ถึงแม้จะมาอย่างเงียบสนิท แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ประตูเมือง ข่าวการเข้าเมืองหลวงขององค์ชายหกก็แพร่กระจายออกไปราวกับสายลม
แต่เมื่อเทียบกับองค์ชายอื่น เห็นได้ชัดว่าองค์ชายหกไม่ได้ก่อให้เกิดความสนใจของราษฎรมากนัก
องค์ชายเล็กที่ป่วยมานานและไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนถูกรับมา ล้วนถูกคาดเดาว่าใกล้จะไม่ไหว เมื่อไม่อาจอยู่ข้างกายฮ่องเต้ หลังตายย่อมต้องฝังไว้บริเวณใกล้เคียงเมืองหลวง สุสานเมืองหลวงใหม่ถูกเลือกไว้แล้วบริเวณนอกเมือง เมื่อถึงเวลาองค์ชายหกสามารถฝังได้ทันที
เหล่าสนมในวังต่างสงสัย พยายามมาเยี่ยมเยือนแต่ก็ถูกปฏิเสธ จนกระทั่งสี่วันต่อมา ฮ่องเต้เรียกทุกคนมา ทั้งสนม องค์หญิงและองค์ชาย พระชายานำองค์หญิงและองค์ชายตัวน้อยมา อัดแน่นเต็มห้อง
“เหล่าหมอหลวงใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้องค์ชายหกฟื้นขึ้นมา” ขันทีจิ้นจงยกแขนเสื้อซับน้ำตา “อันตรายเหลือเกิน”
แต่ก็ราวกับว่าใช้หมอหลวงเพียงไม่กี่คน พระสนม องค์หญิงและองค์ชายทั้งหลายภายในห้องต่างมีสีหน้าเศร้าโศกเล็กน้อย แต่มากกว่านั้นคือฉงน หมอหลวงจางในสำนักหมอหลวงไม่ได้มา หมอหลวงจางเสนอตนเอง แต่ก็ถูกฮ่องเต้ปฏิเสธ “ไม่ต้อง เขาไม่ได้ป่วย เพียงแค่บกพร่องแต่กำเนิด ใช้ยาบำรุงก็พอ”
ฮ่องเต้กระแอมไอทีหนึ่ง “เอาเถิด สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ต้องพูดแล้ว คนตื่นแล้วก็รีบเข้าพบเถิด”
ทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้ต่างมีสีหน้าซับซ้อน ทุกคนต่างมองหน้ากัน ดังนั้นองค์ชายหกเหลือเวลาไม่มากแล้วจริงหรือ
ขันทีตัวน้อยสองคนดึงม่านในตำหนักด้านข้างขึ้น เตียงหลังหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน บนเตียงมีชายหนุ่มนอนตะแคงอยู่ เขาสวมชุดสีขาว เขารู้ว่าด้านนอกมีคนมาเยี่ยมจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อม่านเปิดขึ้น เขาจึงลุกขึ้นนั่ง
ไม่รู้ว่าเขาลุกขึ้นช้า หรือว่าสายตาของทุกคนชะงัก การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มตรงหน้าถูกยืดยาว ลำตัวอ่อน ท่าทางการลุกที่แสนง่ายดายนั้น เขาทำราวกับกำลังเต้นรำ
เขานั่งตัวตรง สองมือวางอยู่บนหัวเข่า มองทุกคนตรงๆ เผยยิ้มออกมา
“เหนียงเหนียง ท่านพี่ น้องหญิง” เขาพูด “ไม่พบกันนาน”
หญิงงามในวังมีไม่มาก แต่ก็ใช่ว่าไม่มี แต่เมื่อได้พบคนผู้นี้ ทุกคนยังคงผงะ จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
“พี่หก!” องค์หญิงจินเหยาเรียกขาน เบียดตัวพุ่งเข้าไปหาฉู่อวี๋หยง ยืนอยู่ต่อหน้าเขา ร้องไห้ออกมา
ฉู่อวี๋หยงมองนาง พูด “จินเหยาหรือ โตเพียงนี้แล้วหรือ ข้าแทบจะจำไม่ได้แล้ว”
องค์หญิงจินเหยาราวกับสำลักน้ำตา นางหยุดร้องไห้ กระแอมไอพลางพูด “ท่านดูให้ดี จำให้ดี”
คนอื่นต่างดึงสติกลับมา มั่นใจว่าชายหนุ่มที่งดงามเกินจริงนี้คือองค์ชายหก ฉู่อวี๋หยง
เด็กๆ อาจไม่รู้สึก แต่เหล่าสนมอย่างพระสนมเสียน พระสนมสวีต่างระลึกขึ้นได้ พวกนางสามารถมองเห็นนางในที่ถูกฮ่องเต้โปรดปรานเพราะความงามจากใบหน้าของฉู่อวี๋หยง…
“อาอวี๋” องค์รัชทายาทเดินขึ้นหน้าเรียกขานเขาเสียงเบา มองเขา “ข้าก็แทบจำเจ้าไม่ได้ เจ้ามีชีวิตชีวากว่าหลายปีก่อนมาก”
ฉู่อวี๋หยงยกแขนเสื้อขึ้นกระแอมไอสองที เรียกขานองค์รัชทายาท “ท่านผอมลงกว่าแต่ก่อนมาก เหน็ดเหนื่อยมากใช่หรือไม่”
องค์รัชทายาทยิ้ม “ไม่เหนื่อย”
“อาอวี๋” องค์ชายสองตามหลังมา ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น “ดี ดี มาก็ดี”
องค์ชายสามมองฉู่อวี๋หยงด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นพี่สามของเจ้า ซิวหยง ร่างกายข้าหายดีแล้ว” เขาเดินขึ้นหน้า ยื่นมือออกไป
ฉู่อวี๋หยงมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ยินดีกับพี่สาม ข้าได้ข่าวแล้ว” เขายื่นมือออกไปจับมือขององค์ชายสาม
องค์ชายสามมองมือที่จับไว้ด้วยกัน ยิ้มให้ชายหนุ่ม “ข้ามอบโชคดีนี้ให้เจ้า”
ฉู่อวี๋หยงกล่าวขอบคุณ
“เอ๊ะ หากพูดเช่นนี้ พี่สามท่านไม่ควรส่งหญิงสาวเมืองฉีนั้นจากไป” องค์ชายสี่ตะโกน “ให้นางเฉือนเนื้ออีกครั้งก็สามารถรักษาน้องหกได้แล้ว”
“พูดเหลวไหลอันใดกัน!” ฮ่องเต้ตะโกนอยู่ด้านนอก “ร่างกายของอาซิวกับอาอวี๋เหมือนกันหรือ”
คนหนึ่งต้องพิษ อีกคนร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ไม่เหมือนกัน อีกทั้งฮ่องเต้ไม่ชอบให้ผู้อื่นพูดเรื่องโรคขององค์ชายสาม องค์ชายสี่หดหัวไม่พูดด้วยความกลัว
พระสนมสวีรีบเปลี่ยนเรื่อง “เสี่ยวอวี๋ยิ่งโตยิ่งรูปงาม เหมือนเสด็จแม่ของเขา”
นางในที่อาศัยความงามผู้นั้นก็มีร่างกายอ่อนแอ ฮ่องเต้แทบอยากจะนำยาบำรุงทั้งสำนักหมอหลวงให้นางกิน แต่ก็ไร้ประโยชน์
มันเป็นชะตากรรม
ฉู่อวี๋หยงยิ้ม องค์หญิงจินเหยาไม่พอใจ พูดอย่างมีนัย “สวีเหนียงเหนียง พี่สามเหมือนท่านหรือว่าเหมือนเสด็จพ่อหรือ”
องค์ชายสามก็ร่างกายไม่ดี หากเหมือนพระสนมสวี ย่อมเป็นความไม่ดีของพระสนมสวี หากเหมือนฮ่องเต้ ย่อมเป็นการโทษฮ่องเต้ไม่ได้ดูแลองค์ชายสามอย่างดี พระสนมสวีชะงักไป ตกตะลึงเล็กน้อย ถึงแม้องค์หญิงจินเหยายโสเนื่องจากฮองเฮารักใคร่ แต่นางไม่เคยบีบเค้นผู้อื่นเช่นนี้
นางเพียงแค่พูดถึงองค์ชายที่แทบจะถูกทุกคนลืมไปเท่านั้น องค์หญิงจินเหยากำลังปกป้องเขา?
นางคิดมาเสมอว่า องค์หญิงจินเหยาสนิทกับองค์ชายสามมากยิ่งกว่า เพราะเหตุใดกัน
พระสนมสวีอมยิ้ม สายตาจับจ้องไปยังองค์หญิงจินเหยากับองค์ชายหก
“ไม่ว่าจะเหมือนผู้ใด พวกเราล้วนเป็นลูกของเสด็จพ่อ” ฉู่อวี๋หยงพูด มองเหล่าองค์ชายและองค์หญิงตรงหน้า สายตาสดใสเต็มไปด้วยความดีใจ “ได้พบพี่น้องทุกท่าน ข้าดีใจอย่างมาก”
องค์หญิงจินเหยานั่งลงข้างกายเขา พูดด้วยรอยยิ้ม “ต่อจากนี้ทุกคนอยู่ด้วยกันแล้ว พี่อาอวี๋ต่อจากนี้ต้องดีใจทุกวัน ทุกคนดีใจ เสด็จพ่อยิ่งดีใจ…ใช่หรือไม่เพคะ เสด็จพ่อ”
ฮ่องเต้ยืนอยู่บริเวณม่าน ราวกับตอบรับแต่ก็ราวกับไม่ได้ตอบรับ
“เสด็จพ่อ” องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่หกมาแล้ว พวกเราจัดงานเลี้ยงเถิด คึกคักเสียบ้าง”
เมื่อเห็นมีคนเสนอ พระสนมเสียนที่รับผิดชอบในการจัดงานเรื่องในวังหลังจึงยิ้มขึ้นมา “ให้ทุกคนได้พบองค์ชายหกบ้าง ไม่ได้พบมานานแล้ว จำไม่ได้กันแล้ว”
พระชายากำลังบอกให้แม่นมอุ้มเด็กสองคนไปอยู่ด้วยกัน ทางฮ่องเต้ทำหน้าดำทะมึน “จัดงานเลี้ยงอันใด เขายังไม่หายดี”
พระชายารีบให้แม่นมรับเด็กสองคนเอาไว้
พระสนมเสียนพยักหน้าตาม “ใช่ องค์ชายหกไม่อาจอยู่ในที่แออัดแต่เด็ก ตอนนั้นหมอหลวงบอกแล้ว องค์ชายหกต้องอยู่ในที่สงบ”
ฮ่องเต้มองคนเต็มห้อง รู้สึกถึงเพียงความไม่สงบ “เอาเถิด พวกเจ้าพบเขาแล้วก็แยกย้ายกันไปเถิด” ก่อนจะถามขันทีจิ้นจง “จวนเลือกไว้แล้วหรือไม่”
ขันทีจิ้นจงตอบรับ “เลือกแล้วตามรับสั่งของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เขาหยิบภาพวาดหนึ่งออกมา “ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร”
ฮ่องเต้โบกมือ “ข้าไม่ดูแล้ว เลือกตามจวนทางซีจิงก็พอ”
คนในห้องพอคาดเดาได้ องค์หญิงจินเหยาถามขึ้นทันที “เสด็จพ่อ ยังต้องให้พี่หกออกไปอยู่ด้านนอกหรือเพคะ”
ฮ่องเต้พูด “ไต้ฟูกำชับมาเช่นนี้ ทำเพื่อเขา” ก่อนจะมองคนอื่น “อีกอย่าง ไม่เพียงแต่เขา พวกเจ้าก็สมควรแยกจวนกันแล้ว”
ประโยคเดียวทำให้ภายในห้องเกิดเสียงโหวกเหวก จะแยกจวนให้เหล่าองค์ชายหรือ? มันเป็นเรื่องใหญ่ พวกเขาล้วนลืมไปแล้วว่ามาเยี่ยมองค์ชายหก พระสนมทั้งหลายล้อมรอบฮ่องเต้ซักถาม
ฮ่องเต้ปวดศีรษะกับเสียง “ภาพวาดจวนล้วนอยู่ทางนั้น พวกเจ้าดูเอง เลือกที่เอง”
พระสนมสวีและพระสนมเสียนจึงไม่เกรงใจ พวกนางต่างเดินมาที่หน้าโต๊ะ คลี่ภาพที่กระจัดกระจายออก ก่อนจะเรียกขานองค์ชายของตนเองเข้าไป องค์ชายสี่ไม่มีเสด็จแม่ ถูกเลี้ยงดูโดยพระสนมเสียนเสมอมา ดังนั้นเขาจึงรีบเดินเข้าไป เพื่อไม่ให้พระสนมเสียนจำได้แต่องค์ชายสองจนลืมตนเอง
พระชายามีเด็กติดมา เหล่าองค์หญิงก็ต่างเดินเข้าไป องค์รัชทายาทยืนต่อหน้าฮ่องเต้ซักถามเรื่องการแยกจวนขององค์ชายเสียงเบา เรื่องที่ต้องเตรียมการมีมากมาย ทั้งราชสำนักต้องยุ่งขึ้นมา
ทางตำหนักด้านข้างเหลือเพียงองค์หญิงจินเหยากับฉู่อวี๋หยง
เด็กที่มีมารดาดีเสียจริง องค์หญิงจินเหยาคิด มองเหล่าพระสนมและองค์ชายทางนั้น มือที่คล้อยลงกำแน่น สีหน้าแย่ลงเรื่อยๆ
ฉู่อวี๋หยงยื่นมือดึงแขนเสื้อของนางเอาไว้
องค์หญิงจินเหยาหันไปมองนาง
“เจ้าเข้าไปช่วยข้าดู” ฉู่อวี๋หยงส่งสายตาให้นาง “ข้ายังคงเหมือนเดิม”
ความโศกเศร้าอย่างประหลาดภายในใจขององค์หญิงจินเหยาสลายไปทันที นางสูดลมหายใจเข้า ใช่ พี่หกไม่ใด้ไม่มีสิ่งใดแม้แต่น้อย เขายังมีนาง!
“วางใจเถิด” องค์หญิงจินเหยาพยักหน้าให้เขา เงยหน้าพุ่งตรงไปยังขันทีจิ้นจง “ให้ข้าดูที่เจ้าเลือกให้พี่หก” ก่อนจะเบียดไปอยู่ที่หน้าโต๊ะ “ข้าจะดูว่าจวนเหล่านี้ล้วนอยู่ที่ใด”
ทางตำหนักด้านข้างสงบลงอย่างสิ้นเชิง ฉู่อวี๋หยงมองเหล่าพระสนมและองค์ชายที่เบียดอยู่ทางนั้น ก่อนจะมององค์รัชทายาทที่กำลังพูดคุยกับฮ่องเต้ตรงหน้า เขาค่อยๆ นอนตะแคงกลับลงบนเตียง หลับตาลง นิ้วมือเคาะลงข้างตัวอย่างอารมณ์ดี