รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 385 ที่ตายงั้นรึ เจ้าเป็นคนกำหนดให้ข้าหรือ?

บทที่ 385 ที่ตายงั้นรึ เจ้าเป็นคนกำหนดให้ข้าหรือ?

บทที่ 385 ที่ตายงั้นรึ เจ้าเป็นคนกำหนดให้ข้าหรือ?

ใบหน้าไป๋อวี่เฟยประดับด้วยรอยยิ้มสดใส คิดจริงว่าเซี่ยเหยียนหวาดกลัว ถึงได้ยอมมอบคันศรวิเศษให้ด้วยตัวเอง

เขาประกาศชัดเจนว่ามีร่างอวตารวิถีสูงสุดในตัว เซี่ยเหยียนไฉนเลยจะไม่กลัว

ร่างอวตารวิถีสูงสุดเลยนะ!

ซ้ำยังเป็นร่างอวตารที่ท่านปู่ของเขาตั้งใจหล่อหลอมให้ ความทรงพลังนั้นแม้กระทั่งจ้าวสูงสุดยังต้านไม่ไหว มิใช่คู่ต่อสู้

คันศรวิเศษในมือเซี่ยเหยียนแกร่งกล้าก็จริง พลังที่รีดเร้นออกมาได้ก็อยู่ในระดับสุดยอด แต่แกร่งปานใด สุดยอดปานใด แล้วต้านทานพลังของร่างอวตารวิถีสูงสุดได้หรือ?

คิดอะไรอยู่!

เป็นไปไม่ได้เลย!

ทว่าขณะที่ฝ่ามือของเขายื่นออกไปใกล้จะถึงคันศรวิเศษเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป!

ใบหน้าของเขาซีดเผือด ไม่รู้ว่าแรงกดดันมหาศาลแค่ไหน มือข้างที่เข้าใกล้แทบระเบิดแหลกลาญ จนเขาต้องรีบชักมือกลับ!

คันศรวิเศษค่อย ๆ บินเข้ามา เขาไม่กล้าแม้แต่จะนิ่งอยู่ที่เดิม รีบเหินจากออกมาอยู่ข้างนอก

“เจ้า!”

เขาทะยานมาอยู่กลางอากาศ หน้าตาบิดเบี้ยว ขณะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เซี่ยเหยียนแกล้งปั่นหัวเขา!

ชายหนุ่มคิดผิดไปตั้งแต่ต้น เซี่ยเหยียนมิได้กลัว และไม่คิดมอบคันศรวิเศษให้แม้แต่น้อย!

แรงกดดันบนคันศรวิเศษไม่ลด มิใช่พลังที่เขาควบคุมได้ เขาไม่อาจแม้แต่จะสัมผัสด้วยซ้ำ แตะโดนเป็นต้องตาย!

อาภรณ์เซี่ยเหยียนพลิ้วไสว นางเหินออกมานอกโถงใหญ่ ค้างอยู่กลางอากาศเช่นกัน สบตากับไป๋อวี่เฟยตรง ๆ

หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา “ข้ามอบคันศรราชันให้แล้ว แต่เจ้ารับไม่ไหว เช่นนี้จะโทษข้ามิได้”

“เจ้ากำลังเล่นกับไฟ รนหาที่ตาย!”

นัยน์ตาไป๋อวี่เฟยเย็นยะเยือก โทสะพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง

หากเซี่ยเหยียนเต็มใจมอบคันศรวิเศษให้จริง ย่อมต้องปลดแรงดันบนคันศรวิเศษ ทว่านางมิได้ทำเช่นนั้น เป็นอันบ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายไม่คิดมอบคันศรวิเศษให้เขาอย่างไม่ต้องสงสัย!

“วาจานี้ควรพูดให้ตัวเจ้าฟังมากกว่า!”

เซี่ยเหยียนแค่นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่ามีร่างอวตารวิถีสูงสุดแล้วจะมองเจ้าอย่างผู้เหนือกว่า จนข้าต้องสยบ ยอมมอบคันศรราชันให้หรือ!? คิดผิดแล้ว ทั้งยังผิดมหันต์ยิ่ง! อย่าว่าแต่ร่างอวตารวิถีสูงสุดเลย ต่อให้จ้าววิถีสูงสุดมาด้วยตนเอง ก็ไม่อาจมองอย่างผู้เหนือกว่า กระทั่งไม่อาจสยบข้าได้!”

นางยื่นฝ่ามือออกไปข้างหนึ่ง คันศรราชันบินเข้ามาอยู่ในมือนางทันที

“บังอาจทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าข้า เจ้ากำลังเล่นกับไฟ รนหาที่แล้ว!”

มืออีกข้างของนางวางบนสายศร คลื่นพลังน่าสยดสยองซัดสาดออกมาในบัดดล ไป๋อวี่เฟยสีหน้าซีดเซียว สั่นสะท้านไปทั้งวิญญาณ ร่างกายสั่นระริกอย่างกับเจ้าเข้า

คลื่นพลังนี้น่ากลัวเกินไป เกินกว่าที่เขาจะรับได้ไหว เขามิกล้าลังเล เรียกร่างอวตารท่านปู่ออกมาทันที!

ควันเขียวพุ่งออกจากตัวชายหนุ่ม ก่อนจะหลอมร่างอย่างรวดเร็ว กลายเป็นร่างมนุษย์ร่างหนึ่ง

“ผู้ใดบังอาจแตะต้องหลานชายของข้า!?”

ร่างนั้นแก่ชรามากแล้ว ผมขาวเคราขาว เสียงนั้นเจือไว้ด้วยบารมียิ่งใหญ่ ประหนึ่งเสียงอสนีบาต น่าตื่นตกใจยิ่งนัก!

เขาคุ้มกันไป๋อวี่เฟยไว้ ปัดป้องคลื่นพลังที่ซัดสาดเข้ามา

“นี่หรือคือร่างอวตารวิถีสูงสุด”

เซี่ยเหยียนปริปากเบา ๆ ทว่าสีหน้าหาได้แปรเปลี่ยน ยังคงราบเรียบตามเดิม

“ท่านปู่! นางผู้นี้ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี! ลุงหมิงเป็นผู้รักษาการแทนดูแลสถานศึกษาเทียนตี้ ข้าจึงมาที่นี่แทนลุงหมิง เชื้อเชิญนางเข้าร่วมสถานศึกษาด้วยความจริงใจ นางกลับวางมาดใส่ข้า ดูถูกเหยียดหยามข้า ซ้ำยังคิดใช้พลังจากคันศรวิเศษฆ่าข้า!”

ไป๋อวี่เฟยรีบบอก

เซี่ยเหยียนรู้สึกกระตุกไปทั้งหน้าผาก คิ้วขมวดเป็นปม

คนผู้นี้หน้าด้านกว่านี้ได้อีกไหม?

เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจกลับผิดเป็นชอบ จงใจใส่ร้ายนาง!

ผู้ใดวางมาดกันแน่?

ตั้งแต่ไป๋อวี่เฟยมาถึงสำนักไท่หัวก็วางมาดใส่นางมาโดยตลอด ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยล้วนแฝงไว้ซึ่งความยโสโอหัง ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ดูแคลนและสบประมาทนาง

บัดนี้กลับบอกