“พระชายาช่างมีรูปร่างงดงามยิ่งนักเพคะ” เจ้าของร้านเอ่ยพลางใช้สายตาพินิจพิเคราะห์หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านาง เพราะความยาวของตัวชุด จึงยากนักที่จะมีใครสักคนสามารถสวมมันได้พอดีเช่นนี้ แม้แต่บรรดาหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยเป็นอย่างยิ่งก็ยังคงเกิดความประหม่าเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งขโมยชุดนอนผู้ใหญ่มาใส่ มีแต่เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงคนเดียวที่สามารถดึงความงามของชุดนอนสบายๆ ตัวนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่
แม้กระทั่งเจ้าของร้านเองก็ยังคิดว่าการสวมชุดนอนตัวนี้คงจะทำให้ผู้คนพากันหลีกหนีนางแน่
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับแตกต่างออกไป เป็นอย่างที่เจ้าของร้านกล่าวเอาไว้ว่านางมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง หากนางเป็นคนสวม แม้แต่ชุดสีขาวธรรมดาก็ดูจะไม่ธรรมดา แต่กลับดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงามยิ่งนัก นางมีกลิ่นอายของชนชั้นสูง แต่กลับมีท่าทางง่ายๆ สบายๆ
“มานี่” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมองนาง เขานั่งห้อยขาอยู่บนเก้าอี้ไม้ ร่างของเขาเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างสง่างามและเกียจคร้าน ข้างๆ มือของเขามีกาน้ำชาวางอยู่ ใบหน้าด้านข้างของเขานั้นดูหล่อเหลาแต่ก็เย็นชา มันแผ่กลิ่นอายแห่งความทรงอำนาจอันยากจะต้านทานออกมาอย่างรุนแรง
แสงตรงนี้ยังไม่สว่างพอหรือ นางต้องเข้าไปให้เขาเห็นใกล้ๆ ด้วยหรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินเข้าไปด้วยความงุนงง นางมาถึงหน้าของเขาแล้วแต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับรู้สึกว่ามันยังไม่พอ ดังนั้นเขาจึงกระตุกแขนนางเข้าหาตัว
เจ้าของร้านเป็นคนมีไหวพริบปฏิภาณ นางรีบปิดประตูให้กับพวกเขา แล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไปทันทีที่นางเห็นภาพนั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงขมวดคิ้วอยู่
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจับนางนั่งลงบนขาคู่ยาวของตน นิ้วของเขาหาทางเข้าไปใต้ชุดนอนของนางตามสัญชาตญาณ…
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวแข็งในทันใด นางคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
ดูเหมือนเขาจะจงใจเลือกสถานที่ที่สามารถอยู่สองต่อสองกับนางได้ เพื่อที่เขาจะได้รังแกนางจนกว่าจะพอใจ
“ท่าน…”
“หืม” ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขยับเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งนางสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา “เจ้าอยากให้คนที่อยู่ข้างนอกได้ยินหรือ” น้ำเสียงแหบพร่าสะท้อนก้องในหูของนาง เขาลดเสียงลงจนแทบจะกลายเป็นเสียงครางเบาๆ “เป็นเด็กดีเสีย ข้าไม่อยากใช้ลูกไม้อื่นกับเจ้า”
แล้ววิธีนี้ไม่ใช่หนึ่งในลูกไม้ของท่านหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยอยากจะผละตัวออกจากเขา แต่ทันทีที่นางกระดิกตัว ฝ่ามือใหญ่นั้นก็เคลื่อนมาคว้าแขนของนางเอาไว้อย่างรวดเร็วจนนางไม่สามารถขยับตัวได้
สุดท้ายต่อให้เขาไม่ใช้มือ นางก็ขยับไม่ได้อยู่ดี
องค์ชายต้องใช้เล่ห์กลอะไรกับนางอย่างแน่นอน
“หืม... ดูเหมือนยังขาดอะไรไป” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออกความเห็นพลางมองเข้าไปในดวงตาอันเฉยชาของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
จากนั้นเขาก็หยิบกาน้ำชาที่วางอยู่ข้างตัวขึ้น แล้วค่อยๆ เทน้ำอุ่นไปทั่วร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวย
แม้อุณหภูมิของน้ำนั้นจะค่อนข้างอุ่น แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับยังคงตัวสั่นอยู่เล็กน้อย นางเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับมองชายที่อยู่ตรงหน้า แล้วคำรามเสียงเบาว่า “ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย!”
เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินนาง เขายิ้มออกมาเล็กน้อยพลางขยับเข้าไปใกล้ดวงตาระยิบระยับของนาง มือของเขาดันขาที่นางยกขึ้นลงไป “ข้ารู้อยู่แล้วว่าสีนี้เหมาะกับเจ้าที่สุด”
จากนั้นเขาก็อุ้มร่างของนางขึ้น แล้วพานางตรงไปยังห้องที่อยู่ด้านใน ในห้องนั้นมีกระจกสัมฤทธิ์สูงราวสามฉื่อตั้งอยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่กล้ามองเงาสะท้อนของตัวเองที่อยู่ในกระจกสัมฤทธิ์บานนั้น ชุดนอนสีขาวชุ่มโชกไปด้วยหยดน้ำแนบไปกับผิวกายของนาง เผยให้เห็นตู้โตวสีแดงใต้เสื้อให้เห็นบางส่วน สองขาเรียวยาวของนางยืนอยู่บนพรม นิ้วเท้าสีซีดตัดกับขนสีดำของพรมผืนนั้น นางดูน่าดึงดูดอย่างคาดไม่ถึง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของนางพร้อมกับใช้มือหนึ่งโอบเอวของนางไว้ ส่วนอีกมือนั้นกำลังสัมผัสคอของนางอยู่ ใบหน้าด้านข้างอันสง่างามและเฉยชาของเขามีเสน่ห์ชั่วร้ายกว่าปกติ เขาค่อยๆ แยกเขี้ยวออกราวกับผีดูดเลือดในยุคยุโรปกลางที่กำลังวางแผนว่าจะกินเหยื่อผู้ไร้รอยมลทินของตนอย่างไรก่อนที่จะจับได้เสียอีก
เฮ่อเหลียนเวยเวยเดาว่าคงเป็นเพราะท่าทางของนางอยู่ตอนนี้ทำให้นางมองเห็นตัวเองได้ ดังนั้นความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับยามปกติ
เขากักนางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา พร้อมกับพรมจูบไปทั่วใบหูของนางลงมาถึงต้นคอ
กลิ่นอายความเป็นชายอันรุนแรงและกลิ่นเหล้าอันร้อนแรงทับถมร่างของนางทีละน้อย นางตื่นตระหนกและพยายามดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระ แต่เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งรวบข้อมือของนางไว้ ส่วนอีกมือนั้นไล้ไปตามทรวงอกของนางตามสัญชาตญาณแล้วเคล้นคลึงมันจนทั่ว เขาปลดกระดุมเสื้อออกสองสามเม็ด เผยให้เห็นตู้โตวสีแดงอันแสนยั่วยวนนั้น
ชุดนอนของนางร่นลงมาอยู่ในสภาพเปลือยจนเกือบครึ่งตัว แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป
ริมฝีปากบางสัมผัสกับรอยสีแดงที่เขาทิ้งเอาไว้บนร่างนางราวกับกำลังยืนยันว่ามันเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็ยิ้มออกมา เขาอ้าปากแล้วกัดรอยที่อยู่บนคอนาง
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมล้างตัวให้กับสามีของตัวเองตอนอาบน้ำ เช่นนั้นตอนนี้ก็ได้เวลาชดใช้แล้ว” การกระทำของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถึงเนื้อถึงตัวและรุนแรงขึ้นทุกขณะราวกับกำลังเอาเปรียบจากการที่นางไม่อาจขัดขืนเขาได้ในเวลานี้ จูบอันแผ่วเบาและรุนแรงที่ประทับลงบนตู้โตวของเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับการลงทัณฑ์ แต่มันก็อ่อนโยนราวกับสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
เฮ่อเหลียนเวยเวยถูกบังคับให้ต้องรับความร้อนจากร่างของเขาทุกครั้งที่แผ่นหลังของนางแนบชิดไปกับเขา เงาของนางที่ปรากฏอยู่ในกระจกสัมฤทธิ์นั้นดูน่าอายยิ่งนัก นางสังเกตเห็นว่าขาเรียวยาวที่สั่นระริกของตนนั้นลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย
ร่างกายในช่วงวัยสาวของนางนั้นอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้นในระยะนี้ นางก็… ด้วยเหตุนี้เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ นิ้วของนางทาบทับมือของชายหนุ่มเอาไว้ ลังเลระหว่างต้องการปฏิเสธเขากับต้องการให้เขาลงมือต่อ
การกระทำของนางจุดไฟแห่งความปรารถนาในตัวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขึ้นอีก มือใหญ่อันร้อนระอุของเขาเคล้นคลึงอกอันอ่อนนุ่มของนางที่มีเพียงตู้โตวตัวเดียวกั้นเอาไว้ “เจ้าชอบชุดที่ข้าเลือกให้หรือเปล่าล่ะ หืม”
“ท่านมาที่นี่เพื่อช่วยข้าเลือกเสื้อผ้าจริงๆ หรือ” ร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวยเริ่มจะหมดเรี่ยวแรง นางทำได้เพียงกัดริมฝีปากบางของตัวเองเพื่อกลั้นไม่ให้เสียงสั่น “ท่าน ท่านใช้อาคมตรึงร่างกับข้า”
“ใช่” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระแทกกายเข้าหานางอีกครั้งพร้อมกระตุกยิ้ม เขาอาจจะดูเหมือนองค์ชายผู้สง่างามและสูงศักดิ์ แต่ดวงตาของเขากลับไร้ซึ่งความบริสุทธิ์ และแปดเปื้อนไปด้วยความชั่วร้ายที่อยู่ลึกลงไป “ทำไม เจ้าอยากให้ข้าปล่อยเจ้าหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยคำรามในลำคอ เสียงของนางแหบแห้งกว่าปกติ
“ข้าปล่อยเจ้าก็ได้” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสงบนิ่ง แต่คำพูดของเขากลับ… “แต่ข้าต้องการให้เจ้าใช้มือทำหน้าที่ที่ควรทำเสีย”
หน้าที่หรือ บนโลกนี้มีใครคิดว่าเรื่องแบบนั้นเป็นหน้าที่ด้วยหรือ
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยร้อนผ่าวไปทั้งหน้า นางอยากเป็นอิสระจากอาคมตรึงร่างนี้ด้วยพลังของตนเอง
“ถ้าเจ้าขัดขืน หรือทำลายอาคมตรึงร่างนี้ด้วยตัวเองละก็” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเคลื่อนริมฝีปากบางของตนไปข้างหูนาง “ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยวิธีอื่น”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ฟังเขา นางขยับนิ้วมือและพยายามที่จะสู้กลับ
“ดื้อเสียจริง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยใช้มือตัวเองคว้ามือของนางไว้ พร้อมกับดึงให้มือของนางเคลื่อนเข้าไปหาส่วนนั้นอย่างช้าๆ ราวกับหยอกล้อ…
เฮ่อเหลียนเวยเวยหน้าขึ้นสี ใบหูของนางกลายเป็นสีแดง แม้กระทั่งลมหายใจของนางก็ยังร้อนระอุ “ท่าน ท่านปล่อยข้านะ”
“เจ้าอยากให้ข้าปล่อยหรือ ไม่มีทางเสียล่ะ! วันนี้ตอนที่ข้าเปิดประตูเข้าไป เจ้าเป็นฝ่ายที่จงใจแต่งตัวเช่นนั้นเองมิใช่หรือ แต่เจ้ากลับบอกว่าอยากให้ข้าปล่อยเจ้าไป” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกยิ้ม หยาดเหงื่อหยดลงมาจากใบหน้าอันงดงามของเขา ก่อนจะหยดลงบนต้นคออันอ่อนนุ่มและขาวราวกับหิมะของนาง…