เฮ่อเหลียนกวงเย่าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของนาง ยิ่งเมื่อเห็นภรรยาของตนกล่าวทักทายคนอื่นอย่างกระตือรือร้นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกกระดากอายเล็กน้อย
ตอนที่เขาแต่งซูเหยียนโม่เข้ามาในตระกูลนั้น คนบางส่วนจากวงสังคมของเมืองหลวงต่างก็เคยดูถูกเขาเอาไว้
แต่เมื่ออิทธิพลของเขากว้างขวางขึ้น คนพวกนั้นก็ค่อยๆ ลืมเรื่องนั้นไป
แต่ไม่ว่าตระกูลซูจะยิ่งใหญ่เพียงใด พวกเขาก็ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับตระกูลเฮ่อเหลียนที่เป็นตระกูลชั้นสูงอย่างแท้จริงได้
แต่ไหนแต่ไร การบ่มเพาะนิสัยบางอย่างก็จำเป็นต้องใช้เวลา
เขาเคยคิดว่าซูเหยียนโม่เป็นผู้หญิงประเภทที่ผู้ชายต้องการมากที่สุด นางอ่อนหวานและรู้ว่าจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างไร
แต่นางก็ยังเป็นแค่หญิงสาวจากตระกูลเล็กๆ
ผู้หญิงที่มาจากตระกูลเล็กๆ พวกนั้นสามารถเรียกคะแนนสงสารได้ดียิ่งนักตอนที่พวกนางยังอายุน้อยกว่านี้
แต่ในตอนนี้นางกลับยังคงแสดงท่าทีเช่นนั้นอยู่อีก เรื่องนี้ทำให้เฮ่อเหลียนกวงเย่าถึงกับหมดความอดทน
มันทำให้เขานึกถึงความรู้สึกรักใคร่ที่เขามีให้กับอนุภรรยาของตน เมื่อเทียบกับนางแล้ว เขารู้สึกว่าซูเหยียนโม่กำลังเรียกร้องความสนใจมากขึ้นทุกที
ซูเหยียนโม่ไม่อยากทะเลาะกับเฮ่อเหลียนกวงเย่าข้างนอก นางห้ามตัวเองอย่างสุดชีวิตที่จะไม่ทะเลาะกับชายผู้นี้ในที่สาธารณะ
เสียงของนางนุ่มนวลลงโดยไม่รู้ตัว “ท่านพี่ ข้าเพียงแค่เป็นห่วงเจียวเอ๋อร์มากก็เท่านั้น”
“ข้าบอกให้เจ้ารอก่อนมิใช่หรือ ทุกสิ่งย่อมไม่สายเกินแก้หากข้าได้สิทธิ์ในการสืบทอดตระกูลเฮ่อเหลียนมาไว้ในมือ” ท่าทางของเฮ่อเหลียนกวงเย่าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
แน่นอนว่าซูเหยียนโม่เองก็ย่อมไม่พอใจเช่นกัน
เฮ่อเหลียนกวงเย่ามองนางอีกครั้ง และเสริมว่า “เจ้าควรกลับไปใคร่ครวญเรื่องนี้ให้ดีก่อน เมื่อคิดได้แล้วค่อยออกมา” ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เรียกข้ารับใช้ของตนเข้ามา “พาฮูหยินกลับ”
“ขอรับนายท่าน” ข้ารับใช้ลดสายตาลง และเดินเข้าไปหาฮูหยินซูด้วยท่าทางเคารพ “พวกเรากลับกันก่อนเถิดขอรับฮูหยิน”
ซูเหยียนโม่จ้องมองแผ่นหลังของเฮ่อเหลียนกวงเย่า นางกำมือแน่น ความมุ่งร้ายแล่นเข้ามาในสายตาของนางที่ก้มต่ำลง แต่นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามข้ารับใช้คนนั้นกลับไปก่อน
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กำลังนั่งรออยู่ในห้องตอนที่นางเห็นสีหน้าอันหม่นหมองของซูเหยียนโม่ แต่นางก็ไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อนางเอ่ยชื่อ ’เฮ่อเหลียนเวยเวย’ ขึ้นมา ซูเหยียนโม่ก็ปาถ้วยชาในมือลงกับพื้น แล้วตะคอกว่า “อย่าเอ่ยชื่อนังเด็กแพศยานั่นออกมา!” ที่พวกนางทั้งสามคนถูกบังคับให้ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นความผิดของนังแพศยานั่นทั้งสิ้น! นางไม่ต้องการอะไรอีก นอกจากบีบคอนังคนแพศยานั่นให้ตายคามือ!
“ท่านแม่ฟังข้าก่อนเจ้าค่ะ คราวนี้พวกเรามั่นใจได้นะเจ้าคะว่านางจะไม่มีวันได้กลับมาอีก…” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ขยับเข้าไปใกล้ซูเหยียนโม่ แล้วบอกข้อมูลที่นางได้มาให้อีกฝ่ายฟังจนหมด
ดวงตาของซูเหยียนโม่เป็นประกายทันทีที่ได้ยินเรื่องนั้น นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และออกคำสั่งกับข้ารับใช้คนเมื่อครู่ว่า “ไปที่กรมขุนนาง แล้วพาใต้เท้าหลี่เมิ่งมาที่นี่”
หลี่เมิ่งเป็นญาติห่างๆ ของตระกูลซูในเจียงหนาน
เมื่อเร็วๆ นี้เขาเพิ่งถูกย้ายมาที่เมืองหลวง ตระกูลซูให้ความช่วยเหลือเขาทั้งในด้านฐานะและให้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
อัครเสนาบดีซูให้เขาเข้าไปอยู่ที่กรมขุนนางเผื่อวันหนึ่งเขาจะมีประโยชน์ต่อตระกูลซู
เห็นได้ชัดว่าซูเหยียนโม่ไม่คิดที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป เมื่อถึงเวลาต้องใช้หมากในมือ นางก็จะออกคำสั่งกับพวกเขาทันที
เมื่อหลี่เมิ่งรู้ข่าวจากข้ารับใช้ เขาก็รีบรุดมาที่คฤหาสน์ผู้พิทักษ์ทันที
เขาเคยช่วยฮูหยินซูจัดการเรื่องต่างๆ จนสำเร็จมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ข่าวลือเรื่องคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฮ่อเหลียนที่แพร่สะพัดอยู่ในราชสำนักนั้นก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของเขาทั้งสิ้น
ทันทีที่เหล่าเสนาบดีได้ยินข่าวลือนั้น พวกเขาก็ห้ามไม่ให้บุตรชายของตนแต่งงานกับหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์และไร้ศีลธรรมจรรยาเช่นนั้นเข้ามาในตระกูล
หลังจากข่าวลือพวกนั้นแว่วไปถึงจวนอ๋องมู่หรง เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงถูกถอนหมั้น เขามีบทบาทสำคัญในเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นนี้เป็นอย่างมาก
แต่ต่อให้คิดอยู่นาน เขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆ เฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกลายเป็นพระชายาสามไปได้
หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินว่าองค์ชายสามเพียงแค่เล่นละครเพื่อทำให้อดีตฮ่องเต้สบายใจเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นการเล่นละครตบตาอดีตฮ่องเต้ แต่เขาก็น่าจะแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของนางแทนมิใช่หรือ ผู้ชายทุกคนต่างก็ตกหลุมรักในความงามของนางกันทั้งนั้น เขาจะเลือกผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์คนนั้นมาทำไม
เขาคิดอยู่เงียบๆ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรแม้แต่นิดเดียว เขาเพียงตั้งใจฟังคำสั่งของซูเหยียนโม่เท่านั้น
“ไปตรวจสอบที่นี่” ซูเหยียนโม่ส่งที่อยู่ให้กับเขา
หลี่เมิ่งมองที่อยู่ที่ปรากฏอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น มันเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดานอกเมืองหลวง ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยสนใจนัก
“ไปตรวจสอบที่นี่คืนนี้ ถ้าเจ้าเจออาวุธอะไรอยู่ในนั้น ให้นำกลับไปที่ราชสำนัก” ซูเหยียนโม่หายใจออก น้ำเสียงของนางเยือกเย็น “สำหรับเจ้า เรื่องนี้อาจจะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่เพิ่งร่วงลงมาจากฟ้าก็ได้”
โอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ร่วงลงมาจากฟ้าหรือ หลี่เมิ่งไม่เข้าใจ “ฮูหยินซู ช่วยชี้แนะข้าด้วย”
“จะเกิดอะไรขึ้นหรือหากมีคนวางแผนผลิตอาวุธเป็นจำนวนมากนอกเมืองหลวง” ซูเหยียนโม่หัวเราะ “เจ้าจะได้รับบทเป็นขุนนางที่มีข้อมูลการก่อกบฏอยู่ในมือ ลองคิดดูสิ ถ้าเจ้ายึดอาวุธทั้งหมดมาเป็นของกลาง และสามารถจับกุมตัวกบฏพวกนั้นได้ละก็ มันจะไม่ส่งผลดีต่อตัวเจ้าหรอกหรือ”
เมื่อหลี่เมิ่งได้ฟังคำพูดของนาง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ข้าสงสัยนักว่าใครกล้าดีถึงขั้นพยายามที่จะสร้างอาวุธจำนวนมากเช่นนั้นได้”
“จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ” ซูเหยียนโม่เหยียดยิ้ม “นางคิดว่านางจะทำอะไรก็ได้เพราะตอนนี้นางเป็นถึงพระชายา หากนางทำแค่ก่อตั้งเวยเจ๋อขึ้นก็คงไม่มีใครสนใจ แต่นางกลับโหดเหี้ยมและละโมบโลภมาก ไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนเองมี นางจะต้องวางแผนการชั่วร้ายอะไรเอาไว้แน่ๆ ถึงได้แอบผลิตอาวุธขึ้นมาเป็นจำนวนมากแบบนั้น”
หลี่เมิ่งส่งเสียงออกมาเบาๆ เขาดูลังเล “เป็น… เป็นพระชายาสามหรือ”
“ถ้าเป็นนางแล้วจะทำไมหรือ” ใบหน้าของซูเหยียนโม่ดำทะมึน นางมองหลี่เมิ่งด้วยสายตาเย็นชา และเป่าเล็บของตัวเองพร้อมเสียงหัวเราะ “ดูเหมือนข้าจะกังวลกับสถานการณ์นี้เกินไปกระมัง แต่คุณงามความดีที่เราจะได้จากเรื่องนี้นั้นก็นับว่ามีไม่น้อยเลยทีเดียว และในเมื่อเจ้าเป็นญาติของข้า เจ้าจึงเป็นคนแรกที่ข้านึกถึง แต่ถ้าเจ้าไม่กล้าทำก็จงลืมเรื่องนี้ไปซะ ใช่ว่ากรมกลาโหมจะได้ข้อมูลเรื่องนี้ไปในเร็วๆ นี้เสียเมื่อไหร่”
หลี่เมิ่งปาดเหงื่อ แล้วรีบพูดขึ้นทันทีว่า “เปล่าๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าเพียงแค่สมองช้าจนตามไม่ทันเท่านั้น แต่ว่า องค์ชายสาม…” ท้ายที่สุดแล้วเขาก็แค่กลัวว่าตนจะทำให้ชายที่เป็นดั่งพระเจ้าคนนั้นโมโหเอาได้
“ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าทำไมองค์ชายสามถึงได้อภิเษกสมรสกับผู้หญิงคนนั้น เจ้าคิดว่าองค์ชายสามจะยังสนใจนางอยู่อีกหรือหากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น” ซูเหยียนโม่จิบชา “ตั้งแต่โบราณมา บนแผ่นดินนี้ก็มีแค่เพียงราชสำนักเท่านั้นที่มีสิทธิ์ผลิตอาวุธเป็นจำนวนมากได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดแอบซ่องสุมกอวกำลังทำการก่อกบฏได้ หากองค์ชายสามพยายามที่จะปกป้องเฮ่อเหลียนเวยเวย เช่นนั้นความผิดของพวกเขาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น เจ้าคิดดูสิ จะมีฮ่องเต้พระองค์ใดหรือที่ยอมให้โอรสของตนครอบครองอาวุธเป็นจำนวนมากเอาไว้ในมือ คนฉลาดอย่างองค์ชายสามย่อมไม่ปล่อยให้ตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ และไม่มีทางยืนหยัดเพื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างแน่นอน อีกอย่างหนึ่ง เมื่อองค์ชายอายุถึงเกณฑ์เมื่อใด เขาก็ต้องแต่งอนุภรรยาเข้ามา ด้วยรูปโฉมอันงดงามของเจียวเอ๋อร์ นางจะต้องโดดเด่นเป็นที่น่าจับตามองยิ่งกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ แน่ เจ้าควรตั้งใจไตร่ตรองเรื่องนี้ดูให้ดี แล้วค่อยตัดสินใจ”
หลี่เมิ่งไม่ใช่คนดีมีคุณธรรม แม้ว่าเขาจะทำงานไม่เก่งนัก แต่ก็เป็นคนมีไหวพริบ เขามักหาโอกาสที่จะไต่เต้าเพื่อยกระดับตัวเองอยู่เสมอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาเอาแต่พึ่งพาท่านน้าผู้เป็นญาติห่างๆ เพื่อเอาตัวรอดในเมืองหลวง ส่วนท่านน้าของเขาก็ได้มีชีวิตอันหรูหราเพราะบุตรสาวทั้งสองของนางเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเมืองหลวง
แม้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่หากเขาทำตามแผนการของท่านน้าละก็ เขาเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็ว…