Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 261 เยี่ยมยอด

ตอนที่ 261 เยี่ยมยอด

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเหยียนได้พบกับพ่อเพลงตัวจริงเสียงจริง

เจิ้งจิงน่าจะอายุอานามใกล้เคียงกับหลานเหยียน ประมาณสี่สิบต้นๆ เธออาจไม่ได้สวยมากนัก แต่กลับมีออร่าซึ่งดึงดูดสายตาของผู้คนอย่างอธิบายไม่ได้

“ถึงจะพบกันเป็นครั้งแรก…”

เจิ้งจิงพูดกับหลินเยวียนอย่างยิ้มแย้ม “แต่ฉันก็เคยฟังเพลงของเธอทุกเพลง”

หลินเหยียนเอ่ย “ขอบคุณครับ ทุกท่านเชิญนั่ง“

หลานเหยียนและผู้จัดการนั่งลง

เจิ้งจิงก็นั่งลงบนโซฟา “แต่ในเมื่อเธอแย่งงานของฉัน ก็ต้องงัดความสามารถที่แท้จริงออกมา”

“งั้นลองฟังดูก็ได้ครับ”

หลินเยวียนพยักเพยิดให้กู้ตงเปิดเพลง

เครื่องเสียงซึ่งติดตั้งในห้องทำงานของหลินเยวียนราคาหลักแสน เมื่อปิดประตู สามารถฟังเสียงได้อย่างเต็มรูปแบบในห้องปิด

เจิ้งจิงเอนกายพิงโซฟาถามว่า “เดโมเหรอ”

หลินเยวียนตอบ “ทำดนตรีเสร็จแล้วครับ อัดด้วยเสียงสังเคราะห์ ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าเสียงมนุษย์ นี่คือเหตุผลที่ผมต้องการผู้ช่วย…นักร้องน่ะครับ”

เจิ้งจิงเลิกคิ้ว

เขียนเพลงไว้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วหรือ?

โดยปกติแล้ว การสร้างสรรค์ผลงานไม่น่าจะรวดเร็วถึงขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็เพิ่งได้ยินข่าวเรื่องงานเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งปีกันเมื่อไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

ส่วนหลานเหยียนกับผู้จัดการสบตากัน รู้สึกจนใจอยู่เล็กน้อย

ตอนแรกคิดจะปฏิเสธเซี่ยนอวี๋ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่แล้ว

ตอนนี้ยังต้องปฏิเสธเซี่ยนอวี๋ต่อหน้าเจิ้งจิงอีก สถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วนใจจริงๆ

ถ้าเซี่ยนอวี๋แค้นเขาฝังใจจะทำยังไงล่ะ

แถมยังมีอาจารย์เจิ้งจิงอีก อุตส่าห์มาทำอะไรถึงที่นี่…

หรือว่าคิดจะมาหักหน้าเซี่ยนอวี๋?

“เริ่มเล่นเพลงแล้วครับ เพลงนี้มีชื่อว่า ‘ตะวันฉาย’”

หลินเยวียนไม่ได้ล่วงรู้ความคิดของคนอื่นๆ เขากดเล่นเพลง ฉับพลันในห้องก็เกิดท่วงทำนองสังเคราะห์ปลุกใจชวนตื่นเต้นขึ้นมา

“อ๊า..อา…อาอ๊าอาอ่า~”

เสียงเบสที่สูงมาก สลับกับกีตาร์และกลองหนักแน่น ทิศทางของเสียงคอร์ดไม่ซับซ้อน

เจิ้งจิงยังคงเอนกายบนโซฟา ดื่มด่ำกับเสียงเพลงเงียบๆ

ส่วนหลานเหยียนประสานฝ่ามือ ตั้งใจฟังเพลง

เมื่อเสียงกลองจังหวะสุดท้ายจบลง เสียงดนตรีสังเคราะห์ก็ดังขึ้นทันทีราวกับก้าวกระโดด คล้ายกับเครื่องเคาะจังหวะอย่างแม่นยำ ราวกับเร่งให้อุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้นในชั่วพริบตา

“ต่อให้โชคชะตามีผิดหวังต่อให้โชคชะตาล้มลุกคลุกคลานต่อให้โชคชะตานั้นทำให้เธอมองชีวิตไม่มีความหมาย”

“อย่าได้ร้องไห้ไป อย่าเพิ่งยอมถอดใจ ฉันคนนี้ยินดีอยู่ข้างเธอตลอดไป”

เคร้งๆๆๆๆ!

รวดเร็วและรุนแรงราวกับบรรจุซองกระสุน!

เนื้อเพลงซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านเสียงสังเคราะห์ และแทบจะในช่วงเวลาเดียวกับที่เสียงเพลงท่อนนี้ดังขึ้น สองมือของหลานเหยียนก็กำแน่น ประหนึ่งว่ากลางฝ่ามือมีของล้ำค่า ถึงขั้นที่ผิวหนังรอบด้านเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด

สุดยอดมาก!

สีหน้าของเจิ้งจิงกลับเคร่งขรึมลงในชั่วพริบตา ท่อนเปิดสุดยอดมาก แทบติดหูทันทีที่ได้ฟัง!

เฉียบขาดและรวดเร็ว!

ราวกับสายฟ้าฟาด!

มีเพียงเพลงที่ผู้แต่งเชื่อมั่นใจสูงมากในท่อนคอรัส ถึงจะวางท่อนคอรัสไว้ด้านหน้า ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าท่อนคอรัสของเพลงนี้ยอดเยี่ยมมาก ต่อให้เป็นเจิ้งจิงก็ยังม่านตาหดวูบในชั่วขณะ เพียงแต่ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ความคาดหวังต่อท่อนเวิร์สของตนก็จะสูงมาก

“เชี่ย!”

คนเดียวในห้องนี้ที่ไม่รู้เรื่องดนตรี เห็นจะเป็นผู้จัดการของหลานเหยียน แต่คนที่ไม่รู้เรื่องดนตรีที่สุด กลับกลายเป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุดในห้อง!

ในตอนนั้น

ผู้จัดการของหลานเหยียนดวงตาเบิกกว้าง เขาบิดขาไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับอยากลุกขึ้นมาเต้น แต่ก็กลัวว่าจะออกนอกหน้าเกินไป จึงทำได้เพียงฝืนทนอยู่เช่นนั้น เพียงแต่ความขนลุกได้ขยายไปทุกอณูแล้ว

“ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลงใครเล่ารู้แน่ชัด ยามที่ฉันโดดเดี่ยวเคยลองนั่งคนเดียวไร้มือยื่นมาช่วยเหลือ”

“ตัวฉันเมื่อวัยเยาว์ในปีนั้น จมดิ่งซ้ำหลายต่อหลายครั้ง สายฝนระคนหยดน้ำตา”

คอรัสอยู่ด้านหน้า ตามมาด้วยท่อนเวิร์ส

ทว่าท่อนเวิร์ส ไม่ได้ถูกท่อนคอรัสกลบรัศมี แต่กลับมีเนื้อร้องเพิ่มขึ้นมา

ทันใดนั้นหลานเหยียนก็คลายสองมือออก ผงกศีรษะเบาๆ จมดิ่งลงสู่ท่วงทำนอง

ในขณะนั้น

เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาคล้ายกับกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกับบทเพลง

“ชีวิตคนเราคดบ้างเคี้ยวบ้าง ฉันต้องเดินผ่านไป มีเธออยู่เคียงข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเธอคอยเป็นกำลังใจ เยี่ยงเปลวไฟตะวันฉาย ส่องสว่างตัวตนของฉัน คอยเคียงกันเดินทางข้ามผ่านหมื่นขุนเขา…”

ระหว่างท่อนเวิร์ส!

มีการเปลี่ยนผ่านที่สมบูรณ์แบบ!

ท่อนเวิร์สที่ไม่ทำให้ผู้คนผิดหวัง กลับทำให้หัวใจของเจิ้งจิงเต้นระส่ำ

แผ่นหลังของเธอผละออกจากโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ร่างของเธอเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย ใบหูทั้งสองข้างตั้งใจสดับฟังบทเพลง

เสียงของเซเลสตรา

ทำนองของไพพ์ออร์แกน

ผสมผสานกันได้อย่างงดงาม

ในตอนนั้นบทเพลงก็เข้าสู่ท่อนบริดจ์ในที่สุด และนี่ก็คือสิ่งที่คำศัพท์เฉพาะทางเรียกกันว่าฟิลล์อิน เชื่อมต่อระหว่างเวิร์สกับคอรัส และเป็นการเชื่อมโยงความรู้สึกของผู้ฟังเข้าสู่สถานการณ์ใหม่

“ให้ลมยามราตรีแผ่วเบาพัดพากลิ่นกรุ่นบุปผา ราวกับมาอวยพรให้แด่เธอ”

“ให้ดวงดาวยามค่ำคืนทอแสงประกายแด่ความใฝ่ฝัน ราวเกลียวคลื่นพัดเข้าโอบล้อมฉัน”

“โอ้~”

เป็นท่อนคอรัสกลับมาแล้ว!

