เฉินตันจูไม่รู้ว่าภายในจวนองค์ชายหกกำลังพูดถึงนาง แต่หลังจากกลับจวน นางก็พูดถึงหวังเจียนอีกครั้ง
“ไม่คิดว่าเขาจะไปอยู่ข้างกายองค์ชายหก” เฉินตันจูถอนหายใจ “ดูท่าทางเขาจะถูกโกรธด้วย”
ตำแหน่งของแม่ทัพหน้ากากเหล็กในหัวใจของฮ่องเต้สำคัญยิ่งกว่าองค์ชายหก หรือองค์ชายใดก็ตาม…ยกเว้นองค์รัชทายาท การถูกส่งไปอยู่ข้างกายแม่ทัพหน้ากากเหล็ก เห็นได้ชัดว่าฐานะของหวังเจียนไม่ธรรมดา แต่เวลานี้ท่านแม่ทัพจากไปแล้ว เขาก็ถูกส่งไปรักษาให้องค์ชายหก ทางองค์ชายหกไม่มีโรคที่ต้องรักษา เพียงแค่ใช้ชีวิตอยู่ไปในแต่ละวันเท่านั้น
“ดีมากแล้วเจ้าค่ะ” อาเถียนพูด ส่งผลไม้สดที่เพิ่งหั่นให้เฉินตันจู “คุณหนูท่านลองชิม ผลไม้นี้ส่งมาใหม่จากทางเส้าฝู่เจี้ยน”
ส่งย่อมไม่ต้องคาดหวังให้เส้าฝู่เจี้ยนส่ง แต่เฉินตันจูให้จู๋หลินไปนำมา
จู๋หลินรู้สึกว่าในฐานะองค์หญิง มักไปขอของกินจากเส้าฝู่เจี้ยนเป็นการไม่เหมาะสมเฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ชื่อเสียงเสื่อมเสียของข้ามีอยู่แล้ว ไม่ทำเรื่องไม่เหมาะสมคงเสียดายแย่ ข้าไม่ไปแย่งของฝ่าบาทที่เส้าฝู่เจี้ยน หรือจะให้ข้าไปแย่งของราษฎรบนถนน”
จู๋หลินนึกถึงเรื่องการขวางทางเปิดร้านยาของเฉินตันจู เอาเถิด เวลานี้ไม่มีแม่ทัพหน้ากากเหล็กแล้ว ตระกูลชนชั้นสูงมากมายจับจ้องนาง หาโอกาสกลืนกินนาง เรื่องขอของกินถึงแม้จะไม่เหมาะสม แต่ฮ่องเต้ย่อมไม่ใส่ใจนัก
เฉินตันจูหยิบผลไม้ชิ้นหนึ่งขึ้นมา เอนกายพิงเก้าอี้กินอย่างเกียจคร้าน เยี่ยนเอ๋อโบกพัดให้นาง
“ถูกต้อง ถูกต้อง” เยี่ยนเอ๋อพูดเสริม “ตามหลักแล้วหวังไต้ฟูต้องโทษประหาร ท่านแม่ทัพเกิดเรื่อง ย่อมเป็นความผิดพลาดของหมอหลวง ฮ่องเต้ไม่ได้ประหารเขา หากแต่ส่งเขาไปเป็นหมอหลวงขององค์ชายหก ถือว่าเป็นการไถ่โทษ”
เฉินตันจูหัวเราะร่า “ใช่ เขาเป็นแบบนี้ถือว่าไม่เลวแล้ว ไม่ต้องลำบากวิ่งไปวิ่งมาอีก” พูดพลางเรียกหาจู๋หลิน
จู๋หลินชะโงกตัวออกมาจากหลังคา
“เวลานี้เฟิงหลินพวกเขากำลังทำอันใด” เฉินตันจูเงยหน้าถาม “รับหน้าที่ที่ใด”
ไม่รู้ว่าในฐานะองครักษ์ของท่านแม่ทัพ พวกเขาจะต้องรับโทษด้วยหรือไม่…ก่อนหน้านี้ถูกส่งไปรับองค์ชายหกเข้าเมือง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่งานดีนัก องค์ชายหกอ่อนแอเพียงนั้น หากเกิดเรื่องใดขึ้นระหว่างทาง องครักษ์อย่างพวกเขาย่อมต้องถูกลงโทษ
จู๋หลินพูดเสียงเบื่อหน่าย “ไม่รู้”
นับแต่จากกันที่หน้าสุสานของท่านแม่ทัพ เขาก็ไม่ได้พบเฟิงหลินอีก
“เจ้าไปสืบ” เฉินตันจูเงยหน้ามองเขา ก่อนจะยิ้ม “หรือไม่ขอพวกเขามาติดตามข้า เวลานี้ข้าเป็นองค์หญิง มีองครักษ์หลายคนไม่เกินเหตุใช่หรือไม่”
จู๋หลินหายไปจากบนหลังคา เขาไม่อยากสนใจคำพูดของคุณหนูตันจู พวกเขาสิบคนอยู่ในมือของคุณหนูตันจูยังไม่พอ ยังจะดึงเฟิงหลินเข้ามาอีก
แต่ เฟิงหลินพวกเขาไปที่ใด จู๋หลินสับสนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวขับไล่ความคิด สืบแล้วอย่างไร พวกเขาเป็นองครักษ์หลวง คำสั่งทหารดุจดั่งภูผา ฝ่าบาทให้พวกเขาตาย พวกเขาย่อมไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย ตอนที่ติดตามอยู่ข้างกายแม่ทัพหน้ากากเหล็กลงสนามรบ พวกเขาก็เตรียมตัวตายแล้ว เพียงแต่ท่านแม่ทัพตายแล้ว พวกเขายังมีชีวิตอยู่
แต่สิ่งที่ทำให้จู๋หลินประหลาดใจคือ เขาไม่ได้ไปสืบข่าวของเฟิงหลิน เฟิงหลินกลับมาหาเขาเอง
เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณลับที่คุ้นเคย พบเฟิงหลินที่เข้าใกล้จวนองค์หญิง จู๋หลินยังคงไม่ได้ให้เขาเข้าใกล้ หากแต่กระโดดออกมาเอง
“พี่เฟิงหลิน ท่านมาได้อย่างไร” เขายากที่จะปิดบังความตื่นเต้น “ก่อนหน้านี้คุณหนูตันจูพูดถึงท่าน…”
เมื่อตื่นเต้นจึงพูดมาก จู๋หลินรีบหุบปาก
แต่เฟิงหลินได้ยินแล้ว หัวเราะออกมา “คุณหนูตันจูพูดถึงข้าด้วยหรือ พูดถึงข้าเรื่องใด”
หน้าที่ขององครักษ์หลวงคือไม่พูดเรื่องของนาย จู๋หลินมองเฟิงหลิน พูด “ไม่มีอันใด เพียงแค่พูดถึง”
เฟิงหลินมองออกว่าเขาระแวงและหลีกเลี่ยง ยกมือต่อยเขาหนึ่งที หัวเราะ “ไม่เลว เจ้ายังจดจำคำสั่งของท่านแม่ทัพได้”
คำสั่งของท่านแม่ทัพยังอยู่ แต่พวกเขาไม่ใช่สหายอีกต่อไป…จู๋หลินเศร้าเล็กน้อย ความเศร้าเพิ่งปรากฏขึ้น ยังไม่ทันได้แสดงออกทางสีหน้า เขาก็ถูกเฟิงหลินโอบไหล่เอาไว้
“แต่ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเจ้ากับคุณหนูตันจูมา เดิมทียังอยากทักทายพวกเจ้า” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
จู๋หลินผงะ “เมื่อใด”
“ที่จวนองค์ชายหกอย่างไรเล่า” เฟิงหลินพูด
จู๋หลินตกตะลึง “ท่านก็อยู่จวนองค์ชายหกหรือ?”
เมื่อวานพบหวังเจียนที่จวนองค์ชายหก เฟิงหลินก็อยู่?
เฟิงหลินโอบไหล่ของจู๋หลินถอนหายใจ “อย่าพูดเลย กว่าครึ่งล้วนอยู่ ท่านแม่ทัพจากไป ฝ่าบาทยังทรงโกรธมาก โทษพวกเราดูแลไม่ดี ถึงแม้จะไม่ได้ลงโทษ แต่ก็ไม่ได้รับความสำคัญอีกแล้ว จึงส่งพวกเราไปเฝ้าประตูให้องค์ชายหก”
องครักษ์หลวงอย่างพวกเขาถูกคัดเลือกออกมาจากหนึ่งในหมื่น สามารถลงสนามสังหารศัตรู สามารถเป็นสายลับ สามารถเป็นองครักษ์ประจำตัว สามารถเปิดทาง พวกเขาเป็นเกราะป้องกันที่สามของฮ่องเต้
เฮ้อ แต่เวลานี้ถูกส่งไปยังข้างกายขององค์ชายหกที่ไม่อาจออกจากจวนได้ พวกเขาจะทำอันใดได้ ทำได้เพียงเป็นกลอนประตู
แต่การเป็นกลอนประตูใช่ว่าจะปลอดภัย หากองค์ชายหกป่วยตาย พวกเขาย่อมต้องถูกลงโทษ
จู๋หลินยื่นมือตบไหล่ของเฟิงหลิน “ท่านอย่าเศร้าโศก รอฝ่าบาททรงหายโกรธ ย่อมต้องให้พวกท่านกลับไป” พูดถึงตรงนี้ก็ชะงักลง “หรือไม่ พวกท่านมาอยู่กับคุณหนูตันจู เวลานี้นางเป็นองค์หญิง”
หลังจากพูดออกมาก็ยิ้มขมขื่น มาข้างกายคุณหนูตันจูก็ไม่มีอนาคตอันใด องค์ชายหกบกพร่องแต่กำเนิดอาจป่วยตาย แต่คุณหนูตันจูมีโทษภายหลัง ไม่แน่ว่าอาจถูกฮ่องเต้ประหารเข้าสักวัน องครักษ์อย่างพวกเขาย่อมตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ถูกประหารด้วยกัน
เฟิงหลินหัวเราะร่า “ไม่ต้อง ไม่ต้อง ทางคุณหนูตันจูมีพวกเจ้าก็พอแล้ว พวกเรามาจะไม่ดีต่อคุณหนูตันจูมากกว่า โดดเด่นเกินไป อีกทั้งหากมีเรื่องใดก็ไม่อาจช่วยเหลือกันได้”
จู๋หลินพยักหน้า หัวเราะเยาะภายในใจ มีเรื่องใดต้องช่วยเหลือกัน คุณหนูตันจูราวกับต้องการเกาะเกี่ยวองค์ชายหกเป็นที่พึ่ง แต่องค์ชายหกจะเทียบกับแม่ทัพหน้ากากเหล็กได้อย่างไร อีกทั้งยังไม่อาจสู้องค์ชายสาม โจวเสวียน…
“แต่” เฟิงหลินพูดขึ้นอีกครั้ง กดเสียงต่ำ “ข้ามาหาเจ้าเพราะมีเรื่องหนี่ง”
จู๋หลินรีบสลัดวามคิดเหลวไหลทิ้ง ถาม “พี่เฟิงหลิน ท่านพูด”
เพียงแค่เขาช่วยได้ เพียงแค่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณหนูตันจู เพียงแค่ไม่ฆ่าคนหรือวางเพลิง เพียงแค่ไม่…
เฟิงหลินยิ้มพลางตบไหล่เขา พูดขัดความคิดขององครักษ์หนุ่ม “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าอยากยืมเงินเจ้า”
ยืมเงินหรือ จู๋หลินโล่งใจ แต่ก็ฉงน “เงินเดือนพวกท่านไม่พอใช้หรือ”
จวนองค์ชายหกไม่ใช่ที่ที่ต้องใช้เงิน ของกินของใช้ล้วนมีเส้าฝู่เจี้ยนจัดการ
เฟิงหลินก้มหน้ามองเขาอย่างเก้อเขิน “เงินเดือน เวลานี้จ่ายช้ามาก ต้องไปเร่งเป็นประจำ อีกทั้งไม่พอใช้ องค์ชายหกแตกต่างจากองค์ชายอื่น จวนของเขาคนน้อย ไม่มีพิธีมาก ดังนั้นของกินของใช้จึง…”
จู๋หลินเข้าใจ “ถูกหักหรือ”
เฟิงหลินไม่ได้เงยหน้า มือเขย่าไหล่ของเขา “เบาเสียงหน่อย ไม่ถือว่าหัก ก็แค่นั้น พูดน้อยหน่อย อย่าสร้างปัญหา”
เฟิงหลินพูดอย่างคลุมเครือ แต่จู๋หลินเข้าใจ ความหมายก็คือถูกหัก อย่างไรองค์ชายหกไม่ต้องใช้ของมากมาย คนของจวนองค์ชายหกก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง…
เงินเดือนของเฟิงหลินไม่มาก อีกทั้งยังจ่ายไม่ตรงเวลา ล้วนเป็นชายหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรง กินมาก มีคนจำนวนไม่น้อยที่แต่งงานแล้ว มีครอบครัวต้องเลี้ยง
แต่ก่อนตอนท่านแม่ทัพยังอยู่ ผู้ใดพบพวกเขาต่างต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สองมือมอบของดี เวลานี้…จู๋หลินกำหมัดแน่น กัดฟัน “ข้ารู้แล้ว พี่เฟิงหลินท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไปหยิบเงินให้ท่าน”
…
เฟิงหลินออกจากจวนองค์หญิงไปอย่างรวดเร็ว เหล่าสหายที่รออยู่ระยะไกลยิ้มต้อนรับ เห็นเฟิงหลินยังก้มหน้า ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา
“เฟิงหลิน ดูท่าทางเจ้าไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน เขินอายอันใดกัน”
“ใช่ เพียงแค่ยืมเงินเท่านั้น เขินอายอันใดกัน”
พวกเขาหัวเราะอย่างสนุกสนาน เฟิงหลินยื่นมือกุมหน้าผาก ถอนหายใจ “ใช่ ข้าเคยทำเรื่องแบบนี้เมื่อใดกัน ช่าง…”
เขาหันกลับไปมองยังทิศทางของจวนองค์หญิง จู๋หลินผู้น่าสงสาร สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเห็นใจ แต่ก่อนเห็นใจจู๋หลินที่ติดตามคุณหนูตันจู ถูกทรมานจนไม่อาจรับมือ แต่เวลานี้เขาเห็นใจจู๋หลินที่ถึงแม้จะไม่ได้ติดตามท่านแม่ทัพ แต่ยังคงต้องถูกทรมาน
…
สามวันต่อมา เฉินตันจูยังคงนอนอยู่ภายใต้ทางเดินนับใบของต้นจื่อเถิง ครานี้นับได้เพียงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ด อาเถียนก็วิ่งเข้ามาขัดนางด้วยความตื่นตระหนก
“คุณหนู จู๋หลินถูกสำนักองครักษ์จับเอาไว้เจ้าค่ะ”
สาวรับใช้ที่ยิ้มหวานเสมอมา ยืนร้องไห้ต่อหน้าเฉินตันจูหลังจากพูดจบ