บรรดาช่างอาวุโสเหล่านั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขารีบวางเครื่องมือลง แล้วหันมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ
หลี่เมิ่งพาคนของตัวเองมาจากกรมขุนนาง ช่างตีเหล็กทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นถูกจับไปรวมกันอยู่ที่มุมหนึ่ง
มีคนงานถูกจับกว่ายี่สิบคน
หลี่เมิ่งมองภาพนั้นด้วยความตื่นเต้น ที่นี่มีดาบยาวและเหล็กอยู่ทั่วทุกแห่ง ดูเหมือนคนงานพวกนั้นกำลังพยายามขนมันขึ้นเกวียนและส่งอาวุธเหล่านี้ไปที่ไหนสักแห่ง
หลักฐานมัดตัวแน่นหนา!
เป็นอย่างที่ฮูหยินซูกล่าว แม้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายสามอยู่เบื้องหลัง แต่อีกฝ่ายก็คงไม่กล้าปริปากพูดอะไร
คนอย่างองค์ชายสามจะยอมแบกรับความผิดแทนเฮ่อเหลียนเวยเวยได้อย่างไร
เขาคงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้อย่างแน่นอน
ตราบใดที่องค์ชายสามไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง แล้วจะยังต้องห่วงอะไรอีกหรือ
“จับคนพวกนี้เข้าคุกให้หมด!” หลี่เมิ่งออกคำสั่งกับคนของตนอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นเขาก็พาทหารอีกจำนวนหนึ่งเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านใน ค้นอาวุธทั้งหมดออกมากองกันไว้ในสวน ผ่านไปครู่หนึ่งพวกมันก็กองทับถมกันจนกลายเป็นภูเขาขนาดย่อม
มันทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าตนจับหางของเฮ่อเหลียนเวยเวยได้แล้ว
ค้นแค่ห้องเดียวพวกเขาก็เจออาวุธเป็นจำนวนมากถึงเพียงนี้แล้ว ถ้าพวกเขาลงมือค้นห้องที่เหลือทั้งหมด พวกเขาอาจจะพบอาวุธมากกว่านี้ก็ได้
หลี่เมิ่งคิดอยู่ในใจเงียบๆ ว่าถ้าพวกมันไม่ได้ใช้ในการก่อกบฏแล้วจะใช้ทำอะไรได้อีก
เขาฮัมเพลง แล้วโยนดาบในมือกลับลงไปในอาวุธกองนั้นอีกครั้ง “ยึดให้หมด!” เขาสั่งอย่างพอใจ
หลี่เมิ่งและคนของเขาค้นหาจนทั่วทั้งบริเวณ เสียงของพวกเขาดังขึ้นเรื่อยๆ ยามเมื่อเข้าไปใกล้ห้องที่องค์ชายเจ็ดตัวน้อยพักอยู่
เด็กชายหัวโล้นกำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกวิชา ทันทีที่เขาเห็นทหารเหล่านั้นปรี่เข้ามาอย่างกะทันหัน ดวงตาคู่โตราวกับเสือของเขาก็หรี่ลงจนกลายเป็นเส้นตรง จับจ้องมองดูภัยอันตรายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยตาคู่นั้น
หลี่เมิ่งเป็นเพียงขุนนางตัวเล็กๆ ในกรมขุนนาง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักองค์ชายเจ็ด
แม้แต่ซูเหยียนโม่ก็เคยเห็นเพียงแค่ด้านหลังของเด็กชายหัวโล้นเท่านั้น
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าอดีตฮ่องเต้รักหลานชายทั้งสองคนของเขามากที่สุด
หลานชายคนโตคือองค์ชายสาม ส่วนหลานชายคนเล็กคือองค์ชายเจ็ดผู้เอาใจยากยิ่ง
หากว่ากันตามคำพูดของหนานกงเลี่ย เขาก็เป็นเหมือนกับเสือตัวน้อยที่พร้อมจะกัดเหยื่อทุกตัวที่ตนจับได้!
ไม่ว่าจะเป็นที่วังหลวงหรือนอกวัง ก็ไม่มีใครกล้าเสียมารยาทต่อปีศาจน้อยคนนี้
ต่างจากองค์ชายสามที่มีตำแหน่งหน้าที่ภายในวังหลวง ที่เวลาจะทำอะไรก็ต้องพิจารณาถึงท่าทีของอดีตฮ่องเต้เสียก่อน
แต่องค์ชายเจ็ดตัวน้อยจะกัดทุกคนที่ยั่วโมโหเขาจนถึงแก่ความตาย เพราะความจริงที่ว่าอดีตฮ่องเต้ไม่สามารถทำใจลงโทษหลานชายของตนได้ ดังนั้นเขาก็แค่ถูกลงโทษให้ยืนหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อสำนึกผิดเท่านั้น
และทุกครั้งที่ถูกลงโทษ ความแค้นในใจของเขาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น
บรรดาเสนาบดีที่มีอำนาจทั้งหลายอย่างเฮ่อเหลียนกวงเย่า หรือแม้กระทั่งอัครเสนาบดีซูเองนั้นต่างก็ไม่กล้ายั่วโมโหองค์ชายเจ็ดตัวน้อยคนนี้
หลี่เมิ่งไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว เขามองเสื้อคลุมสกปรกของเด็กชายกับศีรษะโล้นเตียนนั้นและเดาว่าเด็กคนนี้คงเป็นลูกของช่างสักคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นเจ้าเจ็ดอยู่ในสายตา
แต่อย่างไรเจ้าเจ็ดก็เป็นถึงราชนิกูล เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ความสูงส่งที่อยู่ในตัวของเขาก็เผยออกมาทันที “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าเข้ามา ออกไปซะ!”
มันเป็นเพียงคำง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ แต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกกดดันยิ่งนัก
หลี่เมิ่งเหลือบมองเจ้าเจ็ด แล้วเอ่ยอย่างรังเกียจว่า “เจ้าเด็กบ้านนอก ออกไปให้พ้นทาง!”
ระหว่างที่พูดเช่นนั้น เขาก็ยื่นมือออกไปหมายจะผลักเด็กชายให้พ้นทาง
แม้ว่าช่างหวังที่ยืนอยู่ข้างๆ จะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเจ้าเจ็ดเป็นใคร แต่เมื่อเห็นว่าพระชายาสามเป็นคนที่พาเขามาที่นี่ ดังนั้นเขาจะต้องเป็นเด็กที่มีความสำคัญอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นบรรดาช่างต่างก็ชอบเจ้าเจ็ดเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเดินออกมายืนขวางหน้าเจ้าเจ็ดเอาไว้ทันที แล้วเผชิญหน้ากับหลี่เมิ่งอย่างสงบ “พี่ชายท่านนี้ มีอะไรก็พูดกันดีๆ เถิดขอรับ ท่านบุกเข้ามาแล้วยึดข้าวของของพวกข้าไปเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
หลี่เมิ่งแค่นเสียงเยาะเย้ย “เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจว่ากำลังทำอะไรอยู่! การผลิตอาวุธจำนวนมากถือว่าเป็นความผิด! ถ้าพวกเจ้ารู้สถานะของตัวเองแล้วก็หลีกไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะตั้งแต่ตอนนี้เลย!”
ใบหน้าของช่างหวังซีดเผือด เขากอดเจ้าเจ็ดแล้วหลบไปยืนอยู่ข้างๆ
เขากลัวจากใจว่าคมดาบจะทำร้ายคนที่พระชายาพามาเอาได้
หลังจากที่เข้าทำงานในเวยเจ๋อมาหลายวัน เขาเองก็เคยพบขุนนางมานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีใครในจำนวนนั้นที่เหมือนกับคนผู้นี้เลย ชายคนนี้ดูหัวเสียจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายได้
ใบหน้าเล็กๆ ของเจ้าเจ็ดจมลงในอกเขาจนมิด เด็กชายก้มหน้าลง และดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ช่างทุกคนต่างก็พยายามปกป้องเจ้าเจ็ดเอาไว้ และไม่ยอมให้ทหารเหล่านั้นแตะต้องเด็กชายได้
ในเวลานี้พวกเขาหวังเพียงแค่ว่าพวกตนจะปลอดภัย เพราะตราบใดที่พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าพวกเขาสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
พระชายายังคุยธุระอยู่ที่ภูเขาด้านหลัง พวกเขาส่งคนไปแจ้งนางเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาเชื่อว่าทันทีที่พระชายามาถึง คนพวกนี้จะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน!
“ใต้เท้าขอรับ พวกข้าพบถ้ำอยู่ที่สวนด้านหลังขอรับ ดูเหมือนมันจะเป็นโกดังที่พวกเขาใช้ซ่อนอาวุธ พวกเราควรมุ่งหน้าไปที่นั่น…”
หลี่เมิ่งรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเขาได้ยินเรื่องนั้น เขาหันหลังกลับแล้วลุกเดินออกไปทันที
ช่างหวังยังคงจำได้ว่าพระชายาสั่งไม่ให้ใครเข้าไปในถ้ำที่อยู่ด้านหลังภูเขานั้น ดังนั้นเขาจึงพยายามหยุดหลี่เมิ่งเอาไว้อย่างเต็มที่ด้วยการเข้าไปยืนขวางหน้าเขา
หลี่เมิ่งถีบช่างหวังลงกับพื้น แล้วคว้าอุปกรณ์ตีเหล็กมาจากมือของเขา ก่อนจะโยนมันลงพื้น จากนั้นจึงขึ้นเสียงพูดอย่างดุร้ายว่า “กล้าดีอย่างไรถึงมาขวางทางข้า หา อยากได้เงินโดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายหรือ ฝันไปเถอะ! ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะติดตามใคร หรือคนพวกนั้นจะทรงอำนาจเพียงใด แต่ข้าจะจับพวกมันให้หมด! เจ้าไปยั่วโมโหคนที่เจ้าไม่ควรยั่วโมโหเข้าให้เพราะสร้างอาวุธพวกนี้ขึ้นมาอย่างไรเล่า!”
“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าคนที่ข้าไม่ควรไปยั่วโมโหที่ว่านี่เป็นใคร?!”
ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เฮ่อเหลียนเวยเวยปรากฏตัวขึ้นจากภูเขาด้านหลัง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา แขนเสื้อทั้งสองข้างของนางปลิวอยู่ในอากาศระหว่างที่นางกวาดตามองรอบตัว
เศษเหล็กถูกโยนทิ้งกระจัดกระจายเต็มพื้น ในขณะที่ช่างหวังยังคงกุมท้องของตนอยู่
มิหนำซ้ำยังมีเจ้าเจ็ดที่ดวงตาราวกับเสือร้ายนั้นกำลังแดงก่ำด้วยความโกรธ เขากำมือแน่นจนได้ยินเสียงดังกร๊อบ
เจ้าเจ็ดโดนเศษดินกระเด็นใส่ตอนที่ก้าวเท้าถอยหลังเมื่อครู่นี้ เด็กชายตัวน้อยที่เคยหน้าตาหล่อเหลานั้นมาตอนนี้กลับดูมอมแมมเล็กน้อย
สีหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยบึ้งตึงในทันใด นางหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มกลั้นความโกรธที่อยู่ภายในใจ แต่ดวงตาของนางกลับไม่เคยเย็นชาถึงเพียงนี้มาก่อน
ต้าสงจากกองกำลังลับยืนอยู่ข้างเฮ่อเหลียนเวยเวย ตอนนี้เมื่อบ้านของผู้เป็นนายถูกคนอื่นพังจนราบ ดวงตาของเขาก็พลันเบิกกว้างในทันที เขาขยับเข้าไปใกล้หูเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้วเอ่ยว่า “นายหญิงขอรับ ให้ข้ากลับไปพาพี่น้องของเรามาที่นี่เถอะขอรับ แล้วจากนั้นพวกเราจะได้อัดเจ้าพวกนี้ให้ตายคามือ!”
“ไม่จำเป็น” ริมฝีปากบางของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกขึ้น ทั่วร่างของนางเต็มไปด้วยไอสังหาร “ถ้าพวกมันอุตส่าห์ลำบากหาที่นี่จนเจอได้ เช่นนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีใครบางคนต้องการกำจัดข้าอยู่ ข้าไม่คิดว่าขุนนางขั้นห้าอย่างเขาจะมีความกล้าถึงเพียงนี้หรอก! จะต้องมีใครอยู่เบื้องหลังเขาอย่างแน่นอน หึ พวกมันกล้าดีอย่างไรถึงได้มารังแกคนของข้าถึงถิ่นข้าได้ พวกมันอยากให้เป็นเรื่องหรือ เช่นนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องใหญ่ไปเลยแล้วกัน ข้าอยากลากตัวพวกมันทุกคนออกมา! ปล่อยให้เขาค้นไป!”