“เยี่ยมยอด!”
ผู้จัดการของหลานเหยียนคิดเช่นนั้นในใจ ปากก็พูดออกมาเช่นนั้น แน่นอนว่าเขาพูดออกมาหลังจากที่บทเพลงจบลง
แต่ถึงอย่างไร การเอ่ยออกมาเช่นนี้ก็ทำให้ผู้คนสงสัยว่าเขากำลังเสียอาการ ฉะนั้นเขาจึงกระแอมออกมาอย่างประดักประเดิด
“ขอโทษครับ ผมตื่นเต้นไปหน่อย เพลงนี้ดีจริงๆ!”
เจิ้งจิงยิ้ม มองไปทางหลินเยวียนด้วยแววตาเป็นประกาย
“ใช้ท่อนคอรัสขึ้นนำได้อย่างกล้าหาญ ช่วงเปลี่ยนผ่านถึงจะใช้เอฟเฟ็กต์ที่ต่ำลงแต่ก็เห็นได้ชัดเจน สามารถทำให้เพลงติดหูคนฟังได้อย่างรวดเร็วที่สุด เทคนิคการเล่นซ้ำและวิธีเชื่อมเพลงทำได้เป็นธรรมชาติ การข้ามโน้ตในช่วงท้ายก็ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ เทคนิคการซ้ำในช่วงท้ายก็ละเอียด เห็นไคลแม็กซ์ของเพลงอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฟังแล้วรู้สึกเหนื่อย…อื้ม เยี่ยมยอดจริงๆ”
“???”
ผู้จัดการของหลานเหยียนสีหน้าสับสนในทันที
ที่คุณพูดต่างกับผมตรงไหนล่ะเนี่ย
ก็หมายความว่าเยี่ยมยอดเหมือนกันไม่ใช่เหรอ
หลานเหยียน “…”
เขารู้สึกว่าถ้าให้เขาประเมินอีกก็คงไม่จำเป็น จึงทำได้เพียงละไว้จนเหลือเพียงท่อนหลัง
“เยี่ยมยอด!”
พูดจบก็หันไปสบตากับผู้จัดการ ความรู้สึกก็พลันซับซ้อนขึ้นมา
แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาคิดจะปฏิเสธเซี่ยนอวี๋
หากเป็นสถานการณ์ปกติ คงไม่มีใครปฏิเสธเพลงของหลินเยวียนหรอก ถึงขั้นที่แทบจะปูพรมแดงต้อนรับเลยด้วยซ้ำไป ไม่เว้นแม้แต่ราชาเพลง
แต่นี่คือเพลงซึ่งใช้สำหรับในการเฉลิมฉลองครบรอบหลังจากที่ฉินและฉีผนวกรวมกัน มีทางการเป็นผู้สนับสนุน เป็นเพลงที่ขึ้นเป็นข่าวได้ กอปรกับมหาสงครามระหว่างเทพเซียนในเดือนธันวาคมนั้นต้องดุเดือด แน่นอนว่าหลานเหยียนต้องมั่นใจว่าไพ่ที่ตนวางลงไปนั้นเป็นใบที่ดีที่สุด!
เพราะเพลงนี้สำคัญมากจริงๆ!
เดิมทีพวกเขาคิดว่าไพ่ใบนี้จะเป็นหนึ่งในพ่อเพลงของบริษัทอย่างอาจารย์เจิ้งจิง
ในวงการนี้
นอกจากนักประพันธ์เพลงมือทองแล้ว นักประพันธ์เพลงซึ่งอยู่เหนือกว่ามือทองนั้นมีทั้งแข็งแกร่งมีทั้งอ่อนแอ ทว่าพ่อเพลงกลับเป็นต้นกำเนิดและคำตอบทุกอย่างของปัญหาด้านบทเพลง!
ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้เกี่ยวกับดนตรีก็ยังรู้ว่าควรเลือกอย่างไร
แต่เมื่อได้ฟังเพลงตะวันฉาย หลานเหยียนกลับเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยรู้สึกสงสัยเช่นนี้มาก่อน
เพลงของเจิ้งจิง จะดีกว่าเพลงของเซี่ยนอวี๋อีกหรือ?
ไม่ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงความสงสัยอีกต่อไป ถึงขั้นเข้าใกล้ความเชื่อมั่นแล้ว
เพลงของเจิ้งจิง เป็นไปได้มากว่าจะสู้เพลงนี้ไม่ได้!
พ่อเพลงเป็นคำตอบของทุกอย่างในวงการดนตรี เพราะผลงานของพ่อเพลงจะดีที่สุดเสมอ แต่แก่นแท้ของปัญหาย่อมต้องย้อนกลับไปที่ผลงาน
หลินเยวียนไม่ใช่พ่อเพลง แต่บางทีผลงานของเขาในครั้งนี้อาจแสดงศักยภาพล้ำหน้าไปแล้วก็ได้
สรุปแล้วเพลงตะวันฉายนั้นเป็นผลงานระดับพ่อเพลง และควรค่าแก่การยืนอยู่ระดับนี้!
และนี่สอดคล้องกับสถานะ ‘พ่อเพลงตัวน้อย’ ของเซี่ยนอวี๋
สามารถเขียนผลงานระดับนี้ออกมาได้ ต่อให้อยู่เหนือความคาดหมาย ก็ยังนับว่าสมเหตุสมผล
ไม่อย่างนั้นทำไมถึงบอกว่าเซี่ยนอวี๋มีศักยภาพในการเป็นพ่อเพลงล่ะ
ถึงขั้นที่ ต่อให้เป็นพ่อเพลง ก็ใช่ว่าจะสามารถเขียนเพลงระดับนี้ออกมาได้!
ในฐานะนักร้องระดับพ่อเพลง หลานเหยียนย่อมประเมินความสามารถของอีกฝ่ายได้
เห็นชัดแล้วไม่ใช่หรือ?
แม้แต่เจิ้งจิงเองก็ยังประหลาดใจ ให้คำวิจารณ์อย่างจริงใจว่า ‘เยี่ยมยอด’
เรื่องนี้จะทำอย่างไรล่ะ
ก่อนอื่น หลานเหยียนต้องการเพลงตะวันฉายอย่างแน่นอน ถึงกับรู้สึกอดใจรอไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ
ทว่าก่อนหน้านี้ตนคิดเพียงว่าจะปฏิเสธเซี่ยนอวี๋อย่างอ้อมๆ อย่างไรดี แต่ตอนนี้สถานการณ์ดันกลับตาลปัตร
เขาเริ่มกังวลแล้วว่าต่อจากนี้ตนจะปฏิเสธเจิ้งจิงอย่างไรดี…
พระเจ้า!
ปฏิเสธพ่อเพลง!
ก่อนหน้านี้หลานเหยียนไม่กล้าแม้แต่จะคิด!
แน่นอนว่าเขาคงไม่ได้บอกปัดถึงขั้นตัดบัวไม่เหลือใย
เพียงแต่ถ้าเพลงของเจิ้งจิงสู้เพลงตะวันฉายไม่ได้ งั้นงานเฉลิมฉลองในครั้งนี้และศึกชิงบัลลังก์บนชาร์ตเพลงเดือนธันวาคม หลานเหยียนทำได้เพียงเลือกเซี่ยนอวี๋
เช่นเดียวกับการขบคิดและพิจารณาเกี่ยวกับเซี่ยนอวี๋ก่อนหน้านี้
เพลงของเจิ้งจิง ทำได้เพียงใคร่ครวญหาวิธีนำมาเก็บไว้ก่อน จากนั้นค่อยปล่อยปีหน้า?
แต่ว่า…
อาจารย์เจิ้งจิงจะยินยอมไหมนะ
ฉันจะไปทำให้อาจารย์เจิ้งจิงขุ่นเคืองหรือเปล่า
ต้องบอกว่า กระบวนการอันยุ่งเหยิงเช่นนี้ทรมานใจอยู่เหมือนกัน!
ความรู้สึกกังวลใจนี้ เพียงแค่เปลี่ยนจากต่อเซี่ยนอวี๋เป็นอาจารย์เจิ้งจิง
ลำบากใจเหลือเกิน
ปกติแล้วทั้งคู่ก็ล้วนเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับตน
แต่วันนี้ ขุมทรัพย์ล้ำค่าทั้งสองดันมาปรากฏตรงหน้าพร้อมกัน!
ราวกับมองออกว่าหลานเหยียนกำลังลำบากใจ
จู่ๆ เจิ้งจิงก็กล่าว “หลานเหยียน งานครบรอบปีนี้ใช้เพลงของเซี่ยนอวี๋เถอะ คุณภาพของเพลงตะวันฉายนี้ ดีกว่าเพลงที่ฉันเตรียมไว้ให้คุณครั้งนี้จริงๆ”
“อาจารย์เจิ้งจิง…”
หลานเหยียนพลันรู้สึกกระดากใจ
ดูเหมือนว่าตนจะประเมินจิตใจของพ่อเพลงต่ำไป
เจิ้งจิงยิ้มเอ่ย “เพลงของฉันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เดือนหน้าถึงจะส่งให้คุณได้ คุณปล่อยปีหน้าได้ ฉันเองก็ไม่อยากใช้เพลงนี้ไปแข่งกับหมอนั่นอยู่พอดี”
“หมอนั่น”
หลานเหยียนรู้สึกสงสัย
เจิ้งจิงมองหลานเหลียน “หมายถึงอิ่นตง คนที่เขียนเพลงให้เฟ่ยหยางครั้งนี้น่ะ ทั้งสตาร์ไลท์ ฉันกล้าบอกว่านักประพันธ์เพลงที่เก่งกว่าอิ่นตงมีแค่หยางจงหมิงคนเดียว”
“อิ่นตง…”
สีหน้าของหลานเหยียนพลันเปลี่ยนไป จู่ๆ ก็หลุดหัวเราะออกมา “เรามีเพลงตะวันฉาย ไม่แน่อาจสู้พวกเขาได้”
“ถ้าเป็นเพลงนี้น่ะก็ไม่แน่”
เจิ้งจิงคล้ายกับว่าจะเห็นพ้องกับการประเมินของหลานเหยียน ก่อนจะหันไปจ้องมองหลินเยวียน พลางเอ่ยขึ้นทันใด “อีกไม่กี่ปีข้างหน้า การปั้นราชาราชินีเพลงจะยากขึ้นเรื่อยๆ”
หลานเหยียนซึ่งอยู่ด้านข้างสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
ผู้จัดการของหลานเหยียนดวงตาเบิกกว้าง
ความนัยในคำพูดของเจิ้งจิง เห็นได้ชัดว่าเธอมองว่าเซี่ยนอวี๋คือพ่อเพลงในอนาคต!
ก่อนหน้านี้ถึงแม้บริษัทจะบอกว่าหลินเยวียนคือ ‘พ่อเพลงตัวน้อย’ แต่ก็ไม่มีบุคลากรระดับพ่อเพลงคนใดที่ออกมาแสดงความคิดเห็น
และในวันนี้
เจิ้งจิงกลับแสดงทัศนะของตนออกมาอย่างชัดเจน
เธอคิดว่าในอนาคต หลินเยวียนมีโอกาสกลายเป็นพ่อเพลงจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่พูดออกมาแบบนี้หรอก!
หลินเยวียนฟังไม่เข้าใจ ทำได้เพียงพยักหน้าตามน้ำไป
เรื่องราวหลังจากนี้ก็ราบรื่นแล้ว
เจิ้งจิงถอยออกไปเอง เพลงตะวันฉายส่งต่อให้หลานเหยียน
สัญญาโดยละเอียดไว้ค่อยเซ็นภายหลัง อย่างน้อยก็รอหลังจากเพลงตรวจสอบเสร็จ แต่นี่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา
หลังจากเพิ่มช่องทางการติดต่อกันเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันออกไป
ส่วนหลินเยวียนก็กลับไปยังห้องทำงานของตน และเผชิญกับสายตาของกู้ตงซึ่งกำลังตกตะลึง
สำเร็จแล้ว!
สำเร็จแล้วจริงๆ!
เจิ้งจิงเป็นพ่อเพลง ถึงขั้นออกตัวถอยให้งานฉลองครบรอบฉินฉีผนวกรวมในครั้งนี้ หมายความว่าหลังจากนี้ตัวแทนหลินจะได้เข้าร่วมสังเวียนการต่อสู้เดือนธันวาคม?
เดือนธันวาคมเชียวนะ!
ภูตผีปีศาจออกรวมตัว! มหาสงครามของเทพเซียน!
เดือนธันวาคมที่ทั้งมีราชาราชินีเพลง แถมยังมีพ่อเพลงอีก…
หลินเยวียนไม่รู้ถึงความคิดของกู้ตง จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เมื่อกี้ที่อาจารย์เจิ้งจิงให้ผมปั้นราชาราชินีเพลงหมายความว่าอะไรเหรอครับ”
“คุณไม่รู้เหรอคะ”
กู้ตงประหลาดใจ รีบอธิบายทันที “พ่อเพลงเป็นคำเรียกยกย่องนักแต่งเพลงระดับสูงในวงการน่ะค่ะ แต่เบื้องหลังคำเรียกนี้ก็เหมือนกับมือทอง มีเกณฑ์หนึ่ง ซึ่งก็คือการปั้นราชาเพลงหนึ่งคน ราชินีเพลงหนึ่งคน ก็นับว่าผ่านเกณฑ์แล้วค่ะ”
“ปั้นราชาเพลงหนึ่งคน กับราชินีเพลงหนึ่งคน?”
หลินเยวียนพอจะเข้าใจความยากของการปั้นนักร้องสักคนให้กลายเป็นราชาเพลง
“ถูกต้องค่ะ ปั้นราชาราชินีเพลงออกมา หรือจะปั้นราชาเพลงสองคน หรือราชินีเพลงสองคนก็ได้ค่ะ นับว่าผ่านเกณฑ์เหมือนกัน ต่อให้อยู่ระดับพ่อเพลงแล้ว อย่างอาจารย์เจิ้งจิงที่ปั้นราชาเพลงหนึ่งคน ราชินีเพลงอีกหนึ่งคน แต่ก็ยังไม่ใช่พ่อเพลงที่เก่งที่สุด”
หลินเยวียนพูด “ตัวอย่างเช่น?”
กู้ตงเอ่ย “นอกจากนั้นก็ยังมีอีกสองเกณฑ์ ถ้าผ่านเกณฑ์ไหนสักเกณฑ์ ก็สามารถกลายเป็นพ่อเพลงได้ เกณฑ์แรกคือคว้ารางวัลปราชญ์ดนตรีซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้สำหรับนักประพันธ์เพลงโดยเฉพาะในงานสังคีตสมโภช รางวัลนี้ไม่มีใครได้รับมาหลายปี ความยากไม่ต้องบอกก็รู้ แล้วก็มีอีกเกณฑ์หนึ่งซึ่งหินสุดๆ เลยล่ะค่ะ ก็คือคว้ารางวัลแกรนด์สแลม ระดับความยากสูงสุด จนถึงทุกวันนี้ บลูสตาร์มีคนเคยได้แค่สามคน”
หลินเยวียนตกใจ “แกรนด์สแลม…”
กู้ตงสะท้อนใจ “ใช่แล้วค่ะ แกรนด์สแลม หลักการของแกรนด์สแลมประจำฤดูกาล เท่ากับในหนึ่งปี มีทั้งหมดสิบสองเดือน จะต้องคว้าอันดับหนึ่งให้ได้ในแต่ละเดือน แบบนี้คนปกติที่ไหนเขาจะไปทำกันได้ใช่ไหมล่ะคะ!”
หลินเยวียนพยักหน้า
ถ้าอยากได้แกรนด์สแลมต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ล่ะ…
……………………………………………………
ขอบคุณค่ะ
ถ้าเป็นไปได้อยากให้นำเรื่องจิ้งจอกจอมทรนง มาลงด้วยได้ไหม