หวังเจียนถูกเฉินตันจู อาเถียนและจู๋หลินล้อมเอาไว้
เหล่าทหารด้านนอกจวนองค์ชายหกไม่ได้ล้อมเข้ามาอีก หวังเจียนวิ่งเข้าไปเอง องครักษ์หลวงผู้นั้นมีป้ายคาดเอว หญิงสาวผู้นี้คือเฉินตันจู พวกเขาไม่ได้มีเจตนาบุกจวนองค์ชายหก ดังนั้นเหล่าทหารจึงไม่สนใจ
หวังเจียนมองเฉินตันจู กัดฟันด้วยความโกรธ “คุณหนูตันจู เจ้าใส่ร้ายผู้อื่นอย่างไม่อับอาย”
เฉินตันจูย่อมไม่คิดว่าหวังเจียนทำให้แม่ทัพหน้ากากเหล็กต้องตาย นางเพียงแค่เห็นว่าหวังเจียนจะหนี จึงพูดไปเพื่อรั้งเขาเอาไว้ มีเพียงแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่รั้งหวังเจียนเอาไว้ได้ เป็นไปตามคาด…
“ข้าแค่เดาเท่านั้น” เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่”
หวังเจียนส่งเสียงไม่พอใจ
“แต่ หวังไต้ฟู ท่านบอกว่าท่านควรเป็นคนพูดประโยคนั้น” เฉินตันจูมองเขา “หมายความว่าข้าเป็นคนทำให้ท่านแม่ทัพต้องตายหรือ”
อาเถียนถลึงตามองหวังเจียนอย่างโกรธเคือง “ใช่ เหตุใดท่านจึงใส่ร้ายคุณหนูข้า พูดให้กระจ่าง”
ฟังดูแล้วเหมือนเป็นการซักถามด้วยความไม่พอใจ แต่…หวังเจียนเหลือบมองเฉินตันจู ภายในดวงตาของหญิงสาวนี้มีความเศร้าหมองที่ไม่อาจซ่อนเอาไว้ นางถามออกมา ไม่ใช่การซักถามหรือไม่พอใจ หากแต่เพื่อเป็นการยืนยัน
ดังนั้นเฉินตันจูคิดว่าการตายของแม่ทัพหน้ากากเหล็กเกี่ยวกับนาง
เหตุใดกัน เจ้าเด็กคนนั้นตายล่วงหน้าเพื่อไม่ให้นางคิดเช่นนี้ สุดท้าย…หวังเจียนอยากหัวเราะ เขาทำหน้าบึ้ง แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่นางพูด ถาม “คุณหนูตันจูหมายความว่าอย่างไร”
หมายความว่าตอนที่เขาไปช่วยนาง ท่านแม่ทัพมีอาการกำเริบแล้วใช่หรือไม่ หรือหมายความว่าท่านแม่ทัพมีอาการกำเริบในเวลานี้
เพราะหวังเจียนไปช่วยนางในเวลาที่สำคัญที่สุด ดังนั้นจึงรักษาแม่ทัพหน้ากากเหล็กล่าช้า ทำให้ท่านแม่ทัพไม่อาจรักษาได้อีก
ดังนั้น ท่านแม่ทัพตายเพราะนาง
แต่ นางถามเรื่องนี้กับหวังเจียนจะมีความหมายอันใด ไม่ว่าหวังเจียนตอบใช่หรือไม่ใช่ ท่านแม่ทัพก็จากไปแล้ว
เฉินตันจูมองหวังเจียน ก่อนจะยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ไม่ได้หมายความอย่างไร ไม่ได้พบท่านมานานแล้ว ทักทายเสียหน่อย”
ผู้ใดใช้คำว่าทำให้ผู้อื่นตายเป็นการทักทายบ้าง! หวังเจียนระอา ภายในใจรู้ดีว่าเหตุใดเฉินตันจูจึงไม่ถาม เจ้าเด็กคนนี้คิดว่าการตายของแม่ทัพหน้ากากเหล็กเกี่ยวข้องกับนางอย่างแน่นอน
เจ้าเด็กคนนั้นตั้งใจไม่ให้เฉินตันจูคิดเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เขาแทบอยากจะวิ่งเข้าไปบอกเรื่องนี้กับฉู่อวี๋หยงทันที…ดูว่าฉู่อวี๋หยงจะมีสีหน้าอย่างไร หึ!
“คุณหนูตันจู เจ้ามีเรื่องอื่นหรือไม่ หากไม่มีข้ายังมีเรื่องต้องทำ”
เฉินตันจูไม่ได้หลบทาง นางเพิ่งนึกขึ้นได้ มองไปยังจวน “หวังไต้ฟู ท่านมาทำอันใดที่นี่”
มีเรื่องเรียกไต้ฟู ไม่มีเรื่องก็กลายเป็นไต้ฟูแล้ว หวังเจียนชี้ไปที่ชุดขุนนางบนตัว “องค์หญิง ท่านควรเรียกข้าว่าหมอหลวงหวัง”
เวลานี้ เฉินตันจูเพิ่งสังเกตเห็นชุดขุนนางบนตัวเขา ก่อนจะมองหมวกขุนนางของหวังเจียน อดหัวเราะออกมาไม่ได้
หวังเจียนขุ่นเคือง “หัวเราะอันใด”
“ดูประหลาด” เฉินตันจูพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะมองจวนองค์ชายหกอีกครั้ง “ดังนั้นท่านมารักษาให้องค์ชายหกหรือ”
หวังเจียนพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ท่านแม่ทัพไม่อยู่แล้ว ข้าไร้ที่พึ่งในสำนักหมอหลวง งานเหนื่อยย่อมต้องเป็นของข้า”
บอกกันว่าองค์ชายหกบกพร่องแต่กำเนิด มันไม่ใช่โรค ยากที่จะเห็นผลการรักษา อีกทั้งองค์ชายหกไม่ได้รับความโปรดปราน การเป็นหมอหลวงของเขาไม่ใช่เรื่องที่ดีมากนัก เฉินตันจูเงียบไปสักพัก เห็นหวังเจียนทำท่าจะเดินจากไปอีกครั้ง นางเรียกเขาเอาไว้ “หวังไต้ฟู อันที่จริงข้าเห็นองค์ชายหกมีชีวิตชีวามาก ท่านตั้งใจบำรุงให้เขา เขาย่อมมีชีวิตได้ยืนยาว อีกทั้งยังสามารถพิสูจน์ฝีมือของท่าน ทั้งได้ชื่อเสียงทั้งได้บุญกุศล”
โอ๊ะ นางกำลังเป็นห่วงองค์ชายหกหรือ หวังเจียนส่งเสียงจิ๊ปาก “คุณหนูตันจูช่างหลายใจ”
เฉินตันจูไม่สนใจน้ำเสียงเสียดสีของเขา พูด “ใช่แล้ว หวังไต้ฟู คนย่อมต้องหลายใจบ้าง จะได้มีทางเพิ่มมากขึ้น ท่านต้องใส่ใจองค์ชายหกให้มาก ไม่แน่ว่าหากท่านใส่ใจมาก จะได้รับการทดแทนอย่างลึกซึ้ง หากองค์ชายหกหายดีขึ้นมา ท่านคงจะเจริญก้าวหน้า”
เอ่ยปากก็มีแต่ความเหลวไหล คิดว่าผู้ใดล้วนหลอกง่ายเหมือนแม่ทัพหน้ากากเหล็กหรือ หวังเจียนส่งเสียงไม่พอใจ หันหลังเดินจากไป เมื่อเขาเดินไปถึงหน้าประตูจวนก็หยุดลง เอ่ยถาม “คุณหนูตันจู เจ้าอยากเข้ามาใช่หรือไม่”
เฉินตันจูยังไม่ทันพูด หวังเจียนก็จับประตู ยิ้มพลางโบกมือ “เจ้าเข้ามาไม่ได้หรอก ฝ่าบาทมีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวนองค์ชายหก ทหารเหล่านี้ล้วนสามารถสังหารได้อย่างไม่มีข้อยกเว้น”
พูดพลางเงยหน้าหัวเราะเดินเข้าไป
เฉินตันจูหัวเราะ อาเถียนมองเหล่าทหารที่จ้องมองพวกเขาอีกครั้งหลังจากหวังเจียนจากไป นางกังวลเล็กน้อย แต่เตรียมพร้อมแล้ว หากคุณหนูอยากลองบุกเข้าไป นางย่อมต้องพุ่งตัวออกไปก่อนคุณหนู ดูว่าทหารเหล่านั้นจะสังหารอย่างไม่มีข้อยกเว้นจริงหรือไม่
เฉินตันจูไม่แม้แต่จะก้าวเท้า นางหันหลังเดินกลับขึ้นรถ “ไปเถิด ไปเถิด”
อาเถียนโล่งอก ก่อนจะเศร้าโศกเล็กน้อย เฮ้อ คุณหนูไม่อาจเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เฉินตันจูนั่งขึ้นรถ เมื่อเห็นสีหน้าของอาเถียน นางก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ได้อยากพบองค์ชายหก เพียงแค่บอกว่ามาดูเท่านั้น ข้าแค่สงสัยจึงเดินทางมาดู ได้พบกับหวังเจียนเป็นแค่ความบังเอิญ”
อย่างนี้หรือ อาเถียนวางใจ ให้จู๋หลินเคลื่อนรถอย่างดีใจ จู๋หลินสะบัดแส้เร่งม้า จากไปอย่างรวดเร็ว
แต่ว่า คุณหนูยังคงเป็นกังวลเรื่ององค์ชายหกมาก อาเถียนมองไปทางด้านหลังผ่านม่านรถ อีกทั้งยังกำชับหวังไต้ฟูให้ดูแลองค์ชายหกให้ดี
…
“คุณหนูตันจูพูดเช่นนี้จริงหรือ” ภายในห้องนอน ฉู่อวี๋หยงที่ถือคันธนูหนึ่งถามขึ้น บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม “นางเป็นห่วงข้าหรือ”
เขาเพิ่งอาบน้ำ ทั้งตัวยังเปียกชื้น ผมดำขลับยังไม่แห้งสนิท เพียงแค่มัดอย่างง่ายดายปล่อยไว้ด้านหลัง เขาสวมชุดสีขาวราวหิมะ ยืนอยู่ภายในห้องที่กว้างขวาง หันกลับมายิ้ม หวังเจียนรู้สึกตาลาย
หวังเจียนยิ่งขุ่นเคือง พูด “ท่านคิดมากไปแล้ว นางไม่ได้เป็นห่วงท่าน กลอุบายนี้เฉินตันจูเคยใช้กับชายมากมาย นางเป็นห่วงองค์ชายสาม จางเหยา พูดจาหวานกับแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่หยุด มันไม่ใช่ความเป็นห่วง หากแต่เป็นการประจบ”
ฉู่อวี๋หยงพยักหน้าอมยิ้ม “ท่านพูดถูก ตันจูประจบพวกเขาจริง ไม่ส่งยาก็รักษาโรค แตกต่างจากข้า ท่านดู นางไม่ได้ส่งยาหรือบอกว่าจะรักษาข้า”
ฟังแล้วรู้สึกแปลกประหลาด หวังเจียนถลึงตาถาม “ดังนั้น?”
ฉู่อวี๋หยงผายไหล่ออก ยกคันธนูขึ้น เล็งไปยังเป้าที่วางอยู่ตรงหน้า “ดังนั้นนางเป็นห่วงข้า ไม่ได้ประจบข้า”
หวังเจียนหัวเราะ “ท่านช่าง ท่านกำลังปลอบตัวเอง เหตุใดเฉินตันจูไม่บอกว่าจะรักษาโรคแล้ว เพราะว่านางถูกองค์ชายสามทำลายจิตใจ ต่อจากนี้นางล้วนไม่รักษาให้ผู้ใดทั้งสิ้น”
พูดพลางกุมหน้าอกถอนหายใจยาว
“คุณหนูตันจูเพียงแค่ไม่อยากตามรอยเก่า ปิดกั้นหัวใจเอาไว้เท่านั้น”
หญิงสาวที่เสียใจปิดกั้นหัวใจเอาไว้ ไม่มีทางหวั่นไหวต่อผู้อื่นอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความห่วงใย
ฉู่อวี๋หยงวางคันธนูลง ยื่นให้เฟิงหลินด้วยมือเดียว เฟิงหลินรับมาสองมือ
“หวังไต้ฟู ท่านพูดถูก แต่” เขาเดินไปทางประตูอย่างช้าๆ “หญิงสาวคนอื่นอาจใช่ แต่เฉินตันจูไม่ใช่คนแบบนั้น”
นางไม่หวาดกลัวการทำร้ายหรือทรยศ ถึงแม้จะเสียใจ จะเศร้าโศก แต่ไม่มีทางตายใจ หัวใจของนางยังคงร้อนระอุ เต็มไปด้วยความคาดหวังต่อโลกและผู้คน นางมองเห็นเขา รู้จักเขา นางย่อมมีเจตนาดีต่อเขา
แต่ก่อนนางเป็นห่วงผู้อื่นเช่นนี้ อันที่จริงไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน