รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 375 ยังมัวสะท้อนใจในโชคชะตาอยู่อีก? โชคชะตาสั่งให้ไปตายรู้หรือไม่!

บทที่ 375 ยังมัวสะท้อนใจในโชคชะตาอยู่อีก? โชคชะตาสั่งให้ไปตายรู้หรือไม่!

บทที่ 375 ยังมัวสะท้อนใจในโชคชะตาอยู่อีก? โชคชะตาสั่งให้ไปตายรู้หรือไม่!

เก้าแดนต้องห้ามกรีธาทัพเข้ามายังแดนสังสารวัฏ

เสียงแตรดังกึกก้องไปทั่วแดน นี่คือเสียงแตรประกาศศึก บ่งบอกว่าสงครามใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

สมาชิกภายในตำหนักสังสารวัฏทั้งหลายเตรียมตัวสู้ศึกอย่างรวดเร็ว พวกเขากำลังรอคำสั่งจากนายตำหนักต่าง ๆ เตรียมพร้อมบุกไปรบรากับสิ่งมีชีวิตจากเก้าแดนต้องห้าม

พวกเขาไม่อาจอยู่แต่ในแดนสังสารวัฏไปตลอด แล้วไม่สนใจในการจู่โจมของสิ่งมีชีวิตจากเก้าแดนต้องห้าม ขืนเป็นเช่นนั้นพลังป้องกันของแดนสังสารวัฏย่อมต้องพังทลาย และเปลวเพลิงแห่งศึกสงครามจักคืบคลานเข้ามาถึงภายในแดนสังสารวัฏ!

หากเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาชนะหรือพ่ายแพ้ ก็ต้องพบเจอกับความสูญเสียมหาศาลอยู่ดี

พวกเขาจำต้องออกไปต่อสู้ กีดขวางสิ่งมีชีวิตจากเก้าแดนต้องห้ามไว้ให้อยู่นอกแดนสังสารวัฏ มิให้เปลวเพลิงแห่งศึกสงครามคืบคลานเข้ามาด้านในได้

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงหรี่ตาลง ทว่าในใจกลับตกตะลึงยิ่ง

เขาเคยเข้าไปในเก้าแดนต้องห้าม รู้ว่าเก้าแดนต้องห้ามไม่ธรรมดาอย่างมาก เบื้องหลังนั้นคือสายน้ำลึก ทว่าบัดนี้ได้เห็นเก้าแดนต้องห้ามเดินทัพเข้ามาเต็มรูปแบบ เขาก็ยังตะลึงอยู่

ความลึกล้ำของสายน้ำซึ่งอยู่เบื้องหลังเก้าแดนต้องห้ามเหนือกว่าการคาดหมายของเขาเสียอีก!

ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตจากแดนต้องห้ามใด ล้วนทรงพลังอย่างยิ่งยวด กำลังรบระดับมหาจักรพรรดิมีมากมายนับไม่ถ้วน กำลังรบระดับตี้หวงเห็นอยู่เกลื่อนกลาด แต่ละคนล้วนมีพลังปราณท่วมท้นนภา อยู่ในช่วงรุ่งเรืองพลังที่สุดเสมือนโมงยามที่พระอาทิตย์เจิดจ้าที่สุด!

หากสงครามเช่นนี้ดำเนินต่อไปเต็มกำลัง ย่อมต้องกลายเป็นศึกบันลือโลก สยดสยองเกินจินตนาการ

“ในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา พวกเราอยู่ร่วมกับเก้าแดนต้องห้ามอย่างสันติสุข ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดพวกมันถึงกรีธาทัพเข้ามาเต็มรูปแบบเช่นนี้?”

ผู้ตรวจการเอ่ยเสียงทุ้ม “ดูจากท่าทางพวกเขา เห็นได้ชัดว่าไม่อาจจบด้วยดีได้แล้ว น่ากลัวว่าศึกนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง!”

เหตุใดถึงมา?

มาเพราะข้าอย่างไรเล่า!

คิดไม่ถึงใช่หรือไม่!

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิดในใจ

ฮ่า ๆ คิดเช่นนี้หลงตัวเองเกินไปหรือไม่

เขาคิดขึ้นมาอีก

‘คงมิใช่เพราะข้าทั้งหมด ท่านเซียนทำเช่นนี้เกรงว่าจะมีความหมายลึกล้ำอื่นแฝงอยู่ บางทีนี่อาจเป็นหมากอีกก้าวของท่านเซียน!’

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิด

เก้าแดนต้องห้ามยกทัพเข้ามาเต็มกำลัง ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามเป็นหนักหนา เขาไม่คิดว่าท่านเซียนจะเอิกเกริกเช่นนี้เพียงเพราะเขา

ในความคิดของเขา นี่คือหมากก้าวหนึ่งของท่านเซียน อาจเป็นเพราะเขา หมากก้าวนี้จึงต้องเดินล่วงหน้า และก้าวนี้ยังแฝงไว้ด้วยความนัยที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น!

‘ใช้ได้ ใช้ได้!’

เขาปลื้มปีติยิ่งยวด ภาคภูมิมากขึ้นไปอีก

หากเป็นเช่นนี้จริง ท่านเซียนให้ความสำคัญกับเขามาก มิฉะนั้นไยต้องเดินหมากก้าวนี้ล่วงหน้าเพื่อเขา

ส่วนเรื่องที่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความบังเอิญนั้น…เขาไม่คิดถึงเลยด้วยซ้ำ

ไฉนเลยจะมีเรื่องบังเอิญใหญ่หลวงปานนี้

เก้าแดนต้องห้ามวางอุบายในอาณาจักรที่ท่านเซียนประทับ และบัดนี้เก้าแดนต้องห้ามยังบุกมายังแดนสังสารวัฏอย่างไม่ทราบสาเหตุโดยไม่มีวี่แววมาก่อน

เห็นได้ชัดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับท่านเซียน

มิฉะนั้น ในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา เก้าแดนต้องห้ามกับแดนสังสารวัฏอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ไยจึงต้องยกทัพทั้งหมดจู่โจมแดนสังสารวัฏในโมงยามนี้ด้วย

“ทั้งหมดล้วนเป็นโชคชะตา ข้าเพื่อมาถึงตำหนักของพี่เซียว เก้าแดนต้องห้ามก็รุกรานเข้ามายังแดนสังสารวัฏของเรา ดูท่า โชคชะตาต้องการให้ข้าได้อยู่กับพี่เซียว ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง!”

ผู้ตรวจการหัวเราะ ใบหน้าทอประกายความรำลึก “ครานั้น เราสองพี่น้องร่วมฝ่าฟันไปทั่วทุกอาณาจักร หลังสิ้นอายุขัย พวกเรายังบุกเข้ามาในเส้นทางสังสารวัฏด้วยกัน แม้นมิสมหวัง ได้เวียนว่ายตายเกิดใหม่อีกครั้ง กระนั้นพวกเราก็มีชีวิตรอดมาได้!”

ยังมัวสะท้อนใจในโชคชะตาอยู่อีกรึ!?

โชคชะตาส่งเจ้าไปตาย!

จิตสังหารก่อเกิดในใจจักรพรรดิหมากรุกหวงหลง

เขาไม่ฆ่าผู้ตรวจการผู้นี้คงมิได้

เดิมทีหากผู้ตรวจการผู้นี้ยอมไปเสียก็คงไม่เป็นไร แต่ผู้ตรวจการผู้นี้ดันต้องการอยู่ต่อ ซ้ำยังต้องการรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ถ้าเขาไม่ฆ่าผู้ตรวจการผู้นี้ ย่อมต้องเปิดเผยตัวตนอย่างแน่นอน

จากวาจาของผู้ตรวจการ เขาพอจับใจความได้ว่าผู้ตรวจการผู้นี้มีสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับนายตำหนัก ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาต้องอยู่กับผู้ตรวจการเป็นเวลานานย่อมปิดบังต่อไปไม่ได้แน่

ท่านเซียนกำลังเดินหมากกระดานใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย เขาคือตัวหมากที่ท่านเซียนวางไว้ในแดนสังสารวัฏ จะเปิดเผยตัวเช่นนี้มิได้ มีหวังทำเสียแผนของท่านเซียน

เขาต้องอยู่ในแดนสังสารวัฏต่อไป รอคอยคำสั่งอื่นของท่านเซียน!

‘ข้าต้องเป็นหมากที่ดี และเป็นหมากที่ขยันขันแข็ง! ข้าไม่รู้ว่าท่านเซียนคิดทำสิ่งใด แต่ท่านเซียนสั่งให้ข้าอยู่ในแดนสังสารวัฏต่อ ย่อมมีความหมายของท่านเซียน!’

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิดในใจ ‘ข้าต้องเจริญก้าวหน้าอยู่ในแดนสังสารวัฏ พยายามเลื่อนตำแหน่งให้สูงที่สุด เช่นนี้ยามท่านเซียนต้องการใช้งานข้า ข้าก็ทำประโยชน์ได้มากขึ้น!’

“พี่เซียว ไยท่านไม่พูดจา? หรือท่านไม่อยากรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าหรือ”

ผู้ตรวจการเอ่ยกึ่งหยอกล้อ

“นี่เป็นเรื่องที่ข้ารอมานาน! หวังว่าศึกนี้จะรีบเปิดฉากโดยไว แล้วท่านกับข้าออกไปเข่นฆ่าศัตรูข้างนอกนั่น!”

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงเลียนเสียงนายตำหนัก

เขาเก็บงำพลังปราณไว้ภายใน ปล่อยให้พลังสังสารวัฏไหลเวียนอยู่นอกกาย ผู้ตรวจการไม่อาจจับสัมผัสพลังปราณเดิมของเขาได้ง่าย ๆ

“คงใกล้แล้ว ท่านดู มียอดฝีมือตำหนักหลักออกโรงแล้ว”

ผู้ตรวจการมิได้เคลือบแคลงใด ๆ

ที่สำคัญคือเขาคิดไม่ถึงว่านายแห่งตำหนักจะเกิดเรื่องอันใดได้ ถึงอย่างไรนายตำหนักถืออำนาจควบคุมทุกสิ่ง สิ่งมีชีวิตใต้บัญชาล้วนอยู่ในการควบคุมของนายตำหนัก

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงทอดสายตาไป เห็นว่ามียอดฝีมือก้าวออกจากตำหนักหลักจริง ๆ

เป็นมังกรกระดูกตัวมโหฬาร ร่างมังกรยาวเหยียดยิ่งกว่าภูเขาที่ตั้งเรียงราย ดวงตามังกรคู่นั้นมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกโชติ ยามได้มองรู้สึกจมดิ่งไปทั้งวิญญาณ สติแตกในชั่วพริบตา!

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงรู้จักมังกรกระดูกตนนี้ เขาอยู่ในแดนสังสารวัฏมาแสนกว่าปี นี่คือมังกรกระดูกระดับเทียนตี้ มีตำแหน่งสูงส่งในแดนสังสารวัฏ

เขารู้ดีว่ามังกรกระดูกตนนี้ออกไปคงต้องการเจรจากับเก้าแดนต้องห้าม ต้องการรู้จุดประสงค์ในการมาของเก้าแดนต้องห้าม

อย่างที่คิด หลังจากมังกรกระดูกออกไป ฝ่ายเก้าแดนต้องห้ามก็มีร่างน่าสยดสยองเหินออกมาอยู่ข้างกายมังกรกระดูกเก้าร่าง

การสนทนาระหว่างพวกมันมิได้เก็บเป็นความลับ จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงมีขอบเขตพลังสูงส่ง แตะขั้นตี้จวินแล้ว ต่อให้ห่างกันไกลโข เขาก็ยังได้ยินบทสนทนาทางนั้นอยู่ดี

“ในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา พวกเราอยู่กันอย่างสันติ ไม่เคยบาดหมางต่อกัน ไยวันนี้พวกเจ้าถึงกรีธาทัพเข้ามายังแดนสังสารวัฏ”

มังกรกระดูกคำรามขณะส่งเสียงคาดคั้น เสียงของมันประดุจอัสนีบาต มิติทั้งผืนกระเทือนจนถล่มเป็นหย่อม ๆ

“อย่ามาแกล้งโง่อยู่เลย!”

ร่างน่ากลัวร่างหนึ่งตวาดเสียงเย็น “พวกเจ้าไปยังดินแดนนั้น ซ้ำยังเก็บเกี่ยวบางอย่างกลับไป แล้วยังคิดอวดอ้างบารมีข่มเหงแยกพวกเราออกจากกัน เพื่อให้พวกเจ้าได้ยึดครองดินแดนผืนนั้น!”

มันมาจากอาณาจักรเบื้องหลังทะเลต้องห้าม ได้รับการรายงานจากจ้าวสมุทรแห่งทะเลต้องห้าม

“อนิจจา พวกเจ้าคิดผิดแล้ว! พวกเรามิได้เติบโตมากับคำขู่! ต่อให้พวกเจ้าเก็บเกี่ยวบางสิ่งได้จากดินแดนนั้น พวกเราก็ขอปะทะกับพวกเจ้าดูสักครา!”

มันตะโกนต่อ “วันนี้พวกเจ้าจำต้องแบ่งปันสถานการณ์ในดินแดนนั้นออกมาให้เราทราบ!”

“???”

มังกรกระดูกฟังแล้วงุนงงไปหมด

นี่มันเรื่องกระไร?

เหตุใดมันถึงฟังไม่รู้เรื่องสักประโยค?

ดินแดนนั้นอย่าว่าแต่เข้าไปเลย พวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งอยู่ที่ใด!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท