ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 2-15

Side Story < Love Historiette > 2-15

อินซอบสำลักและไอเล็กน้อย อีอูยอนจึงรินน้ำและยื่นให้อินซอบ อินซอบเอ่ยขอบคุณเสียงค่อย และรับน้ำมาดื่ม

“ไม่เคยเรียกว่าพี่เลยเหรอ สักครั้งก็ไม่เคยเหรอ”

“…ครับ”

ใบหน้าของอินซอบแดงซ่าน

“ลองเรียกสิ น่าสนุกออก”

“พี่อะไรล่ะ พอเถอะ ใช้คำสุภาพตามที่ทั้งสองคนเคยใช้เถอะ”

หัวหน้าทีมชาที่เคยถูกทรมานอย่างน่ากลัวทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตรีบห้ามการล้อเล่นของกรรมการผู้จัดการคิม

“ทำไมล่ะ ฮยอนคยู นายเองก็เรียกฉันว่าพี่นี่”

“แล้วพวกเขาเหมือนผมกับกรรมการผู้จัดการเหรอ พวกเขาน่ะ…ช่างเถอะ คุณอินซอบ กินข้าวเถอะ”

“แล้วยังไงล่ะ ลองเรียกดูสิ ที่เกาหลีถ้าสนิทกันจะเรียกกันเป็นพี่น้องนะ”

“เอ่อ คือ…ผม… …คือ…”

ใบหน้าของอินซอบค่อยๆ แดงขึ้น ขนตายาวสั่นเล็กน้อยด้วยความลำบากใจ

อีอูยอนไม่สนใจเรื่องชื่อเรียก ไม่ว่าจะเรียนอย่างไร ความสัมพันธ์ก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี และเขาก็ไม่ใช่คนโง่ที่ตื่นเต้นกับเรื่องพวกนั้น

“คะ คุณอูยอนอายุมากกว่าผม ในวัฒนธรรมเกาหลีการเรียกว่าพี่นั้นถูกต้อง แต่เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่รู้จักกันด้วยเรื่องงานในตอนแรก การเปลี่ยนชื่อเรียกอย่างกะทันหันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าไม่ได้เพิ่งรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ไม่สิ ถึงจะสนิทสนมกัน แต่…”

พอเริ่มพูดวกไปวนมา ความแดงก็ลามไปถึงบริเวณคิ้วของอินซอบ

เป็นแบบนั้นคงจะร้องไห้แน่

ในจังหวะที่อีอูยอนกำลังจะเอ่ยปาก อินซอบก็หลับตาแน่นและพูดต่ออย่างรวดเร็ว

“ถูกแล้วครับที่คุณอีอูยอนเป็นพี่ด้วยอายุ แต่พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันครับ เพราะฉะนั้น…”

“ถูกต้องครับ”

อีอูยอนสนับสนุนอย่างว่องไว

“เพราะว่าไม่ใช่พี่น้อง ก็เลยไม่สนว่าจะเป็นพี่หรือน้องน่ะครับ”

หัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมมองหน้ากัน เพราะบรรยากาศที่เย็นลงแปลกๆ

…ทำไมจู่ๆ บรรยากาศถึงแย่ลงล่ะ

…แล้วผมจะรู้ไหมครับ ที่หมอนั่นทำให้บรรยากาศแย่มันมีเหตุผลที่สมควรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“ใช่แล้ว ทั้งสองคนเป็นคนแปลกหน้าแล้วก็เป็นคนอเมริกา จะมาเป็นพี่น้องอะไรล่ะ ห้ามคิดเรื่องพี่หรือน้องเด็ดขาด เข้าใจไหม”

หัวหน้าทีมชารีบจบบทสนทนา ตอนนั้นเองพนักงานก็เดินเข้ามาด้านในของห้องส่วนตัว หลังจากอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับไวน์แล้ว พนักงานจึงรินไวน์ใส่แก้ว จากนั้นประตูก็ถูกปิดลงพร้อมคำพูดว่าขอให้เป็นช่วงเวลาที่ดี

“อะ…”

กรรมการผู้จัดการคิมยกแก้วไวน์ขึ้นมา และก่อนที่เขาจะทันขอชนแก้ว อีอูยอนก็ยกแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา จากนั้นก็ดื่มไวน์จนหมดรวดเดียว การกระทำที่กะทันหันนั้นทำให้ทั้งสามคนพูดอะไรไม่ออก

“คุณอูยอน คือ…”

พออินซอบพูดด้วยอย่างระมัดระวัง อีอูยอนก็ตอบว่า “ครับ” น้ำเสียงที่ห่างเหินอย่างเย็นชาของเขาทำให้อินซอบตอบว่า “ไม่มีอะไรครับ” และหลุบสายตาลง

อีอูยอนดื่มไวน์โดยไม่พูดอะไรอีกหลังจากนั้น และวันนั้นอินซอบก็ไม่ได้ดื่มไวน์เลย

“คุณอูยอน ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

อินซอบเอ่ยถามตรงหน้าประตูหน้าบ้าน นี่เป็นคำถามที่เขาถามในรถเช่นกัน

“ครับ ผมไม่เป็นไรครับ”

อีอูยอนเอ่ยตอบ เขาเดินตรง ท่าทางเรียบร้อย และมีแววตาที่เย็นชา

อีอูยอนไม่เมาเหล้าง่ายๆ และถึงแม้จะบอกว่าเมา เขาก็ไม่แสดงท่าทีออกมา อีอูยอนกดรหัสผ่าน นิ้วที่กดตัวเลขสิบสองหลักที่รวมวันเกิดของพวกเขาสองคนกับวันครบรอบเข้าด้วยกันอย่างไม่มีข้อผิดพลาดไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว

“ไม่เข้าไปเหรอครับ”

อีอูยอนเปิดประตูก่อนจะหลบไปข้างๆ พลางเอ่ยถาม

“เอ่อ ครับ”

อินซอบเดินเข้าไปในประตูหน้าบ้าน

พวกเขาไม่ได้คุยอะไรกันเป็นพิเศษภายในรถตลอดทางที่กลับมา อีอูยอนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับแค่หลับตา แต่ไม่ได้นอนหลับ อินซอบถามอีอูยอนว่าเป็นอะไรหรือเปล่าเป็นครั้งคราว

…ไม่ว่ายังไงก็เหมือนจะเป็นอะไรนะ

เสียงประตูถูกดปิดดังขึ้นด้านหลัง

“คุณอูยอน คือ…”

อีอูยอนไม่ตอบและเดินตึงๆ เข้าไปในบ้านทั้งๆ แบบนั้น…ในสภาพที่ยังใส่รองเท้าอยู่

เมาอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย

อินซอบรีบตามเข้าไป

“คุณอูยอน”

อีอูยอนทิ้งตังนั่งลงที่โซฟา อินซอบถอดรองเท้าของอีอูยอนออกและเอาไปวางไว้ตรงประตูหน้าบ้าน

“ผมเอาน้ำมาให้ดีไหมครับ”

อีอูยอนที่นั่งพิงโซฟาอยู่ตอบว่า “อื้อ” อินซอบเทน้ำเย็นใส่แก้วและนำมาให้ อีอูยอนนั่งอยู่บนโซฟาและหลับตา

“หลับเหรอครับ”

“เปล่า”

อีอูยอนลืมตาขึ้น เป็นแววตาที่ไม่รู้สึกถึงอาการเมาเหล้าเลยแม้แต่น้อย วันนี้อีกฝ่ายดื่มเหล้าในปริมาณที่ทำให้ผู้ใหญ่สี่คนเมาได้คนเดียว ถึงขนาดที่กรรมการผู้จัดการคิมที่ตอนแรกดื่มไวน์ด้วยอย่างไม่คิดอะไรหน้าซีดกับการสั่งแล้วสั่งอีก และดึงเขาออกไป

อินซอบเป็นห่วงอีอูยอน การที่อีกฝ่ายดื่มเหล้าจนเมาเกิดขึ้นน้อยจนแทบนับนิ้วได้

เกิดเรื่องที่ทำให้อารมณ์เสียในระหว่างที่ออกไปคุยโทรศัพท์หรือเปล่านะ …หรือว่าเราทำอะไรผิดอีกแล้ว

“ดื่มน้ำหน่อยนะครับ”

แม้อีอูยอนจะรับแก้วมา แต่ก็ไม่ยอมดื่มและจ้องมองอินซอบนิ่งๆ

“ต้องการอย่างอื่นอีกไหมครับ”

“ถ้าต้องการจะให้เหรอครับ”

“ครับ?”

อีอูยอนหัวเราะสั้นๆ และดื่มน้ำจนหมดแก้ว จากนั้นก็พูดว่า “ดื่มหมดแล้วครับ” และเอาแก้วน้ำไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน อินซอบรีบเดินตามหลังอีอูยอนไปและเอ่ยถาม

“จะไปไหนครับ”

“ไปอาบน้ำ”

อีอูยอนแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตและถามว่า “อาบด้วยกันไหม” อินซอบรีบส่ายหน้า

“โอเคครับ”

อีอูยอนเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ทางขวาของห้องนั่งเล่น อินซอบเองก็ถอดเสื้อผ้าสำหรับใส่ออกไปข้างนอกมาจัดเก็บให้เรียบร้อยก่อนจะอาบน้ำในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องของตัวเอง เขาเป่าผมให้แห้งพอประมาณและออกมาที่ห้องนั่งเล่น เสียงน้ำยังดังอยู่เพราะอีกฝ่ายยังอาบน้ำไม่เสร็จ

อินซอบนั่งลงบนโซฟาและรออีอูยอน ตอนที่เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที อินซอบก็วิ่งไปที่หน้าห้องน้ำ เพราะความคิดที่ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง

“คุณอูยอน”

อินซอบเคาะประตูและเรียกชื่ออีกฝ่าย เขาคิดว่าอาจจะไม่ได้ยินเพราะเสียงน้ำ จึงเรียกให้ดังขึ้นอีกครั้งว่า “คุณอูยอน” ไม่มีคำตอบกลับมา

“คุณอูยอน ขอโทษครับ ผมจะเข้าไปนะครับ”

อินซอบเปิดประตู

อีอูยอนนอนพิงอ่างอาบน้ำในสภาพที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่ เสื้อและผมของเขาเปียกโชก เพราะน้ำที่เทลงมาจากฝักบัว แม้จะเป็นภาพที่งดงามพอที่จะเป็นหน้าหนึ่งในนิตยสารได้ แต่อินซอบก็วิ่งเข้าไปด้วยความตื่นตกใจ

“คุณอูยอน คุณอูยอน”

อินซอบจับแขนอูยอนและเขย่า

“คุณอู…”

พออีอูยอนลืมตาพรวดขึ้นมา อินซอบก็กลั้นหายใจ ดวงตาที่เย็นชาและเฉยชาจนหาความมึนเมาไม่เจอขยับอย่างช้าๆ ราวกับเฝ้าดูอินซอบ

“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

“ครับ”

คำตอบทื่อๆ ที่ไม่ต่างอะไรกับเมื่อสักครู่นี้ถูกส่งกลับมา อินซอบปิดฝักบัวและจับแขนของอีอูยอน

“เกิดอะไรขึ้นครับ ล้มเหรอครับ ให้เรียกรถฉุกเฉินไหมครับ”

อินซอบสำรวจทั่วศีรษะของอีอูยอนเพื่อว่ามีตรงไหนที่บาดเจ็บหรือไม่

“ผมกินยาและนอนเพื่อให้หลับน่ะ”

อีอูยอนที่มองอินซอบอยู่พูดขึ้นอย่างกะทันหัน

“ครับ?”

“…เพราะผมนอนไม่หลับ”

ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่ากระจกของตู้เก็บในห้องน้ำเปิดอยู่ ภายในนั้นมีขวดยาของอีอูยอนวางอยู่เรียงราย

“กินยาไปเหรอครับ”

“อื้อ”

“กินเหล้าแล้วกินยาไม่ได้นะ”

อินซอบสำรวจอีอูยอนด้วยสายตาที่เป็นห่วง ถ้าไม่นับตัวที่เปียกโชกไปด้วยน้ำแล้ว อีอูยอนมีหน้าตาที่สะอาดสะอ้านเรียบร้อยมาก

“ลุกได้ไหมครับ”

อีอูยอนค่อยๆ ลุกขึ้น อินซอบพาอีกฝ่ายออกมานอกห้องน้ำ อินซอบจับอีกฝ่ายให้นั่งลงบนเตียงและเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาให้ เขาเช็ดน้ำออกอย่างพอประมาณและตั้งใจจะถอดเสื้อของอีอูยอนออก

“จะทำอะไรครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม ราวกับสงสัยจริงๆ

“ห้ามใส่เสื้อเปียกนอนนะครับ”

อินซอบแกะกระดุมเสื้อเชิ้ต การถอดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำจนแนบไปกับผิวออกไม่ใช่เรื่องงาน ยิ่งเป็นเสื้อผ้าของอีกฝ่ายที่สูงกว่าตัวเองแล้วด้วย

“คุณอูยอน ช่วยเอาแขน…”

เขากำลังจะขอให้ยกแขนขึ้นเล็กน้อย แต่แล้วการมองเห็นก็ถูกเปลี่ยนทิศ อินซอบที่ถูกทำให้นอนราวกับเขวี้ยงลงกับเตียงเงยหน้ามองอีอูยอนที่ขึ้นคร่อมตัวเอง

นี่เป็นภาพที่อาจจะดูแปลก แต่ภาพของชายหนุ่มที่เปียกโชกไปด้วยน้ำทั้งๆ ที่ใส่เสื้อผ้าในตอนกลางดึกกลับดูงดงามจนได้แต่ถอนหายใจ

“จะทำไหมครับ”

“ครับ ครับ?”

เสียงของอินซอบสั่นเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นตึกตัก เพราะใบหน้างดงามที่เข้ามาใกล้

“ผมถามว่าจะแต่งงานไหม”

อินซอบลังเลก่อนจะพยักหน้า

แม้จะเป็นการขอแต่งงานที่นึกออกอย่างกะทันหัน แต่เขาก็ไม่เสียใจกับทางเลือกของตัวเอง เขาดีใจที่อีอูยอนตอบตกลงด้วยรอยยิ้มและชอบที่สามารถใช้เวลาที่เหลือร่วมกันในอนาคตได้ หลังจากกลับจากฮาวายมาเกาหลี อีอูยอนชูแหวนที่ใส่ไว้ที่นิ้วก้อยขึ้นมาให้ดูและพูดราวกับล้อเล่นว่า ‘คุณอินซอบต้องรับผิดชอบผมนะครับ เพราะผมโดนคุณอินซอบจูงจมูกแล้ว’ อินซอบพยักหน้าอย่างตั้งใจทุกครั้งและตอบว่า ‘ได้ครับ’

แม้ไม่ได้กำหนดวันหรือวางแผนอย่างเป็นรูปเป็นร่าง แต่เขาก็ไม่รู้สึกกังวลใจหรือเสียใจเลย เขาแค่เสียดายว่าน่าจะซื้อแหวนที่ดีกว่านี้สักหน่อยให้เท่านั้น แหวนคุณภาพต่ำและซอมซ่อที่ซื้อจากร้านขายของที่ระลึกไม่ดีพอสำหรับอีอูยอน…เหมือนกับตัวเขา

“คุณบอกว่าต้องการรักษาความสัมพันธ์ไว้ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนใช่ไหมครับ”

“เอ่อ…ครับ”

พวกเขาคือคนสองคนที่ต่างกันมาก จึงเป็นเรื่องปกติที่จะทะเลาะและผิดใจกันเมื่อได้ลองอาศัยอยู่ร่วมกัน เขาไม่อยากรู้สึกกลัวว่าพวกเขาจะเหินห่างกันทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น ต่อให้ทะเลาะและถูกทำร้ายจิตใจ เขาก็ยังอยากอยู่ข้างๆ อีอูยอน ดังนั้นเขาจึงขออีกฝ่ายแต่งงาน

“ถ้าผมขอให้เหลือแค่ผมล่ะ”

“ครับ?”

“ถ้าผมขอให้คุณจัดการความสัมพันธ์อื่นๆ และเหลือแค่ผม คุณจะทำแบบนั้นไหมครับ”

ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าความสัมพันธ์อื่นที่อีอูยอนพูดหมายความว่าอะไร

“…พูดถึงครอบครัวของผมใช่ไหมครับ”

“อื้อ”

อินซอบลังเลสักพักก่อนจะส่ายหน้าและตอบว่า “ไม่ครับ” อีอูยอนสำคัญ เขาให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมากพอที่จะจากครอบครัวของตัวเองที่รักยิ่งกว่าชีวิตมาได้ แต่เขาไม่สามารถทิ้งครอบครัวของตัวเองไปตลอดได้

“…ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ครับ”

ต่อให้อีอูยอนจะอยู่ในสภาพที่เมามายแค่ไหน เขาก็ไม่อยากโกหกอีกฝ่าย และไม่อยากหลอกอีกฝ่ายด้วย

“ทำไมล่ะ”

อีอูยอนถามราวกับไม่เข้าใจจริงๆ

“เพราะว่าเป็นครอบครัว…”

“มันสมเหตุสมผลเหรอครับ”

อินซอบอ่านเจตนาที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในสายตาที่เหมือนจะกดดันได้

แม้กระทั่งพ่อแม่แท้ๆ ของคุณยังทิ้งคุณไปเลยนี่

ขอบตาของอินซอบแดงขึ้นราวกับบวมเป่ง แม้ตั้งใจจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาก็ทะลักออกมา อินซอบหันหน้าไปด้านข้างและซ่อนการร้องไห้ไว้

“คุณอินซอบ”

อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบ อินซอบซุกหน้าลงกับหมอนและไม่ยอมตอบอะไร ริมฝีปากเปียกแฉะสัมผัสที่แก้ม

“คุณอินซอบ มองผมหน่อยครับ”

“…”

บางครั้งอีกฝ่ายก็ไม่สามารถซ่อนนิสัยใจร้ายของตัวเองได้ มีทั้งตอนที่เผลอแสดงออกมา และตอนที่ตั้งใจที่จะไม่ซ่อนเหมือนเมื่อสักครู่นี้ แม้จะถูกทำร้ายจิตใจทุกครั้ง แต่ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องอดทน เพราะเขาตัดสินใจที่จะทำแบบนั้น

“มองผมหน่อยนะครับ นะ?”

…แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เจ็บปวด

“คุณอินซอบ”

มือที่ใหญ่ของอีอูยอนกุมไหล่ของเขาไว้ อินซอบหันหน้าไปอย่างช้าๆ สายตาของพวกเขาประสานกัน หยดน้ำที่ไม่กล้าเช็ดออกไหลลงมาตามเส้นผมของอีอูยอนและหยดลงมา อินซอบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำที่ติดอยู่บนใบหน้าของอีอูยอน ไออุ่นที่สัมผัสแก้มทำให้อีอูยอนนิ่วหน้าราวกับจนปัญญา

“…คุณจะเป็นหวัดเอานะครับ”

อินซอบแสดงความเป็นห่วงของตัวเองออกมาเล็กน้อย เส้นเอ็นบนหลังมือของอีอูยอนที่กุมไหล่ของอินซอบไว้ปูดโปนในชั่วพริบตา

“ถ้าไม่เป่าผมให้แห้งแล้วนอน…”

คำพูดที่มีความเป็นห่วงของอินซอบแฝงอยู่ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ริมฝีปากที่เปียกชื้นกลืนกินริมฝีปากของอินซอบ พออินซอบตกใจและดิ้น อีอูยอนก็สบถออกมา

“อยู่เฉยๆ”

อีอูยอนใช้ทั้งตัวกดแขนและขาทั้งสองข้างของอินซอบไว้พลางกระซิบ แปลก แม้จะเป็นลักษณะท่าทางที่บีบบังคับ แต่ก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังอ้อนวอนอย่างสุดชีวิต เป็นเพราะเปียกไปทั้งตัวและดูเหมือนคนตกน้ำหรือเปล่านะ

เขาสัมผัสร่างกายที่แข็งแกร่งโดยมีเสื้อผ้าที่เปียกกั้น อีอูยอนถอดเสื้อเชิ้ตที่เปียกออกและโยนทิ้ง เสื้อผ้าหนักๆ ตกลงไปใต้เตียงดังตุบ

“อ๊ะ…”

ร่างกายเปลือยเปล่าที่ยังคงเปียกชื้นกดอินซอบไว้อย่างน่าเกรงกลัว ถ้าเอาน้ำหนักของเสื้อผ้าที่หนักออกไปแล้ว เขาควรจะรู้สึกเบา แต่เขากลับรู้สึกหนักมากกว่าเมื่อกี้อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากความกลัวที่ทำให้หายใจลำบาก อินซอบจึงหอบพลางเรียกชื่ออีกฝ่ายว่า “คุณอูยอน”

อีอูยอนดึงกางเกงและกางเกงชั้นในของอินซอบลงมารวดเดียวแทนคำตอบ กางเกงที่เปียกสัมผัสกับผิวเนื้อเปลือยเปล่า สัมผัสที่เปียกชื้นและไม่คุ้นเคยทำให้อินซอบขมวดคิ้ว

“เป็นอะไร”

“…ครับ? อึก”

อีอูยอนกอดอินซอบอย่างแรงราวกับจะทำให้บี้แบน และหว่างขาที่แนบชิดกันก็ถูกเสียดสีอย่างรุนแรง

“ไม่ชอบเหรอ”

อีอูยอนเอ่ยถาม

อีอูยอนดื่มเหล้าไม่บ่อย เขาจะดื่มเบียร์หนึ่งถึงสองกระป๋องกับอินซอบ หรือดื่มไวน์เล็กน้อยในระหว่างที่กินข้าวเป็นบางครั้ง เขาจะไม่ดื่มมากเกินไป หรือถ้าบังเอิญเมาก็จะจูบราตรีสวัสดิ์อินซอบก่อนจะเข้าห้องตัวเองไปนอน

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท