รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 363 สุดท้ายผู้ที่ไม่มีห่วงพะวงแล้ว ย่อมรู้สึกเบิกบานเสมอ!

บทที่ 363 สุดท้ายผู้ที่ไม่มีห่วงพะวงแล้ว ย่อมรู้สึกเบิกบานเสมอ!

บทที่ 363 สุดท้ายผู้ที่ไม่มีห่วงพะวงแล้ว ย่อมรู้สึกเบิกบานเสมอ!

มหาจักรพรรดิตระกูลหานวางแผนและคำนวนเส้นทางเป็นอย่างดี

เขามีเวลาอยู่จำกัด อาจจะสูญเสียอิสระภาพไปเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการทำทุกอย่างให้สำเร็จระหว่างที่ยังเป็นอิสระ

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว

มหาจักรพรรดิมาถึงยังตระกูลอู่เป็นที่แรก และกล่าวจุดประสงค์ออกมาว่าตนต้องการจะดื่มชาจักรพรรดิ

ตระกูลอู่ย่อมไม่มีทางเห็นด้วย ตระกูลของพวกเขาสืบทอดใบชามาเพียงไม่กี่ใบ แล้วจะให้มหาจักรพรรดิตระกูลหานดื่มได้อย่างไร

ทว่าสุดท้ายตระกูลอู่ก็ต้องยอม

มหาจักรพรรดิตระกูลหานใช้พลังกำราบผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของตระกูลอู่ แล้วบังคับให้พวกเขานำชาจักรพรรดิออกมา ก่อนจะดื่มชาถ้วยนั้นลงไปด้วยความพึงพอใจ

น่าเสียดายนัก เขาเป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ชาจักรพรรดิไม่สามารถมอบประโยชน์อันใดให้แก่เขาได้ เขาเพียงทำได้แต่ดื่มด่ำกับรสชาติ

หลังจากนั้นมหาจักรพรรดิก็จากตระกูลอู่ไปและมุ่งสู่เผ่าวิหคทองต่อ

เผ่าวิหคทองสืบเชื้อสายมาจากอสูรร้ายบรรพกาล สายเลือดของพวกมันบริสุทธิ์และทรงพลังเป็นอย่างมาก พวกมันไม่อ่อนแอไปกว่ากลุ่มตระกูลอื่น ๆ จากยุคโบราณกาล

ทว่าต่อหน้ามหาจักรพรรดิ เผ่าวิหคทองเองก็ไม่อาจต้านทานได้

มหาจักรพรรดิตระกูลหานจับเผ่าวิหคทองรุ่นเยาว์มาตนหนึ่ง แล้วรีดเลือดออกมาหนึ่งชามใหญ่ ก่อนจะดื่มมันลงไปในอึกเดียว

เมื่อครั้งยังหนุ่มเขาเคยต้องการจะดื่มเลือดของวิหคทอง

แต่ในยามนั้นเขาล้วนไม่มีสิ่งใด ขณะที่เผ่าวิหคทองกลับมีอสูรร้ายวิหคทองขอบเขตมหาจักรพรรดิอยู่ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เพียงคิด

ทว่ายามนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

อสูรร้ายวิหคทองขอบเขตมหาจักรพรรดิได้สิ้นลมลงไปแล้ว เผ่าวิหคทองเองก็ประสบความเสียหายอย่างหนักจากสงครามครั้งใหญ่ในยุคสมัยโบราณ ทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมลดลงเป็นอย่างมาก จนเขาสามารถทำทุกสิ่งได้ตามต้องการในเผ่าวิหคทอง

หลังจากดื่มเลือดของวิหคทองแล้ว เขาก็ไปยังวังพร่างพราย

วังพร่างพรายนั้นล้วนมีแต่ผู้ฝึกตนหญิง ทุกคนล้วนงดงามราวบุปผา สวยประหนึ่งเทพธิดาบนชั้นสวรรค์ ดังนั้นจึงถูกขนานนามอีกชื่อว่าวังเทพธิดา

ในวังพร่างพรายมีบ่อน้ำนำโชคอยู่หนึ่งบ่อ ที่สามารถเรียกขานได้ว่าบ่อน้ำนำโชค ก็เพราะด้านในเป็นบ่อน้ำเป็นของเหลวที่หลอมกลั่นขึ้นมาจากวัตถุดิบและสมบัติหายากต่าง ๆ ที่คนในวังพร่างพรายทุกรุ่นใส่ลงไป

ของเหลวนี้มีค่ายิ่ง เมื่อหลอมรวมเข้าไปแล้วจะมอบประโยชน์อันมหาศาลให้กับผู้ฝึกตน ทำให้มีผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการจะได้รับมันมาสักหยดสองหยด

มหาจักพรรดิแห่งตระกูลหานเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาอยากได้ของเหลวในบ่อน้ำนำโชคมาก

ครั้งหนึ่งเขาเคยไปเยือนยังวังพร่างพรายเพื่อเอ่ยขอ ทว่าวังพร่างพรายไม่ยินยอมและไม่เคยมอบมันให้กับเขา

วังพร่างพรายจะทำตามความต้องการของมหาจักรพรรดิตระกูลหานได้อย่างไร? น้ำนำโชคนั้นหายากเกินไป พวกนางไม่เต็มใจแม้แต่จะใช้เอง แล้วจะมอบมันให้กับมหาจักรพรรดิตระกูลหานได้อย่างไร?

ในยามนั้นมหาจักพรรดิตระกูลหานยังไม่ได้กลายเป็นมหาจักรพรรดิ แต่เป็นเพียงนักบุญตัวน้อย

เขาโกรธเป็นอย่างมาก ในใจกล่าวว่าน้ำนำโชคจะวิเศษวิโสอะไรปานนั้น เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต จะเข้าไปอาบน้ำในบ่อน้ำนำโชคเสีย!

ทว่าเขาก็ทำได้แต่เพียงคิดมันในใจ

แม้ว่าเขาจะกลายมาเป็นมหาจักรพรรดิก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ในยามนั้นวังพร่างพรายเองก็มีมหาจักรพรรดิอยู่ เขาจึงไม่กล้าสร้างเรื่อง

“ครั้งนี้ข้าจะบรรลุสิ่งที่หมายมาดในใจแล้ว!”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานเดินเข้าไปในวังพร่างพรายอย่างไร้ซึ่งความลังเล

หลังจากเข้าไปเขาก็ข่มขวัญคน วังพร่างพรายเองก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาได้เหมือนกองกำลังก่อนหน้า

“น่าเสียดาย ข้าชรามากแล้ว บางเรื่องก็ไม่อาจกระทำได้อีกต่อไป…”

เขามองผู้ฝึกตนของวังพร่างพรายที่งดงามราวเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ พลันรู้สึกหัวใจเต้นเร็วขึ้น แววตาก็วาววับ

ทว่าเขาก็ได้แต่เพียงวาบหวามอยู่ในใจ เพราะล่วงเข้าวัยชรามานานเกินไป เลือดลมจึงแห้งเหือดไปหมดแล้ว แม้ใจสู้แต่แรงไม่สู้ด้วย แม้จะรู้สึกวาบหวาม แต่ร่างกายกลับไร้การตอบสนอง

เมื่อเห็นแววตาของมหาจักรพรรดิตระกูลหาน ผู้ฝึกตนหญิงของวังพร่างพรายก็รู้ได้ทันทีว่ามหาจักรพรรดิตระกูลหานกำลังคิดสิ่งใดอยู่

สุดท้ายแล้ว มีเพียงแค่ผู้ชายที่ตายแล้วถึงจะซื่อสัตย์!!!

ไม่เช่นนั้นในสมองจะมีเรื่องเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร!

ในใจพวกนางเอ่ยสบถไม่หยุด มหาจักรพรรดิตระกูลหานชรามากแล้วกลับยังคิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ ช่างมักมากเสียจริง!

อีกด้านหนึ่ง มหาจักรพรรดิตระกูลหานถอดเสื้อผ้าแล้วกระโดดลงไปในบ่อน้ำนำโชคทันที โดยไม่สนใจว่าจะมีผู้ฝึกตนหญิงจากวังพร่างพรายอยู่หรือไม่

อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่จะต้องตายอยู่แล้ว ยังจะต้องสนใจอะไรมากมายอีก

หน้าตาอะไรก็ไม่สำคัญกับเขาอีกต่อไปแล้ว

น้ำในบ่อนำโชคมีผลสะท้านฟ้าดิน น่าเสียดายที่ตอนนี้มันไร้ประโยชน์สำหรับเขาแล้ว

อายุขัยของเขาใกล้หมดลงเต็มที เว้นแต่ว่าจะได้รับโอสถมหาจักรพรรดิ ทุกสิ่งล้วนไม่สามารถให้ผลใดกับเขาได้อีกต่อไปแล้ว

“ตาแก่…หน้าม่อเอ๊ย!”

“สวรรค์ลงโทษเจ้าเฒ่าตัณหากลับเร็ว ๆ ได้หรือไม่!”

ผู้ฝึกตนหญิงวังพร่างพรายกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก พวกนางทั้งหมดพากันกัดฟันขาวจนแทยแตก

มหาจักรพรรดิตระกูลหานช่างน่าไม่อายเกินไปแล้ว!

ต่อหน้าพวกนางจำนวนมาก มหาจักรพรรดิตระกูลหานกลับถอนเสื้อผ้าของตนออกโดยไม่มีความละอาย ไร้ซึ่งความเป็นสุภาพชนและยางอาย!

สิ่งที่ทำให้พวกนางไม่อาจอดทนได้ยิ่งกว่าก็คือ การที่มหาจักรพรรดิตระกูลหานใช้บ่อน้ำนำโชคอาบน้ำ!!!

นั่นหมายความว่าน้ำทั้งหมดในบ่อนำโชคล้วนสูญเปล่าแล้ว!

ยังจะเก็บมันเอาไว้อีกหรือ?

พวกนางไม่ต้องการจะดื่มนำที่เฒ่าสารเลวผู้นี้อาบ!!!

สิ่งนี้ทำให้โทสะของพวกนางระเบิดออก ทุกคนล้วนต้องการจะสับมหาจักรพรรดิตระกูลหานออกเป็นชิ้น ๆ

น่าเสียดายที่มหาจักรพรรดิตระกูลหานนั้นแข็งแกร่งเกินไป พวกนางจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้

“เฮ้อ ผู้คนทั้งโลกต่างกล่าวว่าเทพธิดาวังพร่างพรายล้วนบริสุทธิ์ผุดพ่อง แต่ตามที่ข้าเห็นแล้ว กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย แม้กระทั่งคนแก่อย่างข้าก็ไม่เว้น เอาแต่จ้องมองข้ามยามอาบน้ำ ผิดไปจากชื่อเสียงวังเทพธิดาอันเลื่องลือ”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานที่อยู่ในบ่อน้ำส่ายหัวแล้วกล่าวออกมา

บัดซบ!

ยังมียางอายอยู่หรือไม่?

หากเจ้าอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ยังหนุ่มยังแน่น พวกเราอาจจะอยากมองเจ้า

แต่เจ้าดูสภาพของตนเองยามนี้เสียก่อน

ชายชราใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยับย่น ร่างเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผู้ใดจะไปสนใจมองเจ้ากัน!

สุดท้ายแล้ว ตาแก่สังขารไม่อำนวนอย่างเจ้าก็ใช้ได้เพียงลมปากเท่านั้น!

ผู้ฝึกตนหญิงวังพร่างพรายเอ่ยออกมาในใจด้วยความขุ่นเคือง

พวกนางไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ต่างพากันแยกย้ายไปทีละคน

หากยังคงมองต่อไป เกรงว่าลูกตาของพวกนางคงจะบอดเหมือนโดนเข็มทิ่ม!

สารรูปหนังหุ้มกระดูกของชายชรานั้นบาดตาพวกนางมากเกินไป!

ส่วนบ่อน้ำนำโชคก็สูญเปล่าไปแล้ว พวกนางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก

มหาจักรพรรดิตระกูลหานอาบน้ำอย่างสบายใจในบ่อน้ำนำโชค ไม่ต้องกล่าวก็รู้ว่าพวกนางอัดอั้นตันใจแต่เพียงใด

ใช้น้ำในบ่อนำโชคอาบน้ำ ผู้ที่สามารถทำเรื่องฟุ่มเฟือยขนาดนี้ได้คงมีเพียงเขาผู้เดียว!

“ต่อไปก็ไปที่อื่น!”

เขาออกจากวังพร่างพราย แล้วเดินทางไปทั่วแดนฮวง

แน่นอนว่าระหว่างทางเขาได้รับเสียงก่นด่ามามากมาย

ตระกูลอู่ เผ่าวิหคทอง วังพร่างพราย และกองกำลังอื่น ๆ ที่เขาไปเยี่ยมเยียนต่างพากันดุด่าเขา ซ้ำยังขู่ว่าจะต่อสู้กับตระกูลหานแบบไม่ตายไม่เลิกรา

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะด่าอะไร ข้าก็ไม่สนใจอยู่แล้ว! ตระกูลหานเองก็ไม่สนใจ!”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานไม่ได้เก็บมาใส่ใจ จากนั้นเขาก็ยังคงไปเยือนอีกหลายกองกำลังเพื่อทำสิ่งที่ต้องการจะทำให้สำเร็จ

ภายในแดนฮวงเกิดเสียงก่นด่าเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

กองกำลังที่ถูกเขาเยี่ยมเยือนต่างพากันกัดฟันด้วยความแค้น สาปแช่งออกมาไม่หยุด

“สุดท้ายผู้ที่ไม่มีห่วงพะวงแล้ว ย่อมรู้สึกเบิกบานเสมอ!”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานไม่ได้สนใจคำสาปแช่งเหล่านี้แม้แต่น้อย

เมื่อทำทุกอย่างที่ต้องการในแดนฮวงเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ออกจากแดนฮวงมุ่งสู่แดนฝอ

แดนฝอนั้นกว้างใหญ่ไพศาล หลังจากที่มหาจักรพรรดิตระกูลหานมาถึงแดนฝอแล้ว ภายในใจของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมาย

หากเป็นก่อนหน้านี้ ตีให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่กล้ามายังแดนฝอ!

ศาสนาพุทธทั้งลึกลับและน่าเกรงขาม ในดินแดนกว้างใหญ่ไม่มียอดนิกายอื่นใด มีเพียงแต่ศาสนาพุทธเท่านั้น สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ล้วนนับถือและศรัทธาในพุทธศาสนา!

ที่น่าหวั่นเกรงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เคยมีสาวกยอดนิกายจำนวนไม่น้อยเข้าสู่แดนฝอเพื่อรับลูกศิษย์และตั้งใจจะก่อนตั้งนิกายขึ้นมาในดินแดนฝอ แต่ทว่าในท้ายที่สุดผู้คนเหล่านั้นกลับเปลี่ยนมานับถือและกลายเป็นผู้ศรัทธาในพุทธศาสนา!!!

สิ่งนี้ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนกริ่งเกรงศาสนาพุทธขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสีย ไม่มีใครกล้าล่วงเข้าไปในแดนฝอง่าย ๆ พวกเขาต่างกังวลว่าอยู่ ๆ ตนเองก็จะกลายเป็นสาวกของศาสนาพุทธอย่างไม่รู้ตัว

“เมื่อก่อนไม่กล้าทำ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานกล่าวออกมาอย่างแช่มช้า “มีอะไรอยู่ภายใต้ความลึกลับของแดนฝอกันนะ? วันนี้ข้าจะต้องชมมันสักครา…”

เขาในตอนนี้ไร้ซึ่งห่วงใด ๆ ความน่ากลัวของศาสนาพุธไม่อาจทำให้เขากริ่งเกรงได้อีก

อย่างไรเสียจุดจบของเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้ว

แม้ว่ายอดนิกายจะไม่ชำระบัญชีความผิดของตระกูลหาน แต่ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน

หลังจากออกเดินทาง เขาก็ลงมือแบบไม่ยั้ง ทำให้กินแรงไปมาก อายุขัยที่เหลือน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

เขาเข้าใกล้ความตายแล้วจริง ๆ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท