บทที่ 373 สายตาช่างคับแคบนัก คิดว่าจะหาเรื่องใครก็ล้วนทำได้อย่างนั้นหรือ?
จักรพรรดิหานเถาตื่นเต้นจนไม่อาจระงับประกายตายามมองไปทางกระถางต้นไม้ได้
ทว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ถูกขัดจังหวะการจับจ้อง
“เพ้ย ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าได้ยินหรือไม่? รีบปล่อยท่านบรรพชนเดี๋ยวนี้!”
จู้จื่อชูกำปั้นขึ้นด้านหน้าขวางการมองกระถางต้นไม้ พร้อมกล่าวขึ้นมากับจักรพรรดิหานเถา
“อย่าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งแล้วจะทำอะไรก็ได้ต่อหน้าพวกเราทั้งสามคนนะ!”
เจ้าอ้วนฉวี่เอ่ยออกมาอย่างดุดัน
ทว่าเขากลับไม่ได้ดูดุร้ายเลย ด้วยรูปร่างอวบอ้วนยิ่งเสริมให้เขาดูน่ารักยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ
“พี่จู้จื่อกับพี่ฉวี่พูดถูกต้อง หากเจ้าไม่อยากโดนทุบตี ก็รีบปล่อยท่านบรรพชนเสีย!”
ชุยช่านพูดเสริม
เอาความกล้ามากจากไหนกัน…
คนหนึ่งชูกำปั้นใส่เขา คนหนึ่งพูดว่าเขาทำอะไรไม่ได้ คนหนึ่งพูดว่าเขาจะถูกทุบตี…
จักรพรรดิหานเถาหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ เด็กสุดท้ายก็ยังเป็นแค่เด็ก ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตัวเองมีดีอยู่บ้างก็คิดหลงตนเอง…
กล่าวตามจริงแล้ว เด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบสามารถฝึกตนมาถึงขอบเขตสูงเช่นนี้ได้ นับว่าไม่ธรรมดา เพียงพอต่อการเป็นที่ภาคภูมิใจของคนรอบตัว
แต่หากต้องการจะมาอวดอ้างต่อหน้าเขา ก็เหมือนมดแดงคิดเขย่าต้นไม้*[1] เอาไข่มาตีหิน
เขาคร้านจะพูดจาอะไรให้มากความกับเด็กอายุไม่กี่ขวบ จึงทำเพียงโบกมือเบา ๆ ปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกไปปกคลุมร่างของจู้จื่อ เจ้าอ้วนฉวี่ และชุยช่าน
“แสดงให้ข้าดูว่าพวกเจ้าจะยังสามารถทำอะไรได้บ้าง!”
เขาเอ่ยออกมา
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน
“หืม!?”
เขามวดคิ้วแสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา ด้วยพลังที่เขาใช้กลับไม่สามารถกักขังเหล่าเด็ก ๆ เอาไว้ได้!
เดิมทีเขาต้องการจะจับพวกจู้จื่อเอาไว้ หลังจากนั้นก็ใช้การค้นวิญญาณเพื่อสืบเสาะเรื่องราวที่เขาต้องการจะรู้
ทว่าร่างกายของเด็ก ๆ กลับเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด พลังที่เขาส่งออกไปไม่มีผลใด ๆ เพียงแค่เข้าใกล้ตัวพวกจู้จื่อก็สลายไปอย่างไร้คำอธิบาย!
เขาหันมามอง “บนตัวพวกเจ้าคงจะยังมีของดีอยู่ไม่น้อย!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องมีสมบัติอยู่บนตัวของเด็ก ๆ ไม่เช่นนั้นพลังของเขาคงจะไม่สลายไปอย่างไร้คำอธิบายได้!
และความจริงก็เป็นเช่นนี้
บนตัวของจู้จื่อ เจ้าอ้วนฉวี่ และชุยช่านมีของดีอยู่ไม่น้อยจริง ๆ
นอกจากหยกคุ้มภัยแล้ว ก่อนหน้านี้หลี่จิ่วเต้าก็ยังได้มอบภาพวาดกับตุ๊กตาตัวละครจากเรื่องไซอิ๋วและสถาปนาเทวดาให้กับเด็ก ๆ ทุกคน
สาเหตุที่ทำให้พวกจู้จื่อสามารถครอบครองพลังสะท้านฟ้าได้ก็เนื่องจากภาพวาดตัวละครในเรื่องไซอิ๋วและสถาปนาเทวดา
ไม่ว่าจะเป็นหยกคุ้มภัย ภาพวาดตัวละคร หรือตุ๊กตาก็ล้วนมีพลังเหนือกว่าจินตนาการ ห่างชั้นเกินกว่าจักรพรรดิหานเถาจะทำสิ่งใดได้!
“เช่นนั้นก็แสดงให้ข้าดูเสียว่าพวกเจ้ามีของดีอะไรบ้าง!”
จักรพรรดิหานเถาลงมือสุดแรง ไม่มียั้งเอาไว้แม้แต่น้อย พลังทั้งหมดถูกใช้ออกมา
ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าตนเองจพใช้พลังสูญเปล่ามากเกินไป จึงไม่กล้าลงมือมากนัก
แต่บัดนี้เขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ไม่ต้องค่อยพะวงกับปัญหาการใช้พลังมากเกินไปแล้ว
ขอเพียงแค่เขานำต้นไม้สีทองไปได้ ไม่ว่าจะต้องใช้พลังมากเพียงใด เขาก็ตั้งมั่นว่าจะต้องได้ต้นไม้สีทองต้นนี้!
เขาสำแดงเคล็ดวิชา พลังอันน่าหวาดกลัวเพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ จนฟ้าดินถึงขั้นเปลี่ยนสี ดาบขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาราวกับมาจากสวรรค์ ฟาดลงมาจากบนท้องนภา
เมื่อครู่พลังของเขาพึ่งถูกสลายไปอย่างไม่อาจอธิบายได้ ทำให้เขารู้ว่าสมบัติบนตัวพวกจู้จื่อไม่ธรรม ดังนั้นเขาจึงไม่คิดประมาท ลงมือเต็มกำลัง
นี่คือเคล็ดวิชาประจำตระกูลหานนามว่าตัดนภา ย้อนกลับไปครั้งสมัยโบราณการ เขาเคยใช้เคล็ดวิชาตัดนภาในการสังหารขอบเขตจักรพรรดิของอาณาจักรเทียนหยวนไปจำนวนมาก
“พวกเรามีของดีมากมาย แต่ว่าเจ้าเอาไปไม่ได้หรอก!”
“ใช่แล้ว!”
พวกจู้จื่อไร้ซึ่งความหวาดเกรง พวกเขาต่างพากันหยิบตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ออกมา
ยามก่อนที่พวกเขาจะได้ก้าวสู่เส้นทางการฝึกตน พวกเขาไม่รู้ว่าตุ๊กตาเหล่านี้น่าตื่นตะลึงมากเพียงใด
หลังจากที่พวกเขาเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนแล้ว พวกเขาก็ถึงตระหนักได้ว่าตุ๊กตาเหล่านี้ล้วนมีพลังน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะจินตนาการได้!
จู้จื่อชอบนาจาจากสถาปนาเทวดา คุณชายจึงมอบภาพและตุ๊กตานาจาให้แก่เขา
นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้เคล็ดวิชาสามเศียรหกกรจากภาพวาดนาจาอีกด้วย
เจ้าอ้วนฉวี่ชอบตือโป๊ยก่ายจากเรื่องไซอิ๋ว คุณชายจึงมอบภาพวาดและตุ๊กตาตือโป๊ยก่ายให้
เขาได้เรียนรู้เคล็ดวิชาสามสิบหกผกผันจากภาพเหมือนตือโป๊ยก่าย
ชุยช่านเองก็ชอบตัวละครจากเรื่องไซอิ๋ว นั่นก็คือม้ามังกรขาว คุณชายจึงมอบภาพวาดและตุ๊กตาของม้ามังกรขาวให้
เขาก็เรียนรู้เคล็ดวิชาคุมวารีจากภาพเหมือนม้ามังกรขาว ใช้เพียงหนึ่งมือก็สามารถควบคุมน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แสงเจิดจ้าเปล่งอย่างถึงขีดสุดเปล่งออกมาจากตํกตานาจา ตือโป๊ยก่าย และม้ามังกรขาว บนตัวพวกมันเปี่ยมด้วยกฎแห่งเต๋าสูงสุดอยู่เหนือทุกสิ่งอย่างไม่อาจจินตนาการถึง
ทันทีหลังจากนั้น ตุ๊กตานาจา ตือโป๊ยก่าย และม้ามังกรขาวก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นทันที ก่อนพุ่งกระโจนไปสังหารผู้ที่อยู่เบื้องหน้าราวกับพวกมันมีชีวิตขึ้นมา!
นาจาเหยียบอยู่บนกงล้อวายุเพลิง สวมผ้าแพรป่วนฟ้า ในมือถือทวนอัคคี รูปลักษณ์ชวนให้ผู้คนหวาดเกรง เพียงลงมือหนึ่งครั้งดาบที่ก่อตัวขึ้นจากเคล็ดวิชาตัดนภาก็ระเบิดออกทันที!
ตือโป๊ยก่ายฟาดคาดเก้าซี่ลงบนอากาศเกิดเป็นเสียงดัง ราวกับท้องฟ้าถูกไถ่ออก!
สีหน้าของจักรพรรดิหานเถาเปลี่ยนสี เขารีบเรียกอาวุธจักรพรรดิที่มีออกมา
นี่คือโล่จักรพรรดิโบราณ พลังป้องกันของมันน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดเคยต้านทานการโจมตีของมหาจักรพรรดิโดยไม่ได้รับความเสียหายมาแล้ว
ทว่าต่อหน้าคราดเก้าซี่ของตือโป๊ยก่าย โล่จักรพรรดิโบราณกลับดูเหมือนทำจากกระดาษ รับการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็โดนทุบแหลกเป็นชิ้น ๆ!
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรดังกึงก้องนภา ม้ามังกรสีขาวบริสุทธิ์ร่างกายใหญ่โตยิ่งกว่าภูเขา เสียงคำรามของมันพุ่งเข้าโจมตีด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว จักรพรรดิหานเถาไม่ทันแม้แต่จะได้ตอบโต้เสียด้วยซ้ำ ทั้งร่างก็ถูกระเบิดออก เลือดและเนื้อกระเซ็นไปทั่ว!
แม้กระทั่งจิตวิญญาณของเขายังถูกเสียงคำรามกระแทกจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ!
จวบจนสิ้นชีพ เขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสมบัติที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่กับพวกจู้จื่อ เขาในฐานะจักรพรรดิ กลับไม่สามารถแม้กระทั่งจะต่อต้าน ถูกสังหารลงให้ทันที!
ถ้าหากเขารู้เรื่องนี้มาก่อนละก็ ตีให้ตายอย่างไรเขาก็จะไม่มา!
เริ่มลงมือจากคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน…
แผนการไร้ประโยชน์สิ้นดี กระทั่งผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังสามารถฆ่าเขาได้!
น่าเวทนา ทุกสิ่งไม่มีทางย้อนกลับไปได้ ไร้ประโยชน์ที่เขาจะมาเสียใจภายหลัง ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเขาถูกทำลายเป็นเสี่ยง ๆ ดับสลายลงไปอย่างสมบูรณ์
“สายตาช่างคับแคบนัก คิดว่าจะหาเรื่องใครก็ล้วนทำได้อย่างนั้นหรือ?”
บรรพชนพรรคจื่อเสียกล่าวออกมาหลังจากได้รับอิสระ เมื่อจักรพรรดิหานเถาสิ้นชีพลง พลังที่กักขังเขาเอาไว้ก็สลายตามไปด้วย
เขาไม่ได้รู้สึกกังวลแม้แต่น้องระหว่างเกิดเรื่องราวทั้งหมด เขารู้ดีว่าสิ่งที่พวกจู้จื่อครอบครองอยู่น่ากลัวแต่เพียงใด ผู้ที่โชคร้ายย่อมต้องเป็นฝ่ายจักรพรรดิหานเถาอย่างแน่นอน
และผลที่ออกมาก็เป็นดั่งที่เขาคิดทุกประการ
[1] มดแดงคิดเขย่าต้นไม้ (蚍蜉撼树) เป็นคำอุปมา มีความหมายว่า ไม่เจียมตัว