อินซอบสำลักและไอเล็กน้อย อีอูยอนจึงรินน้ำและยื่นให้อินซอบ อินซอบเอ่ยขอบคุณเสียงค่อย และรับน้ำมาดื่ม
“ไม่เคยเรียกว่าพี่เลยเหรอ สักครั้งก็ไม่เคยเหรอ”
“…ครับ”
ใบหน้าของอินซอบแดงซ่าน
“ลองเรียกสิ น่าสนุกออก”
“พี่อะไรล่ะ พอเถอะ ใช้คำสุภาพตามที่ทั้งสองคนเคยใช้เถอะ”
หัวหน้าทีมชาที่เคยถูกทรมานอย่างน่ากลัวทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตรีบห้ามการล้อเล่นของกรรมการผู้จัดการคิม
“ทำไมล่ะ ฮยอนคยู นายเองก็เรียกฉันว่าพี่นี่”
“แล้วพวกเขาเหมือนผมกับกรรมการผู้จัดการเหรอ พวกเขาน่ะ…ช่างเถอะ คุณอินซอบ กินข้าวเถอะ”
“แล้วยังไงล่ะ ลองเรียกดูสิ ที่เกาหลีถ้าสนิทกันจะเรียกกันเป็นพี่น้องนะ”
“เอ่อ คือ…ผม… …คือ…”
ใบหน้าของอินซอบค่อยๆ แดงขึ้น ขนตายาวสั่นเล็กน้อยด้วยความลำบากใจ
อีอูยอนไม่สนใจเรื่องชื่อเรียก ไม่ว่าจะเรียนอย่างไร ความสัมพันธ์ก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี และเขาก็ไม่ใช่คนโง่ที่ตื่นเต้นกับเรื่องพวกนั้น
“คะ คุณอูยอนอายุมากกว่าผม ในวัฒนธรรมเกาหลีการเรียกว่าพี่นั้นถูกต้อง แต่เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่รู้จักกันด้วยเรื่องงานในตอนแรก การเปลี่ยนชื่อเรียกอย่างกะทันหันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าไม่ได้เพิ่งรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ไม่สิ ถึงจะสนิทสนมกัน แต่…”
พอเริ่มพูดวกไปวนมา ความแดงก็ลามไปถึงบริเวณคิ้วของอินซอบ
เป็นแบบนั้นคงจะร้องไห้แน่
ในจังหวะที่อีอูยอนกำลังจะเอ่ยปาก อินซอบก็หลับตาแน่นและพูดต่ออย่างรวดเร็ว
“ถูกแล้วครับที่คุณอีอูยอนเป็นพี่ด้วยอายุ แต่พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันครับ เพราะฉะนั้น…”
“ถูกต้องครับ”
อีอูยอนสนับสนุนอย่างว่องไว
“เพราะว่าไม่ใช่พี่น้อง ก็เลยไม่สนว่าจะเป็นพี่หรือน้องน่ะครับ”
หัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมมองหน้ากัน เพราะบรรยากาศที่เย็นลงแปลกๆ
…ทำไมจู่ๆ บรรยากาศถึงแย่ลงล่ะ
…แล้วผมจะรู้ไหมครับ ที่หมอนั่นทำให้บรรยากาศแย่มันมีเหตุผลที่สมควรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ใช่แล้ว ทั้งสองคนเป็นคนแปลกหน้าแล้วก็เป็นคนอเมริกา จะมาเป็นพี่น้องอะไรล่ะ ห้ามคิดเรื่องพี่หรือน้องเด็ดขาด เข้าใจไหม”
หัวหน้าทีมชารีบจบบทสนทนา ตอนนั้นเองพนักงานก็เดินเข้ามาด้านในของห้องส่วนตัว หลังจากอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับไวน์แล้ว พนักงานจึงรินไวน์ใส่แก้ว จากนั้นประตูก็ถูกปิดลงพร้อมคำพูดว่าขอให้เป็นช่วงเวลาที่ดี
“อะ…”
กรรมการผู้จัดการคิมยกแก้วไวน์ขึ้นมา และก่อนที่เขาจะทันขอชนแก้ว อีอูยอนก็ยกแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา จากนั้นก็ดื่มไวน์จนหมดรวดเดียว การกระทำที่กะทันหันนั้นทำให้ทั้งสามคนพูดอะไรไม่ออก
“คุณอูยอน คือ…”
พออินซอบพูดด้วยอย่างระมัดระวัง อีอูยอนก็ตอบว่า “ครับ” น้ำเสียงที่ห่างเหินอย่างเย็นชาของเขาทำให้อินซอบตอบว่า “ไม่มีอะไรครับ” และหลุบสายตาลง
อีอูยอนดื่มไวน์โดยไม่พูดอะไรอีกหลังจากนั้น และวันนั้นอินซอบก็ไม่ได้ดื่มไวน์เลย
…
“คุณอูยอน ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
อินซอบเอ่ยถามตรงหน้าประตูหน้าบ้าน นี่เป็นคำถามที่เขาถามในรถเช่นกัน
“ครับ ผมไม่เป็นไรครับ”
อีอูยอนเอ่ยตอบ เขาเดินตรง ท่าทางเรียบร้อย และมีแววตาที่เย็นชา
อีอูยอนไม่เมาเหล้าง่ายๆ และถึงแม้จะบอกว่าเมา เขาก็ไม่แสดงท่าทีออกมา อีอูยอนกดรหัสผ่าน นิ้วที่กดตัวเลขสิบสองหลักที่รวมวันเกิดของพวกเขาสองคนกับวันครบรอบเข้าด้วยกันอย่างไม่มีข้อผิดพลาดไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว
“ไม่เข้าไปเหรอครับ”
อีอูยอนเปิดประตูก่อนจะหลบไปข้างๆ พลางเอ่ยถาม
“เอ่อ ครับ”
อินซอบเดินเข้าไปในประตูหน้าบ้าน
พวกเขาไม่ได้คุยอะไรกันเป็นพิเศษภายในรถตลอดทางที่กลับมา อีอูยอนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับแค่หลับตา แต่ไม่ได้นอนหลับ อินซอบถามอีอูยอนว่าเป็นอะไรหรือเปล่าเป็นครั้งคราว
…ไม่ว่ายังไงก็เหมือนจะเป็นอะไรนะ
เสียงประตูถูกดปิดดังขึ้นด้านหลัง
“คุณอูยอน คือ…”
อีอูยอนไม่ตอบและเดินตึงๆ เข้าไปในบ้านทั้งๆ แบบนั้น…ในสภาพที่ยังใส่รองเท้าอยู่
เมาอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย
อินซอบรีบตามเข้าไป
“คุณอูยอน”
อีอูยอนทิ้งตังนั่งลงที่โซฟา อินซอบถอดรองเท้าของอีอูยอนออกและเอาไปวางไว้ตรงประตูหน้าบ้าน
“ผมเอาน้ำมาให้ดีไหมครับ”
อีอูยอนที่นั่งพิงโซฟาอยู่ตอบว่า “อื้อ” อินซอบเทน้ำเย็นใส่แก้วและนำมาให้ อีอูยอนนั่งอยู่บนโซฟาและหลับตา
“หลับเหรอครับ”
“เปล่า”
อีอูยอนลืมตาขึ้น เป็นแววตาที่ไม่รู้สึกถึงอาการเมาเหล้าเลยแม้แต่น้อย วันนี้อีกฝ่ายดื่มเหล้าในปริมาณที่ทำให้ผู้ใหญ่สี่คนเมาได้คนเดียว ถึงขนาดที่กรรมการผู้จัดการคิมที่ตอนแรกดื่มไวน์ด้วยอย่างไม่คิดอะไรหน้าซีดกับการสั่งแล้วสั่งอีก และดึงเขาออกไป
อินซอบเป็นห่วงอีอูยอน การที่อีกฝ่ายดื่มเหล้าจนเมาเกิดขึ้นน้อยจนแทบนับนิ้วได้
เกิดเรื่องที่ทำให้อารมณ์เสียในระหว่างที่ออกไปคุยโทรศัพท์หรือเปล่านะ …หรือว่าเราทำอะไรผิดอีกแล้ว
“ดื่มน้ำหน่อยนะครับ”
แม้อีอูยอนจะรับแก้วมา แต่ก็ไม่ยอมดื่มและจ้องมองอินซอบนิ่งๆ
“ต้องการอย่างอื่นอีกไหมครับ”
“ถ้าต้องการจะให้เหรอครับ”
“ครับ?”
อีอูยอนหัวเราะสั้นๆ และดื่มน้ำจนหมดแก้ว จากนั้นก็พูดว่า “ดื่มหมดแล้วครับ” และเอาแก้วน้ำไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน อินซอบรีบเดินตามหลังอีอูยอนไปและเอ่ยถาม
“จะไปไหนครับ”
“ไปอาบน้ำ”
อีอูยอนแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตและถามว่า “อาบด้วยกันไหม” อินซอบรีบส่ายหน้า
“โอเคครับ”
อีอูยอนเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ทางขวาของห้องนั่งเล่น อินซอบเองก็ถอดเสื้อผ้าสำหรับใส่ออกไปข้างนอกมาจัดเก็บให้เรียบร้อยก่อนจะอาบน้ำในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องของตัวเอง เขาเป่าผมให้แห้งพอประมาณและออกมาที่ห้องนั่งเล่น เสียงน้ำยังดังอยู่เพราะอีกฝ่ายยังอาบน้ำไม่เสร็จ
อินซอบนั่งลงบนโซฟาและรออีอูยอน ตอนที่เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที อินซอบก็วิ่งไปที่หน้าห้องน้ำ เพราะความคิดที่ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
“คุณอูยอน”
อินซอบเคาะประตูและเรียกชื่ออีกฝ่าย เขาคิดว่าอาจจะไม่ได้ยินเพราะเสียงน้ำ จึงเรียกให้ดังขึ้นอีกครั้งว่า “คุณอูยอน” ไม่มีคำตอบกลับมา
“คุณอูยอน ขอโทษครับ ผมจะเข้าไปนะครับ”
อินซอบเปิดประตู
อีอูยอนนอนพิงอ่างอาบน้ำในสภาพที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่ เสื้อและผมของเขาเปียกโชก เพราะน้ำที่เทลงมาจากฝักบัว แม้จะเป็นภาพที่งดงามพอที่จะเป็นหน้าหนึ่งในนิตยสารได้ แต่อินซอบก็วิ่งเข้าไปด้วยความตื่นตกใจ
“คุณอูยอน คุณอูยอน”
อินซอบจับแขนอูยอนและเขย่า
“คุณอู…”
พออีอูยอนลืมตาพรวดขึ้นมา อินซอบก็กลั้นหายใจ ดวงตาที่เย็นชาและเฉยชาจนหาความมึนเมาไม่เจอขยับอย่างช้าๆ ราวกับเฝ้าดูอินซอบ
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“ครับ”
คำตอบทื่อๆ ที่ไม่ต่างอะไรกับเมื่อสักครู่นี้ถูกส่งกลับมา อินซอบปิดฝักบัวและจับแขนของอีอูยอน
“เกิดอะไรขึ้นครับ ล้มเหรอครับ ให้เรียกรถฉุกเฉินไหมครับ”
อินซอบสำรวจทั่วศีรษะของอีอูยอนเพื่อว่ามีตรงไหนที่บาดเจ็บหรือไม่
“ผมกินยาและนอนเพื่อให้หลับน่ะ”
อีอูยอนที่มองอินซอบอยู่พูดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ครับ?”
“…เพราะผมนอนไม่หลับ”
ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่ากระจกของตู้เก็บในห้องน้ำเปิดอยู่ ภายในนั้นมีขวดยาของอีอูยอนวางอยู่เรียงราย
“กินยาไปเหรอครับ”
“อื้อ”
“กินเหล้าแล้วกินยาไม่ได้นะ”
อินซอบสำรวจอีอูยอนด้วยสายตาที่เป็นห่วง ถ้าไม่นับตัวที่เปียกโชกไปด้วยน้ำแล้ว อีอูยอนมีหน้าตาที่สะอาดสะอ้านเรียบร้อยมาก
“ลุกได้ไหมครับ”
อีอูยอนค่อยๆ ลุกขึ้น อินซอบพาอีกฝ่ายออกมานอกห้องน้ำ อินซอบจับอีกฝ่ายให้นั่งลงบนเตียงและเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาให้ เขาเช็ดน้ำออกอย่างพอประมาณและตั้งใจจะถอดเสื้อของอีอูยอนออก
“จะทำอะไรครับ”
อีอูยอนเอ่ยถาม ราวกับสงสัยจริงๆ
“ห้ามใส่เสื้อเปียกนอนนะครับ”
อินซอบแกะกระดุมเสื้อเชิ้ต การถอดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำจนแนบไปกับผิวออกไม่ใช่เรื่องงาน ยิ่งเป็นเสื้อผ้าของอีกฝ่ายที่สูงกว่าตัวเองแล้วด้วย
“คุณอูยอน ช่วยเอาแขน…”
เขากำลังจะขอให้ยกแขนขึ้นเล็กน้อย แต่แล้วการมองเห็นก็ถูกเปลี่ยนทิศ อินซอบที่ถูกทำให้นอนราวกับเขวี้ยงลงกับเตียงเงยหน้ามองอีอูยอนที่ขึ้นคร่อมตัวเอง
นี่เป็นภาพที่อาจจะดูแปลก แต่ภาพของชายหนุ่มที่เปียกโชกไปด้วยน้ำทั้งๆ ที่ใส่เสื้อผ้าในตอนกลางดึกกลับดูงดงามจนได้แต่ถอนหายใจ
“จะทำไหมครับ”
“ครับ ครับ?”
