ตอนที่ 401 มายึดบ้านคืน
แม่หม่าไม่กลัวอดีตลูกสะใภ้เถาจืออวิ๋นแล้ว
เบื้องหลังของหล่อนแข็งแกร่งแล้วอย่างไรล่ะ? ตอนที่ยังเป็นลูกสะใภ้ หล่อนยังไม่อนุญาตให้ใครมายุ่งเลย!
นางรีบพุ่งไปข้างหน้าเถาจืออวิ๋น ง้างมือเตรียมจะตบ
ปากก็ตะโกนว่า “ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าให้ลูกชายฉันเช่าบ้าน เก็บเงินลูกชายเราไปตั้งเยอะ เธอยังจะไม่สำนึกอีก! นังสารเลว!”
เมื่อเห็นว่าฝ่ามือกำลังจะตบลงบนใบหน้าขาวสวยของเถาจืออวิ๋น หัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยก็เข้ามาจัดการอย่างรวดเร็ว
เมื่อจับมือของแม่หม่าที่จะเข้ามาทำร้ายไว้ได้ก็เหวี่ยงนางลงกับพื้นอย่างแรง
ก่อนพูดด้วยความโมโห “ใครใช้ให้คุณกล้าดีขนาดนี้? ต่อหน้าผมยังกล้าทำร้ายคนอีก!”
แม่หม่าที่ล้มลงบนพื้นเริ่มร้องโอดโอยทำท่าสะดีดสะดิ้งขึ้นมา “โอ๊ย! เอวฉัน ขาฉันเหมือนจะหักแล้ว…”
จากนั้นก็กล่าวโทษหัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยราวกับสุนัขบ้าตัวหนึ่ง “คุณทำร้ายฉัน คุณต้องจ่ายค่ารักษา!”
ไม่เพียงแต่หัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยเท่านั้นที่โมโหกับความหน้าด้านของนาง สายตาของกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ เองก็ฉายแววเหยียดหยามด้วยเช่นกัน
พวกเขาต่างก็กล่าวว่าแม่หม่าไร้ยางอาย เมื่อใช้ความรุนแรงทุบตีคนอื่นไม่ได้ก็รีดไถคนอื่นทันที
แม่หม่าเหมือนหมูที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวก และพูดออกมาแบบนั้นว่า “ฉันจะรีดไถใคร แล้วพวกคุณจะทำไมกับฉัน?”
หม่าเทา รักแรกของเขา รวมทั้งพ่อหม่าต่างก็เบียดกันอยู่ตรงมุมห้องไม่ส่งเสียง ปล่อยให้แม่หม่าทำต่อไป
แม่หม่าใช้การกระทำนี้เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย แล้วพวกเขาทุกคนจะได้ประโยชน์
หากปัญหานั้นไม่สามารถจัดการได้หรือดึงดูดความสนใจของผู้คนเกินไป หม่าเทาและพ่อก็จะออกโรง
แม่หม่าเป็นผู้หญิงที่มาจากชนบทและไร้การศึกษา ทำให้คนอื่นไม่ยอมลดตัวลงมาอยู่ระดับเดียวกับนาง
นางเป็นคนที่สามารถหาเรื่องได้มากจากการกระทำเล็กน้อย ทำเรื่องใหญ่กลายเป็นเล็ก และหาเรื่องเล็กจากเรื่องที่เล็กยิ่งกว่า
สรุปแล้ว การจะเดินหน้าหรือถอยหลังล้วนอยู่ในมือของครอบครัวนี้
หลินม่ายยืนอ้าปากค้างอยู่ท่ามกลางฝูงชน
แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ว่าครอบครัวเดียวกันเข้าบ้านเดียวกัน* หม่าเทาและครอบครัวทั้งสามคนก็คงไม่มีความละอายเช่นกัน
(*ศีลเสมอกัน อยู่ด้วยกันได้)
ตอนแรกเธอไม่อยากออกหน้า แต่ตอนนี้เธอทนไม่ไหวแล้ว จึงแหวกฝูงชนเข้าไป
พูดอย่างใจดีกับแม่หม่าที่ดีดดิ้นอยู่บนพื้นว่า “คุณป้า ขอแค่ค่ารักษานับว่าไม่ยุติธรรม ถ้าไม่ได้หนึ่งหรือสองพันหยวน คุณก็ไม่ต้องลุกขึ้นมาแล้ว!”
หากหัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยไม่รู้ว่าหลินม่ายและเถาจืออวิ๋นเป็นพวกเดียวกัน ตอนนี้เขาคงด่าสาปแช่งเธอไปแล้ว
เขามองหลินม่ายด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
ฝูงชนรอบๆ หลายคนโมโหและประณามหลินม่ายทีละคน บอกว่าเธอเข้าข้างฝั่งที่ทำไม่ถูกต้อง
หลินม่ายยิ้ม พูดกับแม่หม่าว่า “ถ้าหัวหน้าไม่จ่ายให้คุณพันสองพันหยวน คุณก็ไปแจ้งตำรวจ ให้ตำรวจช่วยให้คุณได้เงินสิคะ ในเมื่อพวกคนหัวรั้นต้องการจะข่มขู่หัวหน้าจนจะเป็นจะตาย ถ้าไม่บรรลุเป้าหมายก็คงไม่ยอมแพ้หรอก!”
ทุกคนได้ฟังก็ล้วนเข้าใจที่เธอพูด
นี่เป็นการช่วยแม่หม่าที่ไหนล่ะ เห็นได้ชัดว่ามันคือการให้ความคิดโง่ๆ กับคนแก่
อยากให้ตำรวจช่วยรีดไถเงินเหรอ นั่นไม่ใช่เรื่องตลกหรือยังไง?
ถ้าตำรวจมา สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการตรวจสอบ
แม่หม่าลงมือทำร้ายคนไม่สำเร็จ แถมพฤติกรรมรีดไถเงินที่น่ารังเกียจจะถูกเปิดเผยใช่หรือไม่?
ท้ายที่สุดก็รีดไถเงินไม่สำเร็จและยังต้องถูกนำตัวไปปรับทัศนคติอีก
ฝูงชนโห่ร้อง “พวกคุณรีบไปแจ้งตำรวจสิ ให้ตำรวจจัดการครอบครัวของพวกคุณซะ ฮ่าๆ”
“ถ้าตำรวจไม่จัดการให้พวกคุณ พวกคุณก็รีดไถตำรวจสิ ฮ่าๆ”
หม่าเทายืนหน้าแดงอยู่ท่ามกลางผู้คนที่กำลังเสียดสีพวกเขาไปมา หวังว่าจะสามารถหารอยแยกแล้วมุดลงไปได้
เขาเหลือบมองหลินม่ายด้วยความโกรธ
ถ้าไม่ใช่เธอ ครอบครัวของพวกเขาก็จะไม่กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น!
ตอนนั้นเองที่แม่หม่าหยุดการกระทำและนั่งลงบนพื้นอย่างขุ่นเคือง
พลางจ้องที่หลินม่ายอย่างโหดร้าย รู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาที่ดี และถูกเธอหลอกเข้าแล้ว!
หัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยเห็นแม่หม่าทำตัวดีขึ้นแล้ว จึงเอ่ยถามนางอย่างเย็นชา “คุณเอาแต่พูดว่าลูกชายของคุณเช่าบ้านของเสี่ยวเถา งั้นเอาสัญญาเช่าออกมาให้ทุกคนดู!”
“ใช่ เอาสัญญาเช่าออกมาให้พวกเราดู!” หลายๆ คนที่แทะเมล็ดแตงโม* อยู่พูดขึ้น(*รอดูเรื่องสนุกด้วยความเพลิดเพลิน มาจากอาการแทะเมล็ดแตงโมยามชมมหรสพหรือภาพยนตร์)
แม้จะเพิ่งโดนคนอื่นเยาะเย้ย แต่แม่หม่าก็กลับมาสู้ต่อได้อย่างรวดเร็ว
นางกลอกตาแล้วพูดว่า “ลูกชายฉันกับนังนั่นรู้จักกันดี เช่าบ้านของหล่อนทำไมยังต้องทำสัญญาด้วย? ไม่มีหรอกสัญญา!”
ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆ ได้ฟังแล้วโมโหขึ้นมา “พูดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ด่าเสี่ยวเถาว่านังโสเภณี ก็เห็นกันอยู่ เขาจะให้ลูกชายของเธอเช่าห้องหรือไง? คำโกหกก็ไม่สู้ผายลม คนคนหนึ่งจะไร้ยางอายขนาดนี้ได้ยังไง?”
หัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยแค่นยิ้มอย่างเย็นชาและตอบว่า “ไม่มีสัญญาแล้วมาพูดพล่ามที่นี่ทำไม!”
เขาจ้องลูกน้องที่ยืนอยู่ในฝูงชน “พวกนาย จับพวกเขาส่งตำรวจมันยากนักหรือไง? หรืออยากถูกไล่ออก?”
พนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้นจึงล้อมจับหม่าเทาและครอบครัวรวมสามคน ควบคุมตัวไปส่งที่สถานีตำรวจ
ญาติของครอบครัวหม่าแค่เห็นก็หนีกันไปหมดแล้ว
ตอนนั้นเวินหงเหมยกลัวมาก ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้จะทำอย่างไร
เถาจืออวิ๋นจ้องหล่อนด้วยความโมโห “คุณเมียน้อยทำไมยังไม่ไปอีก? ทำพื้นบ้านฉันสกปรกหมดแล้ว!”
ใบหน้าของเวินหงเหมยร้อนผ่าวหลังได้ยินคำด่าอันเผ็ดร้อน
แต่หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยกดดันหล่อนเข้าไปอีก คำรามใส่าหล่อนว่า “ยังไม่ไปอีก! งั้นฉันจะมัดเธอส่งไปที่สถานีตำรวจ!”
เวินหงเหมยตกใจจนตัวสั่น
หล่อนจะถูกจับไปที่สถานีตำรวจไม่ได้ ถ้าหล่อนถูกขัง ลูกสาวจะเป็นอย่างไร?
เพื่องานแต่งงานในวันนี้ หล่อนจึงฝากให้คนอื่นดูแลลูกแทนสองสามวัน เพราะอยากให้งานแต่งออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นมาชี้หน้าด่าหล่อนที่หน้างานว่าตนแต่งงานครั้งที่สองและเอาลูกมาอยู่กับสามีใหม่
สุดท้ายงานแต่งก็พังหมดแล้ว แถมยังถูกทุกคนที่ดูอยู่ขับไล่!
เวินหงเหมยเศร้าโศกราวกับสูญเสียพ่อแม่ไป ความผิดหวังฉายบนใบหน้า มือก็รีบเก็บข้าวของของพวกหล่อนสองแม่ลูก
แม้ของจะมีไม่มาก แต่หล่อนก็เก็บคนเดียวไม่ไหว
หล่อนมองหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยด้วยสายตาเว้าวอน “ขอร้องล่ะ ให้ฉันเข้าไปเก็บของออกมาอีกสองครั้งเถอะนะ”
หัวหน้าตอบอย่างก้าวร้าว “คุณมียางอายหน่อยไม่ได้เหรอ? อย่ามาขยิบตาให้ผมเลย ผมรังเกียจ!”
เวินหงเหมยโดนด่าจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
การขยิบตาเป็นสิ่งที่หล่อนทำจนติดเป็นนิสัย แก้ไม่ได้แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงเจอผู้ชายแล้วขยิบตาให้เลย ขนาดเจอสุนัขหล่อนก็ยังทำเหมือนกัน
หัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยไม่สนใจว่าหล่อนจะละอายหรือไม่ ข่มขู่ต่อ “คุณมาอยู่บ้านของคนอื่นแบบผิดกฎหมายแล้วยังคิดจะต่อรองอีกเหรอ? เอาของออกไปไม่ไหวก็เรื่องของคุณ! ถ้าไม่ออกไปภายในสิบนาที พวกเราจะจับคุณไปส่งสถานีตำรวจ!”
เวินหงเหมยร้องไห้ออกมาด้วยความร้อนใจ “แต่ฉัน…ของพวกนี้…”
“คุณรีบคิดหาวิธีเองเถอะ ไม่งั้นถ้าครบสิบนาทีแล้ว คุณจะถูกพาตัวไปส่งที่สถานีตำรวจ ของของคุณก็จะถูกโยนทิ้งไป!”
เวินหงเหมยเห็นว่าหัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยไม่ยอมพูดกับหล่อนดีๆ จึงไปขอร้องเถาจืออวิ๋น
เพื่อนบ้านรอบๆ ที่ดูอยู่และเพื่อนร่วมงานต่างก็เป่าปาก
“เคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อนเลย ทำลายครอบครัวเขาไปแล้ว ยังจะมาขอร้องเขาอีก!”
“ขนาดเรื่องเลวๆ อย่างทำลายครอบครัวคนอื่นยังทำมาแล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรที่นังสำส่อนคนนี้จะทำไม่ได้อีก!”
แม้จิตใจของเวินหงเหมยจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เคยโดนคนเยอะขนาดนี้วิพากษ์วิจารณ์มาก่อน หล่อนจึงแบกรับไม่ไหว
ท่ามกลางเสียงเย้ยหยันของฝูงชน หล่อนรีบวิ่งไปหยิบของจากในบ้านออกมาวางข้างนอกก่อนสองครั้ง
จากนั้นจึงวิ่งออกไปจากบริเวณบ้าน พาคนเก็บของมาเอาของกลับไปด้วยกัน เตรียมที่จะแบกของพวกนั้นจากไป
แต่ยังไม่ทันจะจะได้ขึ้นไปชั้นบน เวินหงเหมยเห็นข้าวของของตัวเองถูกโยนลงมาจากชั้นบนอย่างเหี้ยมโหด ทั้งยังเตะออกมาผ่านทางเดิน
เวินหงเหมยโกรธจนน้ำตาไหล
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนพวกนี้อย่าพูดมากเลย เปลืองน้ำลาย จับส่งตำรวจทีเดียวเลยดีกว่า
ไหหม่า(海馬)