไรล่ะ อาหารที่นี่ได้ชื่อว่าเผ็ดมาก เดี๋ยวนี้คุณอินซอบกินเผ็ดเก่งแล้วเหรอครับ”

ดวงตากลมโตของอินซอบสั่นไหวอย่างกังวลใจเพราะคำถามของอีอูยอน

“ไม่เผ็ดหรอก ไม่ต้องกังวล อาหารไม่เผ็ดเลยสักนิดเดียว ทำไมต้องแกล้งเขาด้วยล่ะ”

หัวหน้าทีมชาจ้องอีอูยอนเขม็ง อีอูยอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางเอนไหล่ไปด้านหลัง อินซอบเตรียมรับมือกับเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นและลากกระบอกน้ำมาวางไว้ใกล้ๆ ตัว

พอพนักงานเอาอาหารเรียกน้ำย่อยมาวางไว้และปิดประตู อีอูยอนก็เอ่ยถาม

“ทำไมจู่ๆ ถึงชวนมาเจอล่ะครับ”

“ทำไมน่ะเหรอ ก็เรียกมาเพราะอยากเห็นหน้าเฉยๆ น่ะ”

กรรมการผู้จัดการคิมโกหกอย่างหน้าไม่อายและยิ้มกว้าง หัวหน้าทีมชาที่ถูกบังคับให้ออกมาที่นี่อย่างแน่นอนขมวดคิ้วพร้อมกับเอาอาหารที่อยู่ในจานเล็กๆ เข้าปากโดยไม่พูดอะไร

“ไม่มีคนที่เรียกมาเพราะแค่อยากเจอหน้าโดยไม่มีแผนการลับในใจหรอก”

อีอูยอนหยิบส้อมขึ้นมาพลางพูด

“ฉันอยากเจอหน้าสักครั้งจริงๆ ถึงชวนมากินข้าว! นายโดนหลอกบ่อยเหรอ”

กรรมการผู้จัดการคิมตะโกนอย่างฉุนเฉียว อีอูยอนเอ่ยตอบด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ใช่ครับ” เขากินอาหารเรียกน้ำย่อยด้วยท่าทางที่งดงามก่อนจะพูดต่อ

“งั้นก็มองหน้าที่อยากเจอให้เต็มที่และกินข้าวเถอะครับ อย่าพูดอะไรที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์นะครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมมองหัวหน้าทีมชาด้วยสีหน้าที่บอกว่าพลาดแล้วล่ะ

ฮยอนคยู ช่วยด้วย

ราวกับได้ยินการคร่ำครวญที่ปรากฏในสายตาที่มีริ้วรอยที่หู หัวหน้าทีมชาแกล้งทำเป็นไม่รู้และยัดอาหารใส่ปาก

“ทั้งสองคนสบายดีไหมครับ”

อินซอบเป็นฝ่ายพูดอย่างมีน้ำใจก่อน

“แน่อยู่แล้ว พวกเราสบายดี”

เชือกป่านที่เรียบเนียนและอ่อนนุ่มที่ถูกส่งลงมาจากสวรรค์ทำให้กรรมการผู้จัดการคิมดีใจมากก่อนจะเอ่ยตอบ

“แล้วอินซอบล่ะเป็นยังไงบ้าง”

“เพราะเป็นวันหยุดยาวผมเลยพักผ่อนอยู่ที่บ้านครับ”

“งั้นเหรอ งั้นก็มีเวลาว่างมากเลยสินะ”

“ยุ่งครับ”

อีอูยอนรีบแทรกก่อนที่อินซอบจะทันได้ตอบ

“ทำอะไรอยู่ล่ะถึงยุ่ง”

กรรมการผู้จัดการคิมจ้องเขม็งและเอ่ยถาม อีอูยอนก็เอาอาหารเรียกน้ำย่อยที่เหลือในจานใส่ปาก

อีอูยอนมีมารยาทบนโต๊ะอาหารที่ดี ถึงขนาดที่กรรมการผู้จัดการคิมที่เคยรู้สึกเสียใจอยู่ชั่วขณะว่าตัวเองทำสัญญากับคนที่เพิ่งลงมาจากเขาหรือเปล่ายังวางใจที่จะลองกินข้าวด้วยกันสักครั้ง

ทั้งวิธีใช้ชุดรับประทานอาหาร วิธีการจับส้อมและมีด กิริยาที่เอาอาหารใส่ปาก และวิธีที่เคี้ยวอาหาร กรรมการผู้จัดการคิมที่เติบโตมาในฐานะลูกชายคนเล็กของบ้านเศรษฐีรับรู้ถึงความสง่างามที่เป็นนิสัยติดตัวได้ในทันที

หลังจากกลืนอาหารลงไปแล้ว อีอูยอนก็ยิ้มไปจนถึงดวงตา กรรมการผู้จัดการคิมรีบลูบแขนที่ขนลุกซู่อยู่ใต้โต๊ะ

“ถามเพราะอยากรู้จริงๆ เหรอครับ”

คนบ้าที่อาจจะพูดว่าถ้าอยากรู้จริงๆ ผมจะบอกให้รู้อย่างละเอียดพร้อมกับทำอะไรบางอย่างก็ได้ยิ้มอย่างงดงามพลางเอ่ยถาม กรรมการผู้จัดการคิมรีบส่ายหน้า

“มะ ไม่แล้ว พอแล้ว แค่ยุ่งเฉยๆ สินะ โอเค เข้าใจแล้ว อีอูยอน การถ่ายแบบที่ถ่ายคราวโน้นน่ะ”

“เอ่อ ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นนะ…”

แม้อินซอบจะเอ่ยแทรกทีหลัง แต่หัวข้อของบทสนทนาก็ลื่นไหลไปเป็นแบบนั้นแล้ว

“การถ่ายแบบอะไรเหรอครับ”

“การถ่ายแบบชุดฮันบกที่ถ่ายที่บริษัทนิตยสารไง”

อาหารทยอยเข้ามาทีละอย่าง พวกเขาจึงรับประทานอาหารสลับกับพูดคุยเป็นครั้งคราว

“ทำไมเหรอครับ”

“รู้ไหมว่ากระแสตอบรับไม่ใช่เล่นๆ เลย คำชมที่บอกว่าเท่มากแพร่หลายอย่างรวดเร็วเลยล่ะ”

เมื่อไม่นานมานี้เขาถ่ายแบบด้วยคอนเซ็ปต์ชุดฮันบกกับดอกไม้ที่สำนักพิมพ์นิตยสาร ภาพสองสามภาพถูกเผยแพร่ก่อนจะตีพิมพ์ และวันนั้นโลกอินเทอร์เน็ตก็โกลาหล

มีตั้งแต่คำถามว่าสถานีโทรทัศน์มัวทำอะไรอยู่ถึงไม่ผลิตละครอิงประวัติศาสตร์ที่ให้อีอูยอนใส่ชุดฮันบก คำพูดว่าคนที่แม้จะสวมชุดฮันบกที่แทบจะไม่เผยผิวเลยแล้วยังมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศได้ขนาดนั้นคงมีแค่อีอูยอนเท่านั้น และคำพูดว่าประเทศต้องออกกฎหมายที่ทำให้อีอูยอนสามารถใช้ชุดฮันบกได้ครึ่งปีแล้ว เป็นต้น ข้อความที่เต็มไปด้วยความน่าอายและติดตลกถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ต นิตยสารที่มีอีอูยอนขึ้นปกเดี่ยวถูกร้านหนังสือหลักโอ้อวดว่าเป็นสินค้าที่ขายหมด และสร้างสถิติว่าเป็นนิตยสารไม่กี่เล่มที่ได้ตีพิมพ์ซ้ำ

“อย่างนั้นเหรอครับ รสชาติถูกปากไหมครับ”

อีอูยอนตอบอย่างไม่ยินดียินร้ายราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเองก่อนจะมองอินซอบพลางเอ่ยถาม อินซอบรีบกลืนอาหารและพยักหน้า

“อร่อยครับ ไม่เผ็ด…”

“โล่งอกไปที กินเยอะๆ นะครับ”

หัวหน้าทีมชาปลอบประโลมความหมั่นไส้พลางจัดการจานให้ว่างเปล่า

“ใช่ กินเยอะๆ นะอินซอบ”

“ขอบคุณครับ กรรมการผู้จัดการ”

“อื้อ ว่าแต่อินซอบ นายได้ดูรูปถ่ายแล้วใช่ไหม”

อินซอบตอบว่า “ครับ” ราวกับรอคอยคำถามของกรรมการผู้จัดการคิมอยู่แล้ว

“เป็นการถ่ายแบบที่เท่จริงๆ อย่างที่กรรมการผู้จัดการพูดเลยครับ ผมเพิ่งจะเข้าใจที่อีดิทเตอร์พูดว่าเลือกปกหลังได้ลำบากตอนหลังนี่เองครับ”

“ใช่ไหม ถึงปกหลังจะเป็นแบบนั้น แต่รูปถ่ายที่อยู่ด้านในก็ไม่ใช่เล่นๆ เลยใช่ไหม ฉันว่ารูปที่สามที่ใส่ชุดคลุมลายมังกรสีแดงกับกวานประดับศีรษะน่ะเท่ที่สุดเลย”

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่รูปในหน้าถัดไปก็เท่เหมือนกันนะครับ”

“โอ้ แฟนคลับตัวจริงมาแล้ว”

แม้หัวหน้าทีมชาจะขมวดคิ้วและตำหนิ แต่ทั้งสองคนก็ไม่หยุดสรรเสริญ

“อีอูยอนเข้ากับชุดฮันบกจริงๆ นี่นา”

“ครับ จริงครับ”

“ใช่แล้ว! อินซอบ นายเองก็คิดแบบนั้นใช่ไหม เพราะฉะนั้น อีอูยอน นายไม่คิดจะใส่ฮันบกที่เหมาะมากขนาดนั้นอีกครั้งเหรอ”

ตอนนั้นเองกรรมการผู้จัดการคิมก็เปิดเผยความคิดในจิตใจอันดำมืดที่สร้างการนัดหมายในวันนี้ขึ้นมาและแอบยิ้ม

“ครับ ไม่คิดครับ”

อีอูยอนยิ้มอย่างสดใสและเตะจุดประสงค์นั้นทิ้งไป กรรมการผู้จัดการคิมสบถและถลึงตา

“ผมไม่ได้เหมาะกับชุดฮันบกแค่อย่างเดียว แต่เหมาะกับชุดอื่นด้วยนี่ครับ”

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท