ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 376 บุปผาหอมกรุ่น (ต้น)

ตอนที่ 376 บุปผาหอมกรุ่น (ต้น)

สือ​อี​เหนียง​บอก​ให้​สาวใช้​ยก​เก้าอี้​เข้ามา​ให้​บรรดา​อี๋​เหนียง​

สะใภ้​หนาน​หย่ง​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี้ยมา​คารวะ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​แปลกใจ

พึ่ง​จะ​ยาม​เหม่า​สาม​เค​่อ​ ​ท้องฟ้า​ยัง​ไม่​สว่าง​ ​เหตุใด​ถึง​มา​เช้า​ขนาด​นี้​!

นาง​มอง​ไป​ที่​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ ​แต่​สะใภ้​หนาน​หย่ง​กลับ​ก้มหน้า​แล้ว​วาง​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยล​งบ​นพื​้น

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​โค้ง​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​ไม่ได้​วิ่ง​เข้ามา​ใน​อ้อมแขน​ของ​นาง​เหมือนปกติ​ ​แต่กลับ​ยืน​กุมมือ​อยู่​ข้างๆ​

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​แปลกใจ​ ​แต่​เมื่อ​คิด​ว่า​ช่วงนี้​อาจารย์​จ้าว​กำลัง​สอน​มารยาท​เขา​ ​นาง​จึง​ไม่ได้​คิด​อะไร​ ​ชี้​ไป​ที่​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​แล้ว​พูด​กับ​สวี​ซื่อ​เจี้ยว​่า​ ​“​นี่​คือ​หยาง​อี๋​เหนียง​”​ ​จากนั้น​ก็​แนะนำ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ให้​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​ ​“​นี่​คือ​คุณชาย​น้อย​ห้า​!​”

หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​แล้ว​เรียก​สวี​ซื่อ​เจี้ยว​่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​ห้า​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​ย่อเข่า​คำนับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​

แต่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​ไม่​มอง​นาง​เลย​แม้แต่น้อย​ ​เขามอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​เรียก​ ​“​อี๋​เหนียง​”​ ​แบบ​ส่ง​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​มอง​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ ​แล้ว​หันมา​มอง​สือ​อี​เหนียง​ ​ด้วย​ท่าที​น้อยอกน้อยใจ​

สะใภ้​หนาน​หย่ง​เป็น​คน​บอก​เขา​ใช่​หรือไม่​!

ตน​มักจะ​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ตลอด​ ​ทุกคน​ล้วนแต่​บอกว่า​ตน​ตามใจ​สวี​ซื่อ​เจี้ยมาก​เกินไป​ ​ไม่มี​ความ​น่าเกรงขาม​ของ​การ​เป็น​ท่าน​แม่​ ​วันนี้​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​มาคา​รวะ​ตน​วัน​แรก​ ​นาง​กลัว​ว่า​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​เห็น​เช่นนั้น​แล้ว​จะ​ดูถูก​ตน​ใช่​หรือไม่​!

สือ​อี​เหนียง​มอง​ไป​ที่​สะใภ้​หนาน​หย่ง​แล้ว​ยิ้ม​พลาง​กวักมือ​เรียก​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​มา​เถิด​ ​มาหา​ท่าน​แม่​เถิด​!​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยิ้ม​หน้าบาน​ ​เขา​กระโดด​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ราวกับ​นกน้อย​ที่​โผบิน​ออกจาก​กรง

“​ท่าน​แม่​ขอรับ​ ​วันนี้​ข้า​เป่าขลุ่ย​ไม้​ไผ่​ให้ท่าน​ฟังได้​หรือไม่​”

เพราะ​เมื่อวาน​ต้อง​ยุ่ง​อยู่​กับ​เรื่อง​ของ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​บอก​ให้​สะใภ้​หนาน​หย่ง​กล่อม​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยนอน​ตั้งแต่​หัวค่ำ

“​ได้​สิ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ลูบ​หัว​เขา​เบา​ๆ

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​

ทันใดนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​รายงาน​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​คุณชาย​น้อย​สี่​มาคา​รวะ​ท่าน​เจ้าค่ะ​!​”

“​รีบ​เชิญ​เขา​เข้ามา​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่อยู่​ข้าง​สือ​อี​เหนียง​เขย่ง​เท้า​แล้ว​มอง​ไปร​อบ​ๆ

สวี​ซื่อ​จุน​ที่​สวม​เสื้อ​สีฟ้า​เดิน​เข้ามา

“​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”​ ​เขา​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความเคารพ​ ​แต่​เมื่อ​เงยหน้า​ขึ้น​เขา​ก็​เห็น​สตรี​แปลกหน้า​คน​หนึ่ง​ ​เขา​รู้​ว่า​ท่าน​พ่อ​แต่ง​อนุภรรยา​คน​ใหม่​ ​จึง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​มอง​ด้วย​ความแปลกใจ

สือ​อี​เหนียง​จึง​แนะนำ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​ให้​เขา​รู้จัก

หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​รู้​ว่า​เด็ก​ที่อยู่​ตรงหน้า​คน​นี้​คือ​ซื่อ​จื่อ​ของ​หย่ง​ผิง​โหว​

นาง​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​ใช้​หาง​ตา​เหลือบมอง​เขา​

เขา​ดู​อายุ​แค่​หก​เจ็ด​ขวบ​ ​ผิวขาว​ราวกับ​หิมะ​ ​รูปร่าง​ผอมบาง​ทำให้​ดู​อ่อนแอ​ปวกเปียก

สวี​ซื่อ​จุน​โค้ง​คำนับ​อย่าง​ขอไปที​ ​ก่อนที่จะ​วิ่ง​ไป​ข้างๆ​ ​สือ​อี​เหนียง

“​น้อง​ห้า​!​”​ ​เขา​กอด​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ยิ้ม​แล้ว​กอด​สวี​ซื่อ​จุน​ ​จากนั้น​พวกเขา​ก็​กระซิบ​อะไร​กัน​สอง​สาม​ประโยค​เบา​ๆ​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ดึง​แขน​เสื้อ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​พูด​ออดอ้อน​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​ไม่ได้​มาทา​นข​้าว​เที่ยง​ที่​เรือน​ของ​ท่าน​ตั้ง​หลาย​วัน​แล้ว​ ​วันนี้​ท่าน​ให้​ข้ามา​ทานข้าว​เที่ยง​ที่​เรือน​ของ​ท่าน​นะ​ขอรับ​!​ ​ข้า​อยาก​ทาน​เกี๊ยว​หมู​ต้นอ่อน​ถั่วลันเตา​ใส่​ข้าวโพด​ที่​เคย​ทาน​ครั้งก่อน​”

“​ท่าน​แม่​ขอรับ​ ​ท่าน​แม่​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​ก็​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ข้า​ก็​อยาก​ทาน​ ​ข้า​ก็​อยาก​ทาน​ขอรับ​!​”

บรรยากาศ​ใน​ห้อง​พลัน​ครึกครื้น​ขึ้น​ทันที

“​เอาล่ะ​ ​เอาล่ะ​ ​อย่า​ดึง​แขน​เสื้อ​ข้า​ขาด​เชียว​นะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​หยอกล้อ​สอง​พี่น้อง​ ​“​ข้า​บอก​ให้​จู๋​เซียง​ทำ​เกี๊ยว​หมู​ต้นอ่อน​ถั่วลันเตา​ใส่​ข้าวโพด​ให้​พวก​เจ้า​ตอนเที่ยง​ก็ได้​!​”

สอง​พี่น้อง​ดีอกดีใจ

สวี​ซื่อ​จุน​จับมือ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​ท่าน​แม่​ ​พวกเรา​ไป​เรียน​แล้ว​นะ​ขอรับ​!​”

“​เมื่อวาน​ท่าน​พ่อ​ของ​พวก​เจ้า​ดื่ม​มากเกินไป​ ​กำลัง​พักผ่อน​อยู่​ใน​ห้อง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ช่วย​สวี​ซื่อ​จุน​จัด​เสื้อผ้า​ ​“​พวก​เจ้า​ไป​คารวะ​ท่าน​พ่อ​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ไป​เรียน​เถิด​”

สวี​ซื่อ​จุน​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ทำ​หน้าบึ้ง​ตึง​อยู่​ข้าง​สือ​อี​เหนียง

เฉียว​เหลียน​ฝัง​ที่​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ ​สายตา​ของ​นาง​ก็​มอง​ไป​ที่​ผ้าม่าน​ห้อง​ข้างใน

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ที่​คอย​เฝ้าดู​อยู่​ตลอด​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​แอบ​ก่น​ด่า​ใน​ใจ​ว่า​เฉียว​เหลียน​ฝัง​นั้น​โง่เง่า

ถึงแม้ว่า​อยาก​จะ​ชิงดีชิงเด่น​ ​แต่​ก็​ไม่​ควร​มาชิ​งดี​ชิง​เด่น​ตอนที่​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​แต่ง​เข้ามา​แล้ว​มาคา​รวะ​สือ​อี​เหนียง​วัน​แรก​เช่นนี้

คิด​แบบนี้​แล้ว​นาง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ลอบมอง​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง

หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​นั่ง​ก้มหน้า​นิ่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ ​ราวกับ​ไม่ได้​ยิน​ที่​สือ​อี​เหนียง​พูด​ ​ท่าทาง​นิ่ง​สงบ​ราวกับ​ภูเขา

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น

เกรง​ว่า​อี๋​เหนียง​คน​นี้​คงจะ​ไม่ธรรมดา​!

ขณะที่​นาง​กำลัง​ครุ่นคิด​ ​ก็ได้​ยิน​เสียง​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ดัง​เข้ามา​ใน​หู​ ​“​คุณชาย​น้อย​สี่​เจ้า​คะ​ ​มีฮู​หยิน​อยู่​ที่นี่​ ​ท่าน​ไป​เถิด​เจ้าค่ะ​ ​ท่าน​โหว​ไม่​ตำหนิ​ท่าน​หรอก​เจ้าค่ะ​”

ทุกคน​ใน​จวน​ล้วนแต่​รู้​ว่า​ท่าน​โหว​ไม่พอใจ​กับ​ท่าที​ขี้ขลาด​ตาขาว​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​เมื่อ​สวี​ซื่อ​จุน​มาคา​รวะ​เขา​ ​ก็​มักจะ​ถูก​เขา​สั่งสอน​อยู่​เสมอ

ฉิน​อี๋​เหนียง​พูดเป็นนัย​ต่อหน้า​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​เช่นนี้

หาก​ท่าน​โหว​ไม่​ตำหนิ​นาง​ ​มัน​ก็​จะ​กลายเป็น​เพียง​ภาพ​ท่าน​แม่​ที่​มี​ความเมตตา​และ​ลูก​ที่​กตัญญู​ ​แต่​หาก​ท่าน​โหวตำ​หนิ​นาง​…

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​แอบ​ถอนหายใจ​ใน​ใจ

ฉิน​อี๋​เหนียง​อยาก​จะ​บอก​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​ว่า​ ​ถึงแม้ว่า​สวี​ซื่อ​จุน​จะ​เป็น​ซื่อ​จื่อ​ ​แต่​เขา​ก็​ไม่ได้​เป็น​ที่​โปรดปราน​ของ​ท่าน​โหว​ ​หรือว่า​ ​นาง​อยาก​จะ​บอกว่า​สือ​อี​เหนียง​ก็​เป็น​แค่​ภรรยา​สืบทอด​คน​หนึ่ง​ ​ท่าน​โหว​ไม่ได้​เห็น​นาง​อยู่​ใน​สายตา​อยู่​แล้ว​?

นาง​มอง​ไป​ที่​สวี​ซื่อ​จุน

สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยล​้​วน​แต่​ยืน​อยู่​ข้าง​สือ​อี​เหนียง​ ​คน​หนึ่ง​หน้าตา​หล่อเหลา​ ​คล้าย​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​อีก​คน​หนึ่ง​ดวงตา​สดใส​ ​คล้าย​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​พวกเขา​สอง​คน​ล้วนแต่​มี​จมูกโด่ง​เหมือน​ผู้ชาย​สกุล​สวี​ ​คนที​่​ไม่รู้​อาจจะ​คิด​ว่า​พวกเขา​เป็น​ฝาแฝด​กัน​ก็ได้

พี่น้อง​สอง​คน​นี้​ยืน​อยู่​หน้า​ท่าน​โหว​…

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา

เกรง​ว่า​ครั้งนี้​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​คิดผิด​แล้ว​!

ความคิด​นี้​ผุด​ขึ้น​มา​ ​นาง​ก็​รู้สึก​อึดอัด​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ใช่​เจ้าค่ะ​ ​คุณชาย​น้อย​สี่​ ฮู​หยิน​อยู่​ที่นี่​ ​ท่าน​ไป​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​มอง​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ด้วย​ความแปลกใจ

ฉิน​อี๋​เหนียง​พูดเป็นนัย​ ​คนอื่น​อาจจะ​ไม่รู้​ ​แต่​ด้วย​ความ​ฉลาด​ของ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ ​นาง​ต้อง​ฟังออก​แน่นอน​ ​นาง​ไม่​ชอบ​ยุ่ง​เรื่อง​ของ​คนอื่น​มาต​ลอด​ ​แต่​ทำไม​ตอนนี้​กลับ​ยุยง​ฉิน​อี๋​เหนียง​อยู่​ข้างหลัง​?

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​กะพริบตา​ให้​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​ไม่เข้าใจ​ ​แต่​สัมผัส​ได้​ว่านาง​ไม่ได้​มี​เจตนาร้าย​ ​จึง​ยิ่ง​สงสัย​มากกว่า​เดิม

เด็ก​สอง​คน​จะ​รู้ความ​คิด​ของ​ผู้ใหญ่​ได้​เช่นไร​ ​สวี​ซื่อ​จุน​คิด​ว่า​ฉิน​อี๋​เหนียง​และ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​พูด​มีเหตุผล​ ​สือ​อี​เหนียง​ปกป้อง​เขา​มาต​ลอด​ ​หาก​ถูก​ตำหนิ​จริงๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​ต้อง​ช่วย​เขา​พูด​แน่นอน​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ตัวเอง​ก็​ต้อง​ไป​คารวะ​ท่าน​พ่อ​อยู่​แล้ว​

เขา​จึง​ทำ​สีหน้า​เคร่งขรึม​ ​จากนั้น​ก็​จับมือ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​

หู่​พั่ว​เดิน​ไป​ช่วย​เปิดม่าน​เบา​ๆ​ ​แล้ว​เดินตาม​สอง​พี่น้อง​เข้าไป​ข้างใน

สือ​อี​เหนียง​โล่งใจ​ ​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​แล้ว​เหลือบมอง​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง

ทันใดนั้น​ ​ห้องโถง​ก็​เงียบสงัด​จน​สามารถ​ได้ยิน​เสียง​เข็ม​ตก

ใน​ห้อง​มีเสียง​ที่​อ่อนโยน​กว่า​ปกติ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​เสียง​ตอบคำถาม​อย่าง​ตะกุกตะกัก​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​บางครั้ง​ก็​มีเสียง​หัวเราะ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

สือ​อี​เหนียง​เห็น​มือ​ที่​วาง​อยู่​บน​ตัก​ของ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​กระตุก

นาง​ยิ้ม​แล้ว​มอง​ไป​ที่​เหวิ​นอี​๋​เหนียง

เห็น​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​กำลัง​ยิ้ม​แล้ว​มอง​ฉิน​อี๋​เหนียง​ด้วย​สายตา​ดูถูก

ทำไม​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ถึง​แน่ใจ​ว่า​ครั้งนี้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่มีทาง​ตำหนิ​สวี​ซื่อ​จุน​เล่า

สือ​อี​เหนียง​ไม่เข้าใจ​ ​และ​นาง​ก็​รู้​ว่า​ไม่​ควร​ทำให้​บรรยากาศ​อึดอัด​เช่นนี้​ต่อไป​ ​จึง​พูด​กับ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​นี่​คือ​ชา​อู่​อี๋​ที่​พระราชวัง​มอบให้​เมื่อปีก่อน​ ​เจ้า​ดื่ม​แล้ว​คิดเห็น​อย่างไรบ้าง​”

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​คือ​ผู้เชี่ยวชาญ​เรื่อง​การ​ทำลาย​ความ​เงียบ​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ไม่เข้าใจ​เรื่อง​ชา​เจ้าค่ะ​ ​ชา​ชั้นดี​อะไร​ ​เมื่อ​เข้าไป​ใน​ปาก​ข้า​ก็​ราวกับ​วัว​เคี้ยว​ดอก​โบตั๋น​ ​เฉียว​อี๋​เหนียง​ ​เจ้า​เข้าใจ​เรื่อง​นี้​ดี​ ​คิด​ว่า​ชานี​้​เป็น​เช่นไร​บ้าง​”

ใน​ใจ​ของ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ตอนนี้​รู้สึก​เหมือน​กำลัง​ถูก​ทอด​ใน​กระทะ​น้ำมัน

เมื่อคืน​ได้ยิน​ว่า​ท่าน​โหว​นอน​อยู่​ที่​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ตอนนั้น​นาง​ยัง​แอบ​ดีใจ​ ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​คน​นี้​อาจจะ​ขี้เหร่​จน​ท่าน​โหว​ไม่​ชอบ​ขี้​หน้า​ ​เช่นนั้น​ก็เพราะว่า​เรื่อง​ที่​ตัวเอง​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​มีประโยชน์​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​พยายาม​หาวิ​ธี​ให้ท่าน​โหว​นอน​อยู่​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​ ​แต่​ทันทีที่​ได้​เจอ​กับ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​เช้านี้​ ​นาง​ก็​ใจหาย​ไป​ครึ่งหนึ่ง​

คิดไม่ถึง​ว่า​ไท​เฮา​จะ​แต่งตั้ง​สตรีที​่​หน้าตา​สวยงาม​และ​มีเสน่ห์​แบบนี้​ให้​เป็น​อนุภรรยา​ของ​ท่าน​โหว​ ​และ​สิ่ง​ที่​ยิ่ง​คิดไม่ถึง​ก็​คือ​ ​สือ​อี​เหนียง​ยัง​สามารถ​ทำให้​ท่าน​โหว​นอน​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​ได้​ ​แสดงอำนาจ​ให้​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​เห็น

พลัน​นึกถึง​เรื่อง​ที่​ตน​แท้งลูก​ชาย​ของ​ท่าน​โหว​ ​ตั้งแต่นั้นมา​ท่าน​โหวก​็​ห่าง​เกิน​กับ​นาง​ ​ตอนนี้​มีส​ตรี​ที่​สวยงาม​เช่นนี้​แต่ง​เข้ามา​ ​หาก​ตน​ไม่​พยายาม​แล้ว​ท่าน​โหว​ยัง​จะ​นึกถึง​ตน​อีก​หรือ

แต่​หาก​จะ​จัดการ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​ ​ก็​ต้อง​ใช้​ตำแหน่งฮู​หยิน​ของ​สือ​อี​เหนียง​เท่านั้น

เพราะ​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ ​มี​แค่ฮู​หยิน​เท่านั้น​ที่​ทำได้

ดังนั้น​ตอนที่​เดิน​เข้ามา​ตน​จึง​เข้าไป​ประคอง​สือ​อี​เหนียง​อย่างสนิทสนม​ ​อยาก​จะ​ปรับ​ความสัมพันธ์​กับ​สือ​อี​เหนียง​สักหน่อย​ ​ถือว่า​บอกเป็นนัย​ให้​กับ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​ว่า​ตน​และ​สือ​อี​เหนียง​สนิทสนม​กัน​ราวกับ​พี่น้อง​แท้ๆ

แต่​คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​ ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง​เพิ่ง​เข้ามา​ก็​มอบ​รองเท้า​ให้​สือ​อี​เหนียง​ ​คุกเข่า​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​ถ่อมตัว​มากกว่า​ฉิน​หลิว​เป่า​ที่​เป็นสาว​ใช้​มาก​่อน​เสียอีก

นาง​จึง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หวาดกลัว

หาก​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​ ​เกรง​ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​สนิทสนม​กับ​หยาง​อี​เห​นี​๋​ยง

พลัน​นึกถึง​ความขัดแย้ง​ของ​ตัวเอง​และ​สือ​อี​เหนียง

หาก​สือ​อี​เหนียง​ใช้​หยาง​อี๋​เหนียง​เป็น​เครื่องมือ​จัดการ​ตัวเอง​…​เช่นนั้น​…​นาง​ยัง​จะ​มีที​่​ให้​ยืน​อยู่​อีก​หรือ​!

ขณะที่​นาง​กำลัง​หวาดกลัว​ ​จู่ๆ​ ​ก็ได้​ยิน​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​เรียกชื่อ​นาง

เฉียว​เหลียน​ฝัง​ตกใจ​ ​จากนั้น​ก็ได้​สติก​ลับ​มา​ ​เห็น​ว่า​ทุกคน​ใน​ห้อง​ต่าง​ก็​จับจ้อง​มาที​่​ตัวเอง​ ​นาง​พยายาม​คิด​ว่า​เมื่อ​ครู่​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​พูด​อะไร​ ​จากนั้น​ก็​ฝืนยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ ​ข้า​…​”

‘​ข้า​’​ ​อยู่​ตั้ง​นาน​แต่​ก็​ไม่​พูด​อะไร

ทันใดนั้น​ม่าน​ใน​ห้อง​ข้างใน​ก็​เปิด​ออก​ ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เดิน​ออกมา​อย่าง​มีความสุข

ทุก​สายตา​หันไป​มอง​สอง​พี่น้อง

เฉียว​เหลียน​ฝัง​แอบ​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

“​ท่าน​แม่​ขอรับ​ ​ข้า​กับ​น้อง​ห้า​ไป​เรียน​แล้ว​นะ​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ตะโกน​บอก​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​น้ำเสียง​ตื่นเต้น

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​ส่ง​พวกเขา​ ​“​ระวัง​ทางเดิน​ด้วย​”

สอง​พี่น้อง​สอง​พยักหน้า​พร้อมกัน​ ​จากนั้น​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็​มา​พอดี​

“​พี่​หญิง​ใหญ่​ท่าน​มาสาย​แล้ว​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ดู​มีชีวิตชีวา​มากกว่า​ปกติ​ ​“​ข้า​และ​น้อง​ห้า​คารวะ​ท่าน​แม่​และ​ท่าน​พ่อ​แล้ว​ ​กำลังจะ​ไป​เรียน​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​หน้าแดง​ ​รีบ​พูด​แก้ตัว​ ​“​ข้า​ไป​เก็บ​ดอกไม้​มา​ให้ท่าน​แม่​”

สวี​ซื่อ​จุน​ถึง​ได้​สังเกตเห็น​ว่า​เสี่ยว​หลี​ที่อยู่​ข้างหลัง​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ถือ​เเจกัน​สีฟ้า​อยู่​ใน​มือ​ ​แล้วยัง​มีด​อก​ชากุ​หลาบ​แดงสี​แดงสด​เสียบ​อยู่​สี่​ห้า​ดอก

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เดิน​เข้าไป​คำนับ​สือ​อี​เหนียง

“​ท่าน​แม่​”​ ​นาง​ถือ​เเจกั​นอ​อก​มาจาก​มือ​เสี่ยว​หลี​ ​“​ดอก​ชากุ​หลาบ​แดง​สวย​หรือไม่​เจ้า​คะ​ ​ข้า​เป็น​คน​บอก​ให้​สะใภ้​จี้​ถิง​เป็น​คนดู​แล​เอง​ ​ใช้​ดอก​นี้​แทน​ดอก​พุด​ตาน​ชั่วคราว​ ​ผ่าน​ไป​สอง​สาม​วัน​ ​ก็​จะ​มีด​อก​กล้วยไม้​หยก​แล้ว​…​”

สือ​อี​เหนียง​ชอบ​ตั้ง​ดอกไม้​ไว้​บน​ขอบ​หน้าต่าง​ ​ทุกคน​ใน​จวน​ล้วน​รู้ดี​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​มีเรือน​หน​่​วน​ฝัง​ ​แต่​ก็​มี​ข้อจำกัด​ไม่​สามารถ​ปลูก​ดอกไม้​ได้​ตลอดทั้ง​ปี​ ​แม้​ดอก​ชากุ​หลาบ​แดง​นั้น​ปลูก​ขึ้น​ง่าย​กว่า​ดอก​ชบา​ ​แต่กลับ​ต้อง​ใส่ใจ​ดูแล​อย่างมาก​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ตั้งใจ​นำมา​ให้​

“​สวย​มาก​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​รับ​เเจกั​นมา​ ​“​สวย​มาก​เลย​!​”​ ​จากนั้น​ก็​พูดว่า​ ​“​ฤดูกาล​นี้​ยัง​ให้​สะใภ้​จี้​ถิง​ช่วย​เจ้า​ดูแล​ดอกไม้​ ​สะใภ้​จี้​ถิ​งคง​จะ​ถูก​เจ้า​บ่น​จน​ปวดหัว​กระมัง​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ได้ยิน​แล้ว​ยิ้ม​แต่กลับ​ไม่​ตอบ​อะไร

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท