ระยะนี้ฮ่องเต้ทรงใช้เวลาไปกับการหลอมโอสถ และหลงใหลมัวเมาไปกับหญิงสาวมากมาย ดังนั้นเขาจึงดูค่อนข้างอ่อนแอและไร้ชีวิตชีวาทีเดียว
แต่เพราะอาการของเขานี่เอง เขาจึงได้ขบคิดถึงเรื่องนี้หลังจากฮองเฮานำมันมาเล่าให้เขาฟัง
ยิ่งเมื่อรู้ว่าองค์ชายหมายตาบัลลังก์ของตนเอาไว้ เขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจและรังเกียจอีกฝ่ายยิ่งนัก หลังรับฟังเรื่องราวจากมู่หรงฮองเฮาจบ เขาก็ตรงไปที่ห้องทรงอักษรของอดีตฮ่องเต้ทันทีโดยไม่คิดที่จะตรวจสอบเรื่องราวแม้แต่นิดเดียว
โทสะของอดีตฮ่องเต้ยังคงไม่จางหายไป เขาหัวเราะอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้หลังจากได้ฟังคำพูดของฮ่องเต้ “สรุปแล้วเจ้าจะบอกว่าเจวี๋ยเอ๋อร์กำลังวางแผนก่อกบฏเพื่อแย่งชิงบัลลังก์มาจากเจ้าอย่างนั้นหรือ แล้วจู่ๆ เจ้าเจ็ดก็ออกไปที่หมู่บ้านนั้น แล้วตอนนี้เขาก็ถูกจับกุมตัวอยู่หรือ”
ฮ่องเต้เป็นเพียงชายที่ไม่ได้มีฝีมือโดดเด่น และมีนิสัยขี้ขลาด เมื่อหลายปีก่อนนี้เขาคงไม่มีทางได้บัลลังก์มาไว้ในมือหากไม่ใช่เพราะเขาให้กำเนิดบุตรชายคนนั้น
เขารู้ว่าสาเหตุที่อดีตฮ่องเต้สนับสนุนให้เขาขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์นั้นก็เป็นเพราะบุตรชายของเขานี่เอง
สิ่งที่เขากลัวที่สุดในชีวิตก็คือบิดาของเขาเอง แม้เขาจะเป็นถึงฮ่องเต้ แต่ความจริงนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังซ่อนตัวจากเสด็จพ่อในทุกครั้งที่มีโอกาส เขาคงไม่มาพบหน้าอดีตฮ่องเต้หากเรื่องมันไม่ได้ร้ายแรงถึงเพียงนี้ แต่คิดก็ส่วนคิด การเผชิญหน้ากับเขาในชีวิตจริงนั้นเป็นอีกปัญหาหนึ่งเลยก็ว่าได้
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของอดีตฮ่องเต้ เขาก็เริ่มตะกุกตะกัก “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ที่ข้าต้องการพูดก็คือต่อให้หลี่เมิ่งจะทำงานของตนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นความผิดของเขาแต่เพียงผู้เดียวเสียเมื่อไหร่ เราต้องให้ใครสักคนทำการสืบสวนเรื่องที่องค์ชายสามผลิตอาวุธ…”
ปัง!
อดีตฮ่องเต้ตบโต๊ะอย่างแรงโดยไม่รอให้ฮ่องเต้พูดจบ จากนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นด้วยความผิดหวังพลางมองบุตรชายของตน “ออกไปจากที่นี่ซะ ออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
ขันทีซุนรู้ว่าอดีตฮ่องเต้ทรงพิโรธยิ่งนักเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นอดีตฮ่องเต้ยกมือขึ้นมากุมหน้าผากของตนเอาไว้ เขารีบเข้าไปประคองผู้เป็นนายทันที
แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ได้เก่งกาจนัก แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กไม่รู้จักโต เขามองอดีตฮ่องเต้ที่กำลังโกรธจนควันออกหูเพราะตัวเอง เขาตื่นตระหนก และเรียกอีกฝ่ายอย่างประหม่าว่า “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ…”
อดีตฮ่องเต้สะบัดชายแขนเสื้อแล้วผลักเขาออกไป เขาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกลับคืนสู่ท่าทางอันสง่างามตามปกติ บุตรชายของเขาคนนี้เป็นความล้มเหลวเดียวในชีวิตของเขา
เขายังคงขาดระเบียบวินัยในฐานะฮ่องเต้เฉกเช่นเดิม และยังหลงเชื่อในคำพูดทุกคำที่ตนได้ยินมา มิหนำซ้ำในเวลานี้เขาก็ยังพยายามพูดเข้าข้างคนอื่นอยู่อีกด้วย!
“ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าเจ็ดเป็นลูกชายของเจ้าจริงๆ หรือเปล่า” น้ำเสียงของอดีตฮ่องเต้เต็มไปด้วยความโกรธ “ลูกชายของเจ้าถูกจับโดยไม่มีเหตุผล แต่เจ้ากลับยังเอาแต่พูดแทนคนอื่นอยู่ได้! ข้าไม่คิดว่าปัญหาเพียงอย่างเดียวของเจ้านั้นคือการที่เจ้าเป็นคนหัวอ่อน แต่คือการที่เจ้าเป็นคนโง่เง่าและไร้ประโยชน์ต่างหาก!”
ใบหน้าของฮ่องเต้ซีดเผือด เขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะโต้ตอบคำพูดของอดีตฮ่องเต้แม้แต่นิดเดียว
อดีตฮ่องเต้ผ่อนลมหายใจ และแค่นยิ้มอย่างเหน็บแนม “ข้าจะไม่พูดอะไรเรื่องที่เจ้าหมกตัวอยู่กับยาพวกนั้น แต่ทำไมวันนี้เจ้าถึงได้สนใจเรื่องนี้หรือ ไหนบอกข้ามาสิ เป็นเพราะฮองเฮาที่เจ้าเลือกด้วยตัวเองคนนั้นมาเป่าหูอะไรเจ้าอีกแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ลูกเพียงแค่คิดว่าปัญหาเรื่องอาวุธนี้อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” ฮ่องเต้เลียริมฝีปากของเขา แล้วเริ่มต้นอธิบายว่า “และไม่ได้พยายามพูดเพื่อคนอื่นขอรับ เพียงกังวลว่าองค์ชายสามจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงเท่านั้น”
อดีตฮ่องเต้เดือดขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าเขามีเจตนาเช่นนั้นจริง ป่านนี้เจ้าคงถูกโค่นบัลลังก์ไปตั้งนานแล้ว! ใครกันหรือที่เป็นคนป้องกันอันตรายจากภายนอกให้เจ้าตลอดหลายปีมานี้ จนทำให้สี่ตระกูลใหญ่ไม่กล้าลงมือทำอะไร จักรวรรดิจ้านหลงคงสิ้นชื่อไปนานแล้วหากพวกเราหวังพึ่งเจ้าเพียงคนเดียว! แต่เจ้ากลับยังมีหน้ามาปรุงโอสถอยู่อีกหรือ ฮ่องเต้ หัดใช้หัวคิดเสียบ้าง!”
เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของอดีตฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
อดีตฮ่องเต้ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ดูจากการที่มีคนใส่ไฟให้ฮ่องเต้นำเรื่องของเจวี๋ยเอ๋อร์มาบอกกับเขานั้น ย่อมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีใครบางคนต้องการใส่ร้ายป้ายสีเจวี๋ยเอ๋อร์อยู่
อาวุธพวกนั้นถูกจัดเตรียมเอาไว้ตามคำสั่งของเขา และเขาก็เป็นคนขอให้เฮ่อเหลียนเวยเวยทำมันเอง
เขายังถึงกับส่งคนของตัวเองไปคุ้มครองบ้านหลังนั้นเอาไว้ด้วยซ้ำ
แม้จะทำเช่นนั้น แต่ข้อมูลเรื่องนี้ก็ยังรั่วไหลออกไปได้
หลานชายคนสุดท้องสุดที่รักของเขาถูกจับ ส่วนหลานชายคนที่สามของเขาก็ยังถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยเรื่องไร้สาระ!
เขาคิดว่าการกระทำอันอวดดีของเจวี๋ยเอ๋อร์อาจจะเสียมารยาทและข้ามหน้าข้ามตาบรรดาผู้อาวุโสเกินไปกระมัง
ตอนนี้เมื่อเขามาคิดดูอีกที ผู้อาวุโสแต่ละคนต่างก็อยากให้หลานชายทั้งสองของเขาตายอย่างเสียเปล่ากันทั้งนั้น
ดี ดีมาก!
“ขันทีซุน เรียกตัวฮองเฮามาที่นี่!” อดีตฮ่องเต้โยนหนังสือเล่มเล็กๆ ในมือลงบนพื้น ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทำให้บรรดาขันทีและนางกำนัลในวังหลวงตัวสั่น
เมื่อฮองเฮาได้ยินว่าอดีตฮ่องเต้เรียกตัวนางเข้าเฝ้า นางก็มองไปที่ใบหน้าอันซีดเผือดของฮ่องเต้ หัวใจนางถึงกับกระตุก แต่นางไม่รู้ว่าอาวุธเหล่านั้นล้วนถูกผลิตขึ้นตามคำสั่งของอดีตฮ่องเต้ นางมั่นใจว่าที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกล้าลงมือผลิตอาวุธจำนวนมากถึงเพียงนั้นออกมาก็เพราะมีใครบางคนคอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง!
“เจ้าพูดถูกแล้ว มีคนคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังเฮ่อเหลียนเวยเวยจริง” อดีตฮ่องเต้มองฮองเฮาที่กำลังพยายามพิสูจน์ความผิดของเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ แล้วแค่นหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา “คนผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นข้าเอง!”
อะ อะไรนะ
ทันใดนั้น ฮองเฮาก็รู้สึกเหมือนแข้งขาหมดเรี่ยวแรง ท่าทางวางอำนาจที่นางเคยมีหายไปจนหมดสิ้น นางลนลานรีบไปพบฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้ตกใจจนตัวแข็ง
เรื่องที่เกิดขึ้นกลับแตกต่างจากที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าอาวุธจำนวนมากพวกนั้นจะถูกผลิตขึ้นภายใต้คำสั่งของอดีตฮ่องเต้
“ไปเอาโองการลับที่มีคำสั่งของข้ามาให้เจ้าหน้าโง่นั่นอ่านเสีย!” อดีตฮ่องเต้สั่งขันทีซุนที่อยู่ข้างกายโดยไม่สนใจมารยาทในยามปกติของตนอีกต่อไป เขาอยากถีบฮ่องเต้ออกไปนอกห้องแล้วอัดเขาให้น่วมเสียเหลือเกิน
เมื่อได้อ่านคำที่เขียนอยู่บนกระดาษสีขาวแผ่นนั้น ใบหน้าของฮ่องเต้ก็ซีดเผือดจนไร้สีเลือด และนิ้วของเขาก็เริ่มสั่นระริก
อดีตฮ่องเต้ปรายตามองฮองเฮา “ข้าเป็นคนสั่งให้พวกเขาผลิตอาวุธเอง จะบอกว่าข้าก็วางแผนโค่นบัลลังก์เจ้าเหมือนกันหรือเปล่า หา”
พูดจบ อดีตฮ่องเต้ก็ขว้างถ้วยชาในมือลงกับพื้นอย่างแรง!
ถ้วยชาตกลงข้างตัวฮองเฮา นางรู้สึกตกใจยิ่งนัก และเริ่มตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว นางกลัวเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมาเสียอีก
“เจ้าเอาตัวเองเข้ามายุ่งเรื่องการเมือง มู่หรงเยียนเอ๋อร์ นี่คือสิ่งที่ท่านพ่อของเจ้าสั่งสอนมาหรือ”
เมื่อได้ยินอดีตฮ่องเต้เรียกชื่อเต็มของนาง ฮองเฮาก็รู้ว่าสถานการณ์นี้เลวร้ายเพียงใด
จากนั้นนางก็ได้ยินอดีตฮ่องเต้เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ในเมื่อฮองเฮามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และมีเจตนาที่จะใส่ร้ายป้ายสีองค์ชาย เช่นนั้นข้าจะขอออกคำสั่งให้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางจะถูกถอดยศออกจากการเป็นฮองเฮา และถูกเนรเทศให้ไปอยู่ที่ตำหนักเย็น!”
“อดีตฮ่องเต้ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้ ข้าเป็นลูกสาวของมู่หรงอ๋อง ท่านทำกับข้าแบบนี้ไม่ได้!” ในที่สุดมู่หรงเยียนเอ๋อร์ก็ลนลานจนควบคุมสติไม่ได้ และเผลอพูดในสิ่งที่นางไม่สมควรพูดออกไป
ความโกรธของอดีตฮ่องเต้ปะทุขึ้นมาทันที “เจ้ากำลังเอามู่หรงอ๋องมากดดันข้าหรือ ดี ดีจริงๆ! มู่หรงอ๋องช่างมีบุตรสาวที่ดียิ่งนัก พาตัวนางไปเดี๋ยวนี้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์เงาดึงตัวฮองเฮาขึ้นทันที
ฮองเฮาร้องไห้และแผดเสียงดังลั่น นางยังคงเรียกหาฮ่องเต้อยู่เช่นนั้น
ฮ่องเต้อยากจะขอความเมตตาให้กับนาง แต่เขาก็ต้องหยุดความคิดนั้นทันทีที่เห็นอดีตฮ่องเต้นวดขมับของตนราวกับว่าเขากำลังผิดหวังอย่างรุนแรง อดีตฮ่องเต้มองมาที่เขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเองก็ควรกลับไปได้แล้ว กลับไปคิดดูให้ดีเสียว่าฮองเฮาผู้ชั่วร้ายที่เจ้าเลือกมานั้นทำอะไรลงไป!”