เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 381 วางใจ (3)

ตอนที่ 381 วางใจ (3)

แต่เพราะกุ่ยซามีความรู้สึกส่วนตัวต่อชูอี เขาจึงไม่อาจอดกลั้นให้ชูอีนอนอยู่บนพื้นด้วยท่าทางประหลาด ดังนั้นกุ่ยซาจะแอบมาอุ้มชูอีไปไว้บนเตียงในห้องเฝ้ายามข้างนอกทุกครั้ง เพื่อให้นางได้นอนหลับอย่างสบาย

จะว่าอย่างไรดี…กล่าวได้เพียงแค่ว่า สืออู่ที่ได้รับความทรมานอย่างน่าสงสารนั้น ก็น่าสงสารเพราะได้รับความทรมานอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

หนิงเซ่าชิงที่อยู่ในตัวรถได้ยินคำถามนี้ของมั่วเชียนเสวี่ยแล้วก็กลั้นไม่ไหว หัวเราะออกมา

เจ้าตัวโง่งมของเขา นอนจนเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ

“เชียนเสวี่ยดูสิ ที่นี่คือที่ไหน”

เอ่ยจบ หนิงเซ่าชิงก็ใช้สายตาบอกใบ้ให้มั่วเชียนเสวี่ยมองไปรอบๆ!

มั่วเชียนเสวี่ยมองไปรอบๆ ตามสายตาหนิงเซ่าชิงแล้วก็ชะงักค้างไปทันที!

ทันใดนั้น ความทรงจำที่เลือนหายไป และถูกนางลืมจนหมดสิ้นทั้งหมดจากการนอนหลับไปตื่นหนึ่งก็ย้อนกลับคืนมา!

ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยหน้าแดงก่ำ

เป็นเพราะฝืนมานานและลำบากมากเกินไปจริงๆ เมื่อเอนตัวลงนอนในอ้อมแขนของหนิงเซ่าชิง นางถึงได้กลายเป็นคนโง่งมเสียนี่

หนิงเซ่าชิงเห็นนางหน้าแดงและอึดอัดใจอย่างหาได้ยาก ก็ยิ้มออกมาทันที!

“เด็กทึ่ม ถ้าหากว่าข้าไม่ได้อยู่ข้างกายเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะทำเช่นไร”

มั่วเชียนเสวี่ยเบ้ปาก คิดในใจว่า ท่านจะไม่อยู่ข้างกายข้าได้อย่างไร ท่านจะต้องอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลาแน่นอน

จะว่าไปแล้ว ถ้าหากว่าท่านไม่อยู่ข้างกายข้า ข้าจะวางใจนอนหลับอย่างสบายใจเช่นนี้หรือ!

มั่วเชียนเสวี่ยยืนมือไปสางผมยุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการนอนแล้ว ก็เลิกผ้าม่านขึ้นมองไปด้านนอก วัดโบราณที่หยาบกระด้างและเคร่งขรึม ทำให้คนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งซื่อตรง ไม่ยอมประจบสอพลอผู้ใด พยายามช่วงชิงความงามอันเป็นธรรมชาติ คล้ายกับภาพวาดงามสง่า ราวกับบทกวีลึกล้ำบทหนึ่ง เหมือนกับเรื่องราวแปลกใหม่ เดิมนึกว่ายังอยู่ระหว่างทาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะจอดอยู่หน้าประตูวัดเซียงกั๋วเสียแล้ว!

เมื่อมองลงไปด้านล่างภูเขา ก็เห็นเนินเขาที่ขึ้นๆ ลงๆ ติดต่อกันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ป่าไม้กว้างใหญ่ไพศาล ระหว่างป่าไม้ที่เขียวชอุ่มแซมไปด้วยดอกไป่เหอเป็นหย่อมๆ

วัดเซียงกั๋วแห่งนี้ เป็นสถานที่ดีต่อการท่องเที่ยว ปฏิบัติธรรม และทำจิตใจให้สงบ!

“ถึงแล้ว? เหตุใดจึงไม่ปลุกข้า น่าขายหน้ามาก”

ความจริงแล้วก็น่าขายหน้ามากจริงๆ อย่างไรเสียวัดเซียงกั๋วก็เป็นสถานที่สงบเงียบของพุทธศาสนา นาง มั่วเชียนเสวี่ย แม้จะมีความกล้ามากเพียงใดก็ไม่กล้าจะกำเริบเสิบสานต่อหน้าพระพุทธเจ้า!

