ตอนที่ 403 ภาพถ่ายของคู่รัก
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่เฉียงก็แยกไปส่งข้าวให้พ่อ และฝากแม่เสียสติไว้ให้คุณปู่คุณย่าฟางช่วยดูแล
ตั้งแต่ที่ฟู่เฉียงรู้ว่าแม่มีเนื้องอกในสมอง เขาก็พาแม่ออกจากบ้านไปด้วยกันน้อยลง
กลัวว่าหล่อนจะวิ่งไปวิ่งมาจนเนื้องอกแตกแล้วเป็นอันตรายถึงชีวิต
คุณปู่คุณย่าฟางเป็นคนใจดี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องดูแลแม่ของฟู่เฉียงที่มีเนื้องอกในสมองเลย
ต่อให้หล่อนจะแค่เป็นบ้า แต่ถ้าฟู่เฉียงมาฝากให้ช่วยดูแลแม่ของเขา พวกเขาก็จะดูแลให้
ฟางจั๋วเยวี่ยกินจนอิ่ม อยากจะพาโต้วโต้วออกไปเล่นข้างนอก แต่คุณปู่ฟางก็ตะโกนบอกให้เขาเก็บถ้วยเก็บจาน
ฟางจั๋วเยวี่ยมองฟางจั๋วหรานและหลินม่ายที่กำลังเก็บถ้วยจาน เอ่ยเสียงเบา “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้กำลังเก็บจานอยู่ไงครับ ผมจะไปขวางพวกเขามันก็คงไม่เหมาะ”
คุณปู่ฟางโกรธจนควันขึ้น “ตอนกินก็กลัวจะได้กินน้อย เหมือนหมาหิวโซมาขโมยอาหาร แต่พอตอนทำงานกลับอ้างนู่นอ้างนี่ ใครให้ไปเป็นก้างพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้แกล่ะ? ฉันให้แกไปเก็บถ้วยจานคนเดียว ไม่ได้ให้แกไปเก็บถ้วยจานกับพวกพี่ๆ แก!”
ฟางจั๋วหรานได้ยินดังนั้นจึงดึงหลินม่ายออกไปอยู่อีกฝั่งกันสองต่อสอง
ฟางจั๋วเยวี่ยเห็นดังนั้นจึงทำได้เพียงเก็บล้างจานให้เรียบร้อย
โต้วโต้วดึงชายเสื้อเขา พูดแบบเด็กๆ ว่า “คุณอา งั้นหนูจะช่วยเก็บจานด้วยค่ะ”
ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มอย่างมีความสุข “ดีเลย งั้นหนูรับผิดชอบเช็ดโต๊ะนะ”
เขาอุ้มเด็กน้อยไปยืนบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ แล้วเอาผ้าขี้ริ้วยัดใส่มือหล่อน
ให้หล่อนเช็ดโต๊ะอาหาร โดยไม่ได้คำนึงถึงการใช้แรงงานเด็กเลยแม้แต่น้อย
โต้วโต้วออกแรงเช็ดโต๊ะอย่างเต็มที่
คุณปู่ฟางชี้นิ้วไปที่ฟางจั๋วเยวี่ย พูดอย่างเจ็บปวดว่า “ดูสิดู ยังจะมาให้โต้วโต้วของเราทำให้อีก!”