หลานเหยียนนั่งเหยียดตัวตรง ความรู้สึกประเดประดังราวเกลียวคลื่น เบื้องหน้าของเขาราวกับมีภาพในอดีตปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน ในแววตาของเขาฉายภาพของลมฝนและอุปสรรคที่เคยผ่านมา

นั่นเป็นช่วงเวลาซึ่งต้องอดตาหลับขับตานอนในสายอาชีพ

และเป็นปณิธานอันแรงกล้าหลังจากประสบความสำเร็จ

เขารู้สึกราวกับยืนอยู่บนยอดเขา

อดไม่ได้ที่จะตะโกนสุดเสียง

ฉันคือดวงตะวันร้อนแรง!

เวลาไม่เคยเก่า ทว่าวันคืนไม่แน่นอน

เสียงของกล่องดนตรียามดังผ่านประตูนั้นราวกับเสียงกระดิ่งลม

ไม่เพียงหลานเหยียนที่หวนระลึกถึงความทรงจำครั้นเยาว์วัย บทเพลงก็ยังนำพาเจิ้งจิงซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมย้อนไปในอดีตเช่นกัน

หลายสิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์เรา มักจะเป็นสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด

สิ่งที่สามารถสัมผัสถึงหัวใจของผู้คนได้ บางทีก็อาจเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สามารถสรุปได้ด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายที่สุด

ไม่มีอะไรมากไปกว่าความพากเพียรและพยายาม

ไม่มีอะไรมากกว่าการยืนหยัดและไม่ยอมแพ้

ไม่มีอะไรมากไปกว่าการไม่ยอมจำนนต่อสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา

แต่ขณะที่ผู้คนเหล่านี้เอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาได้ง่ายดาย ยามลงมือทำจริงกลับยากเย็นแสนเข็ญและเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะฉะนั้นผู้คนจึงยกย่องและชื่นชม

นี่เป็นการถ่ายทอดอย่างเรียบง่ายของดนตรี ทว่าตรงสู่หัวใจของผู้ฟัง

“♪♪♪♪♪♪♪♪…”

ในห้อง ดนตรีดังขึ้น คล้ายกับว่ามีตัวโน้ตนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่

เสียงเพลงสอดรับกันราวกับกำลังส่งเสียงต่อต้านโชคชะตา ขณะเดียวกันก็โหยหาอนาคต ความรู้สึกนี้ประหนึ่งส่งผ่านกันผ่านตัวโน้ต

หลินเยวียนนั่งฟังเงียบๆ

แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เสียงร้องสังเคราะห์ทำให้รู้สึกเหมือนบางอย่างขาดหายไป

เพลงนี้จำเป็นต้องปลุกความตื่นเต้นและเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ นักร้องต้องมีความรู้สึกร่วมตามไปด้วย ดังนั้นเวอร์ชันปัจจุบันของเพลงนี้จึงไม่ค่อยดีนัก

นี่คือความสำคัญของการอัดเสียงของนักร้อง

บทเพลงที่ดี จำเป็นต้องมีเสียงที่ดีมาถ่ายทอด จึงจะแสดงศักยภาพของเพลงออกมาได้อย่างเต็มที่

แต่ถึงอย่างนั้น

ด้วยระดับในปัจจุบันก็เพียงพอแล้ว เพราะทุกคนล้วนเป็นบุคลากรมืออาชีพกันทั้งนั้น ย่อมรู้มาตรฐานของเพลงนี้

เพียงคนเดียวที่ไม่ได้เป็นบุคลากรมืออาชีพ ก็คือผู้จัดการของหลานเหยียนซึ่งในตอนนี้อึ้งไปแล้ว!

ร่างกายของเขาคลอนไปตามจังหวะ

เขาถูกดนตรีครอบงำโดยสมบูรณ์

และผู้ที่ไม่รู้วิธีการประเมินอย่างมืออาชีพเช่นเขา ทำได้เพียงให้คำอธิบายเพลงนี้ไว้อย่างเรียบง่าย

“เยี่ยมยอด!”

……………………………………………………..

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

  1. Gift พูดว่า:

    รอตอนต่อไปนะคะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท