ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองมือของนางที่วางอยู่บนหลังมือของตน ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสูงศักดิ์และหล่อเหลาของเขา “ทำไมข้าจะจับมันทำหมันไม่ได้”
ทำไมอย่างนั้นหรือ องค์ชายไม่คิดว่าการตัดสินทำหมันแมวเป็นเรื่องประหลาดหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยดึงผ้าห่มแล้วลุกขึ้นนั่งไขว่ห้าง “มันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของข้า” ในฐานะผู้เป็นนาย นางไม่สามารถทนดูสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของตนสูญพันธุ์ได้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชักมือกลับ แล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า “ก็ได้ ข้าจะไม่ทำหมันมัน แต่อย่าให้ข้าเห็นมันขึ้นมานอนบนเตียงของเจ้าอีก”
สาเหตุมาจากเรื่องนั้นหรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยรีบพยักหน้าทันที พลางคิดในใจว่าโรคคลั่งความสะอาดขององค์ชายคงกำเริบหนักอีกแล้ว นางจะต้องบอกให้เสี่ยวไป๋อยู่ห่างจากสายตาของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียแล้ว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยใช้มือแตะใบหน้าของเสี่ยวไป๋อย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงพามันออกไปข้างนอก
ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าออกมาจากมิติสวรรค์ง่ายๆ เช่นนี้ เข้าใจหรือไม่”
“เหมียว…” ในฐานะองค์ชายของเผ่าแมว สิ่งเดียวที่เขาต้องการในเวลานี้คือการกลับไปให้ผู้เป็นนายปลอบ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองมันยิ้มๆ “ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าทำตัวสนิทสนมกับนางเกินควรอีกละก็ ข้าจะหักขาแมวของเจ้าซะ”
เจ้าแมวขาวเบียดตัวเข้าไปในมิติสวรรค์แทบจะในทันที ช่างเป็นชายที่เจ้าเล่ห์เสียไม่มี! มันคงไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ แต่มันสามารถซ่อนตัวจากเขาได้
องค์ชายพอใจอย่างมากเมื่อเห็นภาพนี้
แต่กิเลนอัคคีกลับปรากฏตัวออกมา แล้วพึมพำใส่หูไป๋หลี่เจียเจวี๋ยว่า “นายท่านขอรับ ลมหายใจของคุณหนูเฮ่อเหลียนเวยเวยดูเหมือนจะไม่ค่อยสม่ำเสมอนะขอรับ เวลานี้ข้ายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุของมัน แต่ข้าคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ที่นางเลือกฝึกขอรับ”
“อืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นเรื่องนี้อยู่แล้วเช่นกัน เขาพูดต่อด้วยสีหน้าสูงส่งและเย็นชา “ลมหายใจของนางไม่สม่ำเสมอ ไม่ใช่เพียงเพราะสิ่งที่นางฝึกฝนอยู่ แต่ยังเป็นเพราะสภาพแวดล้อมอีกด้วย มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นรอบๆ สำนักไท่ไป๋ จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนความสงบของที่นี่อยู่อย่างแน่นอน เจ้าจงไปที่ด้านหลังของภูเขา และตรวจสอบดูว่ามีสัตว์อสูรเหลืออยู่หรือเปล่า”
“ขอรับ!” นายท่านช่างน่าประทับใจยิ่งนัก เขาฉลาดหลักแหลมอย่างมาก กิเลนอัคคีหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความประทับใจ และหายตัวไปในยามค่ำคืน
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ว่าองค์ชายสามพูดอะไรกับเสี่ยวไป๋หลังจากที่เขาพามันออกไป แต่มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่เขาจะสั่งสอนบทเรียนให้มัน และสั่งไม่ให้มันกระโดดขึ้นมาบนผ้าห่มอีกถ้าตัวมันสกปรก
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินเข้ามาแล้วตวัดสายตามองนางที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นจึงค่อยๆ ถอดเสื้อตัวนอกของตนออก นิ้วมือของเขาทั้งเรียวและงดงาม ทุกการกระทำของเขานั้นทำให้ใครต่อใครยากจะละสายตาไปจากเขาได้
ชิงจ้านกลับเข้ามาพร้อมกับอ่างใส่น้ำร้อนสำหรับเขา นางไม่กล้าปรนนิบัติเขาด้วยตัวเอง แต่นางจำเป็นต้องส่งผ้าเช็ดตัวให้กับเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยิบผ้าเช็ดตัวชุบน้ำหมาดๆ มาจากชิงจ้านก่อนเช็ดหน้าตัวเอง จากนั้นเขาก็จิบน้ำผสมใบป๋อเหอที่นางส่งให้ก่อนบ้วนออกมา ดูเหมือนเขาพร้อมที่จะเข้านอนแล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ห้องนี้คือห้องของนางมิใช่หรือ
เขาสับสนที่นอนหรือเปล่า
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงคว้าผ้าห่มไว้แน่น นางมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถอดชุดของตนออกทีละชิ้น พลางปลดกระดุมที่แขนเสื้อของตน แต่เขาก็ยังมองนางไม่วางตา
เฮ่อเหลียนเวยเวยสัมผัสได้ว่าอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นในร่างของนางเริ่มอยู่ไม่สุข นางหันหน้าไปอีกทาง แล้วพิงตัวเข้ากับผนังอันเย็นเยียบ
นางยังต้องการนอนต่อเพื่อเก็บแรงเอาไว้
แต่ในวินาทีต่อมา นางกลับได้กลิ่นไม้จันทน์อันคุ้นเคยลอยมาจากทางด้านหลัง
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ต้องหันหน้ากลับไปก็รู้ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปีนขึ้นเตียงมาแล้ว นางเบียดตัวเองชิดติดกับผนังยิ่งกว่าที่เคย
แต่ผ้าห่มส่วนใหญ่กลับอยู่ที่อีกฝั่ง และห้องนี้ก็ติดจะหนาวอยู่เล็กน้อยหลังจากฝนตก
เฮ่อเหลียนเวยเวยทนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แล้วบอกว่า “ผ้าห่ม”
“เจ้าอยากได้หรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังไม่ได้ล้มตัวลงนอน เขาเอนตัวพิงหัวเตียง พร้อมกับถือม้วนกระดาษเก่าๆ ไว้ในมือ เขามองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างเกียจคร้านด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองของของตัวเอง จากนั้นเขาจึงวางม้วนกระดาษลง แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็มาทางนี้ ข้าเป็นอสุรกายหน้าตาน่าเกลียดหรือไร ทำไมเจ้าต้องเบียดตัวเองเข้าหากำแพงด้วย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดในใจว่าท่านไม่ใช่อสุรกายหน้าตาน่าเกลียดเสียหน่อย นางกลัวว่านางจะสูญเสียการควบคุมแล้วกระโจนเข้าใส่องค์ชายสามต่างหาก หากเป็นเช่นนั้นนั่นคงจะเลวร้ายทีเดียว
“มานี่” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออกคำสั่งอีกครั้ง
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระซิบ “ท่านก็มีเตียงของตัวเองอยู่แล้ว จะมาห้องข้าแล้วแย่งผ้าห่มกับข้าทำไมกัน” จากนั้นนางก็ขยับไปทางฝั่งเขา
แต่อันที่จริงการนอนข้างกันเช่นนี้ก็สบายดีเหมือนกัน
กลิ่นที่อยู่บนตัวของเขานั้นหอมหวานยิ่งนัก มันทำให้นางรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกสะกดจิตอยู่โดยไม่รู้ตัว
เขาดูจะชอบผมของนาง นางรู้สึกผ่อนคลายกับสัมผัสนั้นในตอนที่เขาโอบแขนรอบตัวนางเช่นกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลง ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป ในเมื่อองค์ชายสามมีนิสัยนอนติดหมอนข้าง เช่นนั้นข้าก็จะแกล้งเป็นหมอนข้างให้ก็แล้วกัน อย่างไรการทำเช่นนั้นก็ดูเหมือนจะไม่เสียหายอะไร และที่สำคัญมันก็ยังสบายดีอีกด้วย หืม... ผู้ชายหุ่นดีได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไม่ใช่แค่ดูดีเพียงอย่างเดียวแต่ยังใช้การได้ดีอีกด้วย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆ หนุ่มๆ พวกนั้นถึงได้อยากได้เขาจนน้ำลายไหล
เฮ่อเหลียนเวยเวยถอนหายใจ ผู้ชายหน้าตาดีย่อมสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าผู้หญิงเป็นไหนๆ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเขารู้ เขาคงนึกอยากแกล้งนางขึ้นมาอีก
เขาดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน แล้วลูบศีรษะเหยื่อของตนเบาๆ สัมผัสกับเส้นผมอ่อนนุ่มที่อยู่ใต้ฝ่ามือ ดวงตาของเขาปรากฏรอยยิ้มออกมา เขาดูพึงพอใจกับสถานการณ์นี้อย่างมาก
ความจริงแล้วไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังรู้สึกพอใจอยู่จริงๆ
เขาชอบความรู้สึกตอนที่ได้กอดเฮ่อเหลียนเวยเวย ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชอบความรู้สึกว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ต้องพึ่งพาเขา แต่เขาก็เป็นคนที่จู้จี้จุกจิกกับการเลือกเหยื่อของตนยิ่งนัก
กระทั่งถึงตอนนี้ก็มีเพียงเฮ่อเหลียนเวยเวยแค่คนเดียว นางทั้งหอมและอุ่น ตัวของนางนุ่มนิ่มยิ่งนักตอนที่เขากอดนางเอาไว้
ยิ่งตัวของนางนุ่มเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากหยิกนางแรงขึ้นเท่านั้น ความคิดนั้นวนเวียนอยู่ในใจของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจนกระทั่งทั้งสองผล็อยหลับไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังอยู่ในท่าเดิมจนใกล้จะรุ่งสาง เขาถูไถส่วนอุ่นร้อนของตนเข้ากับเฮ่อเหลียนเวยเวยซ้ำไปซ้ำมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยลืมตาขึ้นมาในทันที นางกัดริมฝีปากตัวเอง นี่ นี่มัน…
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังหลับอยู่ คิ้วยาวสมบูรณ์แบบของเขาขมวดเข้าหากันโดยสัญชาตญาณ จังหวะการหายใจของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือของเขาที่อยู่รอบตัวเฮ่อเหลียนเวยเวยออกแรงดึงนางเข้ามาหาตัว ดวงตาของเขายังปิดแน่น ขนตาของเขายาวจนน่าอิจฉา
เฮ่อเหลียนเวยเวยสัมผัสได้ถึงส่วนร้อนระอุที่เสียดสีร่างกายของตนอยู่ได้อย่างชัดเจน สัมผัสนั้นทำให้นางหมดเรี่ยวแรงและตัวชาไปทั้งร่าง
จากนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็พาดขาของตนกับร่างของนาง ทำให้ร่างของพวกนางแนบชิดสนิทเข้าหากัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าทุกส่วนในร่างกายของนางที่ถูกสัมผัสนั้นกำลังลุกเป็นไฟ
ทั้งสองใช้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ดังนั้นในทุกครั้งที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับตัว มันจึงเกิดเสียงเสียดสีดังตามมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
หูของเฮ่อเหลียนเวยเวยร้อนระอุ นางอยากผลักเขาออกไป แต่นางก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้เมื่อลมหายใจร้อนๆ ของชายหนุ่มรดลงที่ต้นคอของนาง