ในอดีตนางไม่เชื่อในเรื่องผีสางเทพเทวดา แต่นับตั้งแต่ที่ตนเองทะลุมิติมายังต่างโลก และได้พบกับเสวี่ยเอ๋อร์ในความฝัน ทั้งยังมีป้ายไม้ดำที่หายตัวเองได้ เรื่องแล้วเรื่องเล่าล้วนอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า แม้ว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีเทพหรือผี แต่กลับมีจิตวิญญาณและอำนาจลี้ลับบางอย่างคงอยู่

หนิงเซ่าชิงไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เขายื่นมือตนเองไปจัดการรอยยับบนอาภรณ์มั่วเชียนเสวี่ย พลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เพียงแค่อยากให้เจ้าได้หลับสบายสักตื่นเท่านั้นเอง”

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าในใจเขามีความสุขและพึงพอใจมากเพียงใด ยามที่เขาเห็นมั่วเชียนเสวี่ยนอนหลับสบาย ไร้แนวป้องกันใดๆ ในอ้อมแขนเขา

มั่วเชียนเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองหนิงเซ่าชิงแวบหนึ่ง พลางยิ้มบางๆ จับมือเพรียวยาวทว่าคล่องแคล่วที่หยุดนิ่งอยู่กลางโคนผมตนเองคู่นั้นเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างซุกซนว่า “กะล่อน”

แม้ว่าจะกล่าวเช่นนี้ แต่การที่หนิงเซ่าชิงทำเช่นนี้ ก็ทำให้นางอบอุ่นยิ่งขึ้น!

มีคนคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ล้วนเห็นการปลอบโยนเจ้า ความปลอดภัยของเจ้า และความสบายของเจ้าเป็นลำดับแรกนั้น มันดีงามและมีความสุขมากเพียงใด

มั่วเชียนเสวี่ยเชื่อว่า หนิงเซ่าชิงไม่ได้พาตนเองมาที่วัดเซียงกั๋วโดยไม่มีสาเหตุ

เขาไม่ใช่คนน่าเบื่อเช่นนั้น

จุดธูปไหว้พระอะไรนั่น ไม่ใช่นิสัยของหนิงเซ่าชิงแม้แต่น้อย ข้ออ้างเช่นนี้ นางปฏิเสธไม่ยอมรับอย่างรวดเร็ว!

ในเมื่อไม่ได้มาจุดธูปอธิษฐานขอพร เช่นนั้นจะต้องมาพบกับใครบางคนสินะ

คนที่สามารถทำให้หนิงเซ่าชิงจดจำไว้ในใจได้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

สำหรับเรื่องนี้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่หวาดกลัวหรือกังวล ท้ายที่สุดแล้วที่นี่ล้วนเป็นพระภิกษุ หรือว่าหนิงเซ่าชิงจะมีเรื่องต้องห้ามกับพระภิกษุระยะหนึ่งได้กัน?

กล่าวเช่นนี้…

มั่วเชียนเสวี่ยก็เงยหน้า พิจารณามองหนิงเซ่าชิงรอบหนึ่ง ยากมากที่จะจินตนาการถึงท่าทางตอนที่เขาเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับ หลังจากมโนภาพ YY ในห้วงความคิดตนเองแล้ว ก็ยิ้มปัญญาอ่อนอยู่ตรงนั้นคนเดียว

หนิงเซ่าชิงรักษาความเงียบอย่างชาญฉลาด เขาเข้าใจมั่วเชียนเสวี่ยเกินไป ในตอนที่นางยิ้มอย่างไม่มีสาเหตุนั้น ทางที่ดีสุดเจ้าอย่าได้เอ่ยถามอันใดออกไป! มิฉะนั้นสุดท้ายผู้ที่จะถูกทำให้เกิดอาการสำลักนั้น ก็มีเพียงตัวเจ้าเอง!

ใครจะไปรู้ว่าในใจของเด็กสาวผู้นี้คิดเรื่องประหลาดอันใดอีก เพื่อไม่ให้ตนเองได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ หนิงเซ่าชิงที่เข้าใจความคิดประหลาดของมั่วเชียนเสวี่ยก็ยังคงไม่เอ่ยถามออกมาสักประโยค แม้ว่าในใจจะอยากรู้มากก็ตาม

ความจริงแล้ว แม้ว่าหนิงเซ่าชิงจะถาม มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา!

จะให้นางเอ่ยกับคู่หมั้นตนเองว่า ‘ข้ากำลังจินตนาการภาพที่ท่านกลายเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับเช่นนั้นหรือ’

ช่างมันเถอะ นางยังไม่อยากตายเร็ว!

“เรียบร้อยแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะ ช่วงเวลานี้ ไปทันมื้อเย็นพอดี นับว่ามาทันเวลาที่พวกเขากินข้าวกันพอดี”

เอ่ยจบ หนิงเซ่าชิงก็จัดการอาภรณ์ของตนเองเล็กน้อย สูดลมหายใจสดชื่นเข้าไปเฮือกหนึ่งแล้วพามั่วเชียนเสวี่ยเข้าไปยังวัดเซียงกั๋วแห่งนี้

นับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างวัดเซียงกั๋วจนถึงตอนนี้ ก็มีประวัติศาสตร์มาหลายร้อยปีแล้ว ในราชวงศ์เทียนฉีก็นับว่าเป็นวัดโบราณที่เฟื่องฟูและมีประวัติศาสตร์วัฒนธรรมมาอย่างยาวนานที่สุด

ที่หาได้ยากก็คือ วัดแห่งนี้ผ่านมาหลายยุคสมัยแล้ว แต่ยังคงรุ่งโรจน์มากที่สุด!

แม้ว่าวัดเซียงกั๋วจะอยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก แต่กลับได้รับการต้อนรับฮ่องเต้สี่องค์กับไท่ซ่างหวางสององค์ก่อนหลังตามลำดับ และเหล่าเหนียงเหนียงผู้สูงศักดิ์ในวังก็ล้วนชอบมาจุดธูปอธิษฐานขอให้มีความสุขความเจริญที่นี่มากที่สุด

แม้ว่าจะเป็นเหล่าสตรีที่แต่งงานแล้วในตระกูลชนชั้นสูง เพียงแค่มีฐานะหน่อย ก็จะเลือกมาสวดมนต์ภาวนา อธิษฐานขอพรที่นี่

มือถูกหนิงเซ่าชิงจับจูงไว้แน่น ทั้งสองคนก้าวเดินด้วยฝีเท้าผ่อนคลายทว่าเคร่งขรึม ทีละก้าวๆ เข้าไปในวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และได้ครอบครองสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยมเช่นนี้!

บางทีเจ้าอาวาสหยวนเหรินผู้นั้นคงจะล่วงรู้ทุกอย่างราวกับเทพยดา หรือไม่ก็เป็นเพราะว่ารถม้าของพวกเขาจอดอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลากว่าครึ่งก้านธูป จึงได้ดึงความสนใจของผู้อื่น

เมื่อทั้งสองคนก้าวเข้าไปในประตูวัดเซียงกั๋ว ก็มีเณรน้อยสองรูปที่ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากที่ใด

มั่วเชียนเสวี่ยตะลึงไปเล็กน้อย ส่วนหนิงเซ่าชิงกลับมีสีหน้าสงบเงียบ

พระอาจารย์สองท่านนั้นแสดงความเคารพตามมาตรฐานของผู้เป็นพระภิกษุ หลังจากกล่าวว่าอามิตาพุทธแล้ว ก็เดินนำทั้งสองคนเข้าไปด้านใน

เรื่องทั้งหมดนี้ สำหรับมั่วเชียนเสวี่ยล้วนประหลาด และแปลกใหม่!

ตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ชีวิตต้องดิ้นรน ทุกวันล้วนยุ่งวุ่นวาย จึงไม่มีเวลาที่จะไปท่องเที่ยวและเยี่ยมชมประเทศสหรัฐอเมริกาดีๆ สักครา!

แต่ที่ทำให้นางประทับใจลึกซึ้งก็คือ ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะโน้มน้าวสปอนเซอร์เจ้าหนึ่ง และสปอนเซอร์เจ้านี้ก็เคร่งในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก

ดังนั้น ตอนนั้นนางจึงมโนภาพความรู้ทางด้านนี้สักหน่อย จึงพอจะรู้เรื่องสิบแปดอรหันต์ และยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ส่วนเรื่องอื่นล้วนถูกลืมไปแล้ว

และในยามนั้นการท่องเที่ยวในวัดล้วนถูกคนในยุคปัจจุบันย่ำยีจนแทบจะไม่หลงเหลือความรู้สึกของพุทธศาสนาในยุคโบราณเลยสักนิดเดียว

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท