ในขณะที่ภาพเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อไป หวังเป่าเล่อจ้องมองอย่างละเอียดตาไม่กะพริบ ภาพนี้ก็เหมือนกับเหตุการณ์ที่กำลังโลดแล่นไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
เขาสามารถมองเห็นดวงดาราที่ส่องประกายนับไม่ถ้วน ดาราจักรที่ผ่านไปมากมาย และเงาของสรรพสิ่งจำนวนมากผ่านภาพ ราวกับกำลังดูประวัติศาสตร์ของจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น
เพียงแต่ว่าภาพเคลื่อนตัวเร็วเกินไป ดังนั้นภาพเหล่านี้จึงผ่านไปเพียงวูบเดียว กระทั่งรอเป็นเวลานาน อยู่ๆ…ภาพก็เปลี่ยนไป ไม่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอีก แล้วหยุดนิ่งอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสีเทา!
ท้องฟ้าสีเทานี้ไร้ดวงดารา และดูเหมือนจะไร้อารยธรรม บางส่วนเป็นเพียงซากปรักหักพังโบราณ และซากปรักหักพังเหล่านั้นก็ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงภาพลวงตาครั้งคราว ทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกประหลาด
และที่ประหลาดยิ่งไปกว่านั้นคือ ในซากแต่ละชิ้นนี้ มีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกัน หากไม่มีการรับรู้ในอดีตชาติมาก่อน หลังจากหวังเป่าเล่อเห็นซากที่ไม่เหมือนกันเหล่านี้ ความคิดแรกก็คือจักรวาลดาราใหญ่ หลากหลายเผ่าพันธุ์ อารยธรรมนับไม่ถ้วนที่นี่ย่อมมีรูปแบบแตกต่าง และไม่มีสิ่งใดน่าประหลาดใจ
แต่หลังจากได้สัมผัสประสบการณ์จากอดีตชาติแล้ว ยามนี้ที่หวังเป่าเล่อกำลังมองอยู่ ดวงตาของเขาพลันหดตัวลง เพราะสิ่งที่เขาเห็นในซากปรักหักพังเหล่านั้น กระจ่างชัดว่ามีหลายอัน ที่มีรูปแบบการก่อสร้างที่เขาได้เห็นในอดีตชาติ!
เมื่อเป็นเช่นนี้ ท้องฟ้าสีเทาผืนนี้ จึงไม่เหมือนปกติ!
หลังจากหวังเป่าเล่อมองดูบริเวณนี้อย่างถี่ถ้วน เขาก็เห็นเส้นใยสีม่วงซึ่งลึกเข้าไปในใจกลางของพื้นที่ แต่ระยะทางนั้นไกลเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัดเจน
“เข้าไป!” หวังเป่าเล่อกล่าวเสียงเรียบ แต่เมื่อคำพูดของเขาออกไป แม้ภาพจะดำเนินไปตามคำสั่ง แต่เพิ่งจะได้เข้าไปในขอบเขตของพื้นที่ ก็ถูกขัดขวางไม่ให้เข้าไปทันที!
หวังเป่าเล่อถอนหายใจเบาๆ หลังจากลองไตร่ตรองดูแล้ว จึงถามขึ้น
“ที่นี่คือที่ใด…”
จิตสำนึกแผ่ซ่านด้วยความคับข้องใจไม่รู้จบ เข้าไปในจิตใจที่อ่อนแอของหวังเป่าเล่อ
“ลบออกไหม” หวังเป่าเล่อตะลึง จิตสำนึกของสมุดแห่งโชคชะตาบอกความนัยนี้แก่เขา บางทีอีกฝ่ายก็อาจไม่รู้จะเรียกสถานที่นี้เช่นไร ดังนั้นจึงอธิบายสิ่งที่ตนรู้ให้สอดคล้องกับสมุดแห่งโชคชะตาไปตามสัญชาตญาณ
หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักในสิ่งที่เรียกว่าการลบออกสำหรับสมุด คือการแก้ไขโดยการลบอักษรและภาพที่เขียนไว้ทิ้ง เนื่องจากข้อผิดพลาดบางอย่าง…
เมื่อเป็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อพลันเข้าใจบางสิ่ง แต่ก็ยังแปลกใจอยู่บ้าง เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีพื้นที่เช่นนี้คงอยู่ในท้องฟ้า
และเห็นชัดว่า จื่อเยว่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หวังเป่าเล่อก็กล่าวขึ้น
“ค่อยๆ วนบริเวณรอบนอกของสถานที่นี้”
คราวนี้ค่อนข้างราบรื่น ภาพเคลื่อนไหวทันที เคลื่อนไปรอบๆ บริเวณนี้อย่างช้าๆ ทำให้หวังเป่าเล่อสามารถกำหนดขนาดพื้นที่คร่าวๆ ในใจได้ แต่กระบวนการทั้งหมดผ่านไปได้ไม่นาน ประมาณครึ่งวงรอบ ภาพก็ไม่ขยับและดูเหมือนถูกปิดกั้นอีกครั้ง
“ถูกปิดกั้นอีกแล้ว…” หวังเป่าเล่อยิ่งรู้สึกว่าสถานที่นี้ประหลาด เพราะคราวนี้ที่ปิดกั้นภาพไม่ให้เคลื่อนไหว ไม่ใช่พื้นที่สีเทา แต่เป็นท้องฟ้าว่างเปล่าไร้ซึ่งสรรพสิ่ง
“วนต่อไปอีกทางหนึ่ง!” หวังเป่าเล่อจ้องมองผืนฟ้านั้น กล่าวขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นจึงเดินหน้าต่อไปอีกทาง ภาพถอยกลับ แต่ไม่นาน…ก็ถูกท้องฟ้าว่างเปล่าปิดกั้นอีก
และจุดที่ปิดกั้นทั้งสอง ดูเหมือนจะอยู่บนระดับเดียวกัน ราวกับมีสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น กลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่ขวางกั้นทุกสิ่งไว้
พื้นที่ท้องฟ้าสีเทามีตำแหน่งที่เชื่อมต่อกับกำแพง ดังนั้นจึงไม่สามารถมองทั้งหมดได้อย่างแท้จริง
กำแพงที่มองไม่เห็นนี้ ทำให้หวังเป่าเล่อคิดถึงชาติกวางขาวน้อยท่ามกลางความเงียบ ความว่างเปล่าที่แหลกละเอียดของตน เขาหรี่ตา ไม่นานก็มองพื้นที่สีเทาอย่างแน่วแน่
“กลับกันเถอะ”
ทันทีที่เขาเอ่ยวาจานี้ ชั่วอึดใจราวจิตสำนึกที่แผ่ซ่านความคับข้องใจ ปรากฏความตื่นเต้น ภาพย้อนกลับทันที เร็วกว่าตอนที่มามากโข ตลอดขั้นตอนใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ภาพก็กลับไปยังจุดเดิมแล้วสลายไป
โลกเบื้องหน้าของหวังเป่าเล่อ ไม่ใช่เป็นภาพอีกแล้ว ตอนนี้เขาอยู่บนดาวชะตา ขณะที่ทุกสิ่งในสายตากลับมา สมุดแห่งโชคชะตาที่อยู่ใต้ฝ่ามือของเขา ก็ระเบิดขึ้นอย่างฉับพลันด้วยพลังต่อต้านรุนแรง
พลังนี้ยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนมาก ดูเหมือนมันจะสั่งสมพลังเอาไว้เรื่อยๆ ในพริบตาหลังจากการระเบิดออกของขุมพลัง มือของหวังเป่าเล่อกระดอนขึ้นสูงกว่าหนึ่งฉื่อ ออกห่างจากสมุดแห่งโชคชะตาไปอย่างสมบูรณ์
หลังจากที่มือของหวังเป่าเล่อยกขึ้นสูง สมุดแห่งโชคชะตาก็ราวกับส่งเสียงตื่นเต้นอย่างเป็นสุข ในช่วงเวลามึนงงนั้นเอง ก่อนจะหลบหนีหายไป…เสียงหวีดสายหนึ่งก็ส่งออกมา
เสียงหวีดนี้คล้ายเสียงลมมาก แต่กลับไม่ใช่… เพราะเสียงที่ทุกคนรอบด้านได้ยิน ต่างก็รับรู้ในสิ่งเดียวกันได้ว่า…สมุดแห่งโชคชะตากำลังก่นด่า
เสียงหวีดนี้คือเสียงก่นด่า!
ส่วนจะก่นด่าผู้ใด ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ได้
ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่รอบด้านต่างนิ่งเงียบ และผู้รับใช้เฒ่าข้างประมุขกฎสวรรค์เองก็นิ่งเงียบเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น…สมุดแห่งโชคชะตาเผยความเป็นมนุษย์ออกมา
“นี่ต้องเป็นเพราะมันถูกข่มเหงมาก จึงหนีไปในทันที…”
แต่ในไม่ช้า… สีหน้าของผู้คนรอบๆ ก็ประหลาดใจอีกครั้ง ส่วนใหญ่เผยความเห็นอกเห็นใจ เพราะเกือบจะในทันทีที่สมุดแห่งโชคชะตาอันตรธานไป มือของหวังเป่าเล่อก็ตกลงมา
เห็นได้ชัดว่ามันตกลงมาตรงพื้นที่ว่าง ไม่มีวัตถุใด แต่ในขณะที่มันตกลงไป สมุดแห่งโชคชะตาที่หลบหนีไปแล้ว กลับปรากฏขึ้นตรงนั้น ทำให้มือของหวังเป่าเล่อย่อมตกลงบนตัวมันเป็นธรรมดา
สมุดโชคชะตาตกตะลึง หลังจากที่สมุดทั้งเล่มหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มันก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงทันที ตัวสั่นเทิ้ม เสียงคร่ำครวญดังก้อง แต่ละคนที่เฝ้ามองอยู่รอบๆ ต่างก็ไม่สามารถบรรยายอารมณ์ของตนเองออกมาได้
ผู้รับใช้เฒ่าที่อยู่ข้างกายประมุขกฎสวรรค์ท่าทางอึกอัก สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจ
ส่วนประมุขกฎสวรรค์ เวลานี้ก็ชักสีหน้า มองไปทางหวังเป่าเล่ออย่างอดไม่ได้
หวังเป่าเล่อยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับมองไม่เห็นสายตาแสดงความเห็นใจของทุกคน นัยน์ตาเผยแววครุ่นคิด เขาระลึกไปถึงเส้นทางของท้องฟ้าสีเทา สุดท้ายดวงตาทั้งคู่ก็ทอประกาย มองไปทางประมุขกฎสวรรค์ กล่าวอย่างจริงใจ
“ข้ายังเห็นไม่ชัดเจนนัก เลยต้องทำอีกครั้ง”
ทันทีที่คำนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็อดกลั้นไม่ได้อีก เสียงอื้ออึงปะทุขึ้นในทันที
“ยังจะทำอีกครั้งหรือ”
“เคยเห็นแต่รังแกคน ไม่เคยเห็นรังแกสมุดมาก่อน!”
“พวกเจ้าดูสิ สมุดแห่งโชคชะตาศักดิ์สิทธิ์เพียงใด มันถูกรังแกจนเป็นอะไรไปแล้ว!”
“พิสดาร ปาฏิหาริย์ ข้าไม่เคยคิดเลยว่า การมองเบาะแสในอนาคต สามารถทำเช่นนี้ได้!”
ท่ามกลางความโกลาหลของฝูงชน สมุดแห่งโชคชะตาใต้ฝ่ามือของหวังเป่าเล่อ ดูเหมือนจะคร่ำครวญรุนแรงขึ้น ความคับข้องใจถึงขีดสุด ไม่อาจประนีประนอมครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นเวลานี้จึงระเบิดความเด็ดเดี่ยวออกมา ยอมกลายเป็นหยกแหลก แต่ไม่ยอมเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์
หวังเป่าเล่อรับรู้ได้ถึงท่าทีนี้ของสมุดแห่งโชคชะตา ดังนั้นจึงร่ำร้องออกมาจากใจ
“อีอี หนังสือเล่มนี้ไม่เชื่อฟัง หรือไม่ก็ฉีกออกเถอะ ข้าจะเปลี่ยนอีกเล่มให้เจ้า”
เศษหน้ากากในอ้อมแขนของหวังเป่าเล่อ ส่งเสียงฮึดฮัดของแม่นางน้อยดังขึ้น
เมื่อเสียงดังขึ้น สมุดแห่งโชคชะตาก็เงียบไปทันที ครู่ต่อมา ขณะที่ประมุขกฎสวรรค์กำลังจะกล่าวโน้มน้าวบางอย่าง สมุดแห่งโชคชะตาก็ยกขึ้นเองจากใต้มือของหวังเป่าเล่อ กระทบกับฝ่ามือของเขาเองอย่างขยันขันแข็ง เกิดเสียงกระทบกัน
ดูเหมือนว่ายังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าตนเองเชื่อฟัง มันยังขึ้นๆ ลงๆอยู่หลายครั้ง เกิดเสียงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งยังเคล้าเคลียออดอ้อนอยู่หลายครั้งด้วย จนเกิดเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน…ดังก้องอยู่บนดาวชะตาจนถึงทั่วดาราจักรชะตาทันที
ประมุขกฎสวรรค์สงบปาก
ดวงตาของผู้รับใช้เฒ่าข้างกายประมุขแทบจะถลน ผู้คนรอบข้างต่างปากอ้าตาค้าง…
“ศักดิ์ศรีเล่า!”
“โอ้สวรรค์ ข้าต้องดูพลาดไปแน่ หวังเป่าเล่อ เจ้าทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของสมุดแห่งโชคชะตาในใจของข้าสิ้นแล้ว”
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า…รูปแบบภาพนี้ค่อนข้างประหลาด ทำให้ข้าคิดโยงไปถึงเรื่องอื่น…” สีหน้าของหลี่หว่านเอ๋อร์ดูแปลกไป นางอดไม่ได้ที่จะเหลือบดูหวังเป่าเล่อจากที่ไกลๆ
……………