แม้ฟางจั๋วหรานจะขนข้าวของมาจากบ้านในหมู่บ้านแล้ว แต่งานเขาค่อนข้างยุ่ง จึงยังไม่ได้จัดระเบียบ
ตอนนี้เขาจึงขึ้นไปข้างบนเพื่อจัดห้อง
หลินม่ายตามเขาขึ้นไปชั้นบน ช่วยเขาจัดของ
ทั้งสองคนเพิ่งก้าวเข้าไปในห้องของฟางจั๋วหราน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์บนหัวเตียงดังไม่หยุด
หลินม่ายพูดอย่างชื่นชม “คุณทำอะไรไวมากเลย แปบเดียวก็ย้ายโทรศัพท์จากบ้านในหมู่บ้านมาไว้ที่นี่แล้ว”
ฟางจั๋วหรานตอบ “ไม่ไวไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีโทรศัพท์แล้วตอนเย็นมีคนไข้สาหัสเข้ามา โรงพยาบาลจะโทรตามผมไม่ได้ ทุกอย่างจะล่าช้าไปหมด”
เขาเดินเข้าไปรับสาย เป็นโทรศัพท์จากโรงพยาบาล
อีกฝั่งบอกเขาว่าตอนนี้มีคนไข้อาการสาหัสต้องการผ่าตัด ให้เขารีบไป
ฟางจั๋วหรานวางสายแล้วรีบออกไปทันที
หลินม่ายจึงจัดของอยู่ในห้องคนเดียว
แม้ฟางจั๋วหรานจะมีรายได้สูง แต่เขามีเสื้อผ้าไม่มาก เสื้อผ้าของแต่ละฤดูกาลมีเพียงแค่สามชุดให้เปลี่ยนซัก
เสื้อผ้าหน้าร้อนจะมีมากหน่อย ครั้งที่แล้วที่ไปกว่างโจวเธอก็ซื้อให้เขาเพิ่ม ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะมีเพียงแค่สองสามชุดเท่านั้น
ส่วนหนังสือนั้นมีไม่น้อยเลย แต่ละเล่มก็หนาๆ ทั้งนั้น
มีหนังสือภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาญี่ปุ่น
นอกจากพวกนี้ยังมีโปสเตอร์ใบใหญ่ที่เอากระดาษซวนจื่อห่อไว้
หลินม่ายรู้สึกสงสัย หรือว่าศาสตราจารย์คงแก่เรียนผู้ยิ่งใหญ่จะชื่นชอบดาราด้วย?
เธออยากรู้มากว่าเขาชอบดาราคนไหน ถึงได้ทะนุถนอมขนาดต้องห่อโปสเตอร์ของดาราคนนี้ด้วยกระดาษซวนจื่อ
เธอแทบอดทนรอไม่ไหวที่จะเปิดม้วนโปสเตอร์นี้ออกมาดู
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาของเธอคือโปสเตอร์ที่เธอถ่ายให้ร้านเสื้อผ้า Unique แต่ละใบมีไม่มาก
ในใจของหลินม่ายรู้สึกหวานล้ำ ดาราที่ฟางจั๋วหรานชื่นชอบก็คือเธอนี่เอง
หลินม่ายม้วนเก็บโปสเตอร์อย่างดี นำเสื้อผ้าของฟางจั๋วหรานไปจัดในตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเอาหนังสือไปจัดวางบนชั้น
มีหนังสือเล่มที่หนาเป็นพิเศษ ซึ่งหลินม่ายวางมันไว้ไม่อยู่ จึงร่วงหล่นลงมาจากชั้นหนังสือ
ภาพใบหนึ่งปลิวหล่นออกมา ร่วงลงบนพื้น
ตอนที่หลินม่ายไปเก็บหนังสือก็หยิบรูปใบนั้นขึ้นมาด้วย
ในภาพคือฟางจั๋วหรานและผู้หญิงคนหนึ่งถ่ายคู่กัน
ผู้หญิงในภาพดูงดงามมาก ใบหน้าหวานของหล่อนกำลังเอนซบไหล่ของฟางจั๋วหราน
หลินม่ายมองภาพนั้นด้วยความสับสน
คนสวยในภาพน่าจะเป็นแฟนเก่าของฟางจั๋วหราน
พวกเขาเลิกกันแล้วแต่เขายังเก็บรูปคู่ของหล่อนเอาไว้ ไม่เคยลืมหล่อนเลยสินะ
ในขณะที่กำลังคิดอะไรไปไกล ฟางจั๋วเยวี่ยก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง
หลินม่ายเงยหน้ามองเขา
เขารีบอธิบายว่า “โต้วโต้วล้ม ฝ่ามือถลอกนิดหน่อย ผมเลยมาดูว่าในห้องพี่มียาม่วงไหม”
หลินม่ายส่ายหน้า “ขนาดกล่องยาเขายังไม่มีเลย จะมียาม่วงได้ยังไง”
“ไม่มีก็ช่างเถอะ ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น”
ฟางจั๋วเยวี่ยเห็นว่าในมือของเธอถือรูปใบหนึ่งไว้ จึงโน้มตัวเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็มองหลินม่าย
เห็นว่าเธอดูอารมณ์ไม่ดีนักจึงอธิบาย “นี่คือรูปคู่ของพี่กับกู้ม่านชือแฟนเก่าเขา เรื่องตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาแล้ว อย่าเอามาใส่ใจเลย”
หลินม่ายถามต่อ “ทำไมจั๋วหรานถึงเลิกกับแฟนคนนี้?”