เสียงของอินซอบสั่นเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นตึกตัก เพราะใบหน้างดงามที่เข้ามาใกล้
“ผมถามว่าจะแต่งงานไหม”
อินซอบลังเลก่อนจะพยักหน้า
แม้จะเป็นการขอแต่งงานที่นึกออกอย่างกะทันหัน แต่เขาก็ไม่เสียใจกับทางเลือกของตัวเอง เขาดีใจที่อีอูยอนตอบตกลงด้วยรอยยิ้มและชอบที่สามารถใช้เวลาที่เหลือร่วมกันในอนาคตได้ หลังจากกลับจากฮาวายมาเกาหลี อีอูยอนชูแหวนที่ใส่ไว้ที่นิ้วก้อยขึ้นมาให้ดูและพูดราวกับล้อเล่นว่า ‘คุณอินซอบต้องรับผิดชอบผมนะครับ เพราะผมโดนคุณอินซอบจูงจมูกแล้ว’ อินซอบพยักหน้าอย่างตั้งใจทุกครั้งและตอบว่า ‘ได้ครับ’
แม้ไม่ได้กำหนดวันหรือวางแผนอย่างเป็นรูปเป็นร่าง แต่เขาก็ไม่รู้สึกกังวลใจหรือเสียใจเลย เขาแค่เสียดายว่าน่าจะซื้อแหวนที่ดีกว่านี้สักหน่อยให้เท่านั้น แหวนคุณภาพต่ำและซอมซ่อที่ซื้อจากร้านขายของที่ระลึกไม่ดีพอสำหรับอีอูยอน…เหมือนกับตัวเขา
“คุณบอกว่าต้องการรักษาความสัมพันธ์ไว้ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบไหนใช่ไหมครับ”
“เอ่อ…ครับ”
พวกเขาคือคนสองคนที่ต่างกันมาก จึงเป็นเรื่องปกติที่จะทะเลาะและผิดใจกันเมื่อได้ลองอาศัยอยู่ร่วมกัน เขาไม่อยากรู้สึกกลัวว่าพวกเขาจะเหินห่างกันทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น ต่อให้ทะเลาะและถูกทำร้ายจิตใจ เขาก็ยังอยากอยู่ข้างๆ อีอูยอน ดังนั้นเขาจึงขออีกฝ่ายแต่งงาน
“ถ้าผมขอให้เหลือแค่ผมล่ะ”
“ครับ?”
“ถ้าผมขอให้คุณจัดการความสัมพันธ์อื่นๆ และเหลือแค่ผม คุณจะทำแบบนั้นไหมครับ”
ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าความสัมพันธ์อื่นที่อีอูยอนพูดหมายความว่าอะไร
“…พูดถึงครอบครัวของผมใช่ไหมครับ”
“อื้อ”
อินซอบลังเลสักพักก่อนจะส่ายหน้าและตอบว่า “ไม่ครับ” อีอูยอนสำคัญ เขาให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมากพอที่จะจากครอบครัวของตัวเองที่รักยิ่งกว่าชีวิตมาได้ แต่เขาไม่สามารถทิ้งครอบครัวของตัวเองไปตลอดได้
“…ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ครับ”
ต่อให้อีอูยอนจะอยู่ในสภาพที่เมามายแค่ไหน เขาก็ไม่อยากโกหกอีกฝ่าย และไม่อยากหลอกอีกฝ่ายด้วย
“ทำไมล่ะ”
อีอูยอนถามราวกับไม่เข้าใจจริงๆ
“เพราะว่าเป็นครอบครัว…”
“มันสมเหตุสมผลเหรอครับ”
อินซอบอ่านเจตนาที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในสายตาที่เหมือนจะกดดันได้
แม้กระทั่งพ่อแม่แท้ๆ ของคุณยังทิ้งคุณไปเลยนี่
ขอบตาของอินซอบแดงขึ้นราวกับบวมเป่ง แม้ตั้งใจจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาก็ทะลักออกมา อินซอบหันหน้าไปด้านข้างและซ่อนการร้องไห้ไว้
“คุณอินซอบ”
อีอูยอนเอ่ยเรียกอินซอบ อินซอบซุกหน้าลงกับหมอนและไม่ยอมตอบอะไร ริมฝีปากเปียกแฉะสัมผัสที่แก้ม
“คุณอินซอบ มองผมหน่อยครับ”
“…”
บางครั้งอีกฝ่ายก็ไม่สามารถซ่อนนิสัยใจร้ายของตัวเองได้ มีทั้งตอนที่เผลอแสดงออกมา และตอนที่ตั้งใจที่จะไม่ซ่อนเหมือนเมื่อสักครู่นี้ แม้จะถูกทำร้ายจิตใจทุกครั้ง แต่ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องอดทน เพราะเขาตัดสินใจที่จะทำแบบนั้น
“มองผมหน่อยนะครับ นะ?”
…แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เจ็บปวด
“คุณอินซอบ”
มือที่ใหญ่ของอีอูยอนกุมไหล่ของเขาไว้ อินซอบหันหน้าไปอย่างช้าๆ สายตาของพวกเขาประสานกัน หยดน้ำที่ไม่กล้าเช็ดออกไหลลงมาตามเส้นผมของอีอูยอนและหยดลงมา อินซอบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำที่ติดอยู่บนใบหน้าของอีอูยอน ไออุ่นที่สัมผัสแก้มทำให้อีอูยอนนิ่วหน้าราวกับจนปัญญา
“…คุณจะเป็นหวัดเอานะครับ”
อินซอบแสดงความเป็นห่วงของตัวเองออกมาเล็กน้อย เส้นเอ็นบนหลังมือของอีอูยอนที่กุมไหล่ของอินซอบไว้ปูดโปนในชั่วพริบตา
“ถ้าไม่เป่าผมให้แห้งแล้วนอน…”
คำพูดที่มีความเป็นห่วงของอินซอบแฝงอยู่ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ริมฝีปากที่เปียกชื้นกลืนกินริมฝีปากของอินซอบ พออินซอบตกใจและดิ้น อีอูยอนก็สบถออกมา
“อยู่เฉยๆ”
อีอูยอนใช้ทั้งตัวกดแขนและขาทั้งสองข้างของอินซอบไว้พลางกระซิบ แปลก แม้จะเป็นลักษณะท่าทางที่บีบบังคับ แต่ก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังอ้อนวอนอย่างสุดชีวิต เป็นเพราะเปียกไปทั้งตัวและดูเหมือนคนตกน้ำหรือเปล่านะ
เขาสัมผัสร่างกายที่แข็งแกร่งโดยมีเสื้อผ้าที่เปียกกั้น อีอูยอนถอดเสื้อเชิ้ตที่เปียกออกและโยนทิ้ง เสื้อผ้าหนักๆ ตกลงไปใต้เตียงดังตุบ
“อ๊ะ…”
ร่างกายเปลือยเปล่าที่ยังคงเปียกชื้นกดอินซอบไว้อย่างน่าเกรงกลัว ถ้าเอาน้ำหนักของเสื้อผ้าที่หนักออกไปแล้ว เขาควรจะรู้สึกเบา แต่เขากลับรู้สึกหนักมากกว่าเมื่อกี้อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากความกลัวที่ทำให้หายใจลำบาก อินซอบจึงหอบพลางเรียกชื่ออีกฝ่ายว่า “คุณอูยอน”
อีอูยอนดึงกางเกงและกางเกงชั้นในของอินซอบลงมารวดเดียวแทนคำตอบ กางเกงที่เปียกสัมผัสกับผิวเนื้อเปลือยเปล่า สัมผัสที่เปียกชื้นและไม่คุ้นเคยทำให้อินซอบขมวดคิ้ว
“เป็นอะไร”
“…ครับ? อึก”
อีอูยอนกอดอินซอบอย่างแรงราวกับจะทำให้บี้แบน และหว่างขาที่แนบชิดกันก็ถูกเสียดสีอย่างรุนแรง
“ไม่ชอบเหรอ”
อีอูยอนเอ่ยถาม
อีอูยอนดื่มเหล้าไม่บ่อย เขาจะดื่มเบียร์หนึ่งถึงสองกระป๋องกับอินซอบ หรือดื่มไวน์เล็กน้อยในระหว่างที่กินข้าวเป็นบางครั้ง เขาจะไม่ดื่มมากเกินไป หรือถ้าบังเอิญเมาก็จะจูบราตรีสวัสดิ์อินซอบก่อนจะเข้าห้องตัวเองไปนอน