“แฟนเก่าพี่บูชาต่างชาติ อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ พวกเขาก็เลยเลิกกัน!”
หลินม่ายฟังอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ปกติ
“แฟนเก่าเขาอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ทั้งสองคนก็ยังมีรักทางไกลได้นี่ รอหล่อนกลับมาจากไปเรียนต่อ แล้วก็ยังคบต่อได้ ทำไมต้องเลิกกันด้วย?”
ฟางจั๋วเยวี่ยเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูดว่า “กู้ม่านชือไม่มีชื่อในทุนรัฐบาล ออกจากประเทศไม่ได้ หล่อนจึงพึ่งพาศาสตราจารย์ต่างชาติคนหนึ่งด้วยการแต่งงาน ให้เขาพาหล่อนออกนอกประเทศด้วย ทั้งหมดนี้หล่อนทำลับหลังพี่ ตอนที่หล่อนออกนอกประเทศไปแล้ว พี่ถึงรู้จากคนที่บ้านหล่อน”
หลินม่ายตะลึงงัน
ไม่คิดเลยว่าศาสตราจารย์สุดหล่อจะมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ขนาดนี้!
หลังจัดห้องให้ฟางจั๋วหรานเสร็จแล้ว หลินม่ายก็ลงมาจากชั้นบน ตรวจดูบาดแผลของโต้วโต้ว เมื่อไม่มีอะไรร้ายแรง เธอจึงวางใจและจากไป
เธอยังต้องไปที่ศูนย์รีไซเคิลเพื่อหาข้อสอบปลายภาคชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง
ฟางจั๋วเยวี่ยเห็นหลินม่ายจัดห้องให้พี่ชายแล้วออกไปก็คิดว่าเธอโกรธเรื่องที่พี่ยังเก็บรูปคู่กับแฟนเก่าไว้
เขาอยากจะพูดอะไรดีๆ แทนพี่ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองเธอจากไปเงียบๆ
หลินม่ายไปที่ศูนย์รีไซเคิลใกล้ๆ อธิบายให้พนักงานฟังถึงเหตุผลที่เธอมาที่นี่
พนักงานที่นี่ดีมาก พาเธอไปที่โกดังเก็บเอกสารมากมาย ให้เธอหาเอกสารที่เธออยากได้เอง
หลินม่ายคุ้ยเอกสารในโกดังที่เหม็นอับอยู่นาน จนได้ข้อสอบปลายภาคมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งมาไม่น้อย รวมถึงเอกสารโรงเรียนมัธยมในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์ผู่จี้ด้วย
หลินม่ายดีใจแทบตาย กลับไปถึงบ้านจึงทำข้อสอบปลายภาคชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งชุดนั้นของโรงเรียนมัธยมในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์ผู่จี้
ข้อสอบชุดที่เธอคุ้ยมามีคำตอบที่อาจารย์แก้ไขไว้แล้ว จุดที่ทำผิดก็ได้มีการแก้แล้วเรียบร้อย ดังนั้นข้อสอบจึงมีคำตอบที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
ทำเสร็จชุดหนึ่งเธอก็แก้ของตัวเองตามคำตอบที่ถูกต้อง
ไม่ต้องพูดถึงภาษาอังกฤษเลย นั่นคือจุดแข็งของเธอ เป็นเรื่องง่ายที่เธอจะทำแล้วได้คะแนนเต็ม
แต่คะแนนสอบวิชาอื่นก็ไม่แย่ ทุกวิชาได้มากกว่าแปดสิบห้าคะแนน
หลินม่ายมีความสุขมาก เธอทำข้อสอบพวกนี้ไม่ถึงเก้าสิบนาทีด้วยซ้ำ
ส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงกว่า แต่กลับทำคะแนนออกมาได้มากกว่าแปดสิบห้าคะแนน แสดงว่าการสอบข้ามชั้นไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว
หลังจากทำข้อสอบชุดหนึ่งเสร็จก็เป็นเวลาสี่โมงเย็น หลินม่ายวางปากกา หยิบภาพชุดที่เคยถ่ายโปสเตอร์ ปั่นจักรยานไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาด
คุณปู่คุณย่าฟางอยู่ในเมืองมาสองสามวันแล้ว แต่เธอยังไม่ได้ทำอาหารให้พวกท่านกินเลย วันนี้จึงถือโอกาสทำมื้อใหญ่ให้ทุกคนกินร่วมกัน
ตอนที่หลินม่ายกำลังเลือกซื้อวัตถุดิบในตลาด ฟางจั๋วเยวี่ยก็ไปที่โรงพยาบาลผู่จี้
รออยู่ข้างนอกห้องผ่าตัดพักหนึ่ง ในที่สุดฟางจั๋วหรานที่เดินตามเตียงผู้ป่วยออกมาจากห้องผ่าตัด
ฟางจั๋วหรานเห็นฟางจั๋วเยวี่ยยืนอยู่ไม่ไกล
แต่เขาไม่ได้เดินเข้าไปหาและตอบคำถามญาติคนไข้ด้วยความอดทน
การเจ็บป่วยไม่เพียงแต่ผู้ป่วยจะทรมานทั้งร่างกายและจิตใจเท่านั้น ญาติผู้ป่วยเองก็ต้องแบกรับความกดดันทางใจไม่ต่างกัน
ในฐานะแพทย์ที่ดี นอกจากจะรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังต้องช่วยบรรเทาความกดดันในจิตใจของญาติผู้ป่วยด้วย
การทำให้พวกเขาหายสงสัยคือวิธีลดความกดดันที่ดีที่สุด
ญาติผู้ป่วยได้คำตอบที่พอใจจากฟางจั๋วหรานแล้ว พวกเขาจึงตามพยาบาลไปส่งผู้ป่วยที่ห้องพัก
ฟางจั๋วเยวี่ยเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปหาฟางจั๋วหราน
ฟางจั๋วหรานมองเขาและเอ่ยถามเสียงเรียบว่า “นายมาทำไม?”
ฟางจั๋วเยวี่ยดูร้อนรน พูดอย่างเจ็บปวดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ พี่คิดว่าคนอย่างผมจะอยากมาโรงพยาบาลเหรอ มีแต่กลิ่นยาฆ่าเชื้อเหม็นหึ่งไปหมด!”
ฟางจั๋วหรานเดินเข้าไปในห้องน้ำ ล้างมืออย่างไม่รีบร้อน “พ่อฉันกับแม่นายคิดจะจัดการอะไรฉันอีกเหรอ?”
“ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา เป็นความผิดของพี่ต่างหาก”
ฟางจั๋วหรานแปลกใจ “ฉันทำอะไรผิด?”
“พี่กับกู้ม่านชือเลิกกันไปแล้ว ทำไมยังเก็บรูปคู่กับหล่อนเอาไว้อีก? ตอนเที่ยงพี่สะใภ้จัดห้องให้พี่แล้วเจอรูปคู่ของพี่กับหล่อนโดยบังเอิญ จากนั้นหล่อนก็ผลุนผลันออกไปเลย พี่ต้องง้อหล่อนดีๆ นะ”
ฟางจั๋วเยวี่ยรายงานเสร็จแล้วก็ออกไปก่อนโดยไม่รอให้พี่ชายเลิกงาน
ฟางจั๋วหรานฆ่าเชื้อที่มือ ถอดเสื้อกาวน์แล้วกลับวิลล่า
หลินม่ายกำลังยุ่งกับการทำอาหารอยู่ในครัว ฟางจั๋วหรานเดินเข้าไป
เธอไล่เขาออกไปอย่างกับแมลงวัน “ออกไปเลย ในครัวร้อนจะตายอยู่แล้ว!”
ฟางจั๋วหรานกลับลงมือช่วยเธอ “ม่ายจื่อ ผมมีอะไรจะบอกคุณ”
……………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
งานเข้าแล้วพี่หมอ ถ้าน้องชายไม่ช่วยแก้ต่างนี่พี่คงต้องง้อม่ายจื่อยาวกว่านี้
ไหหม่า(海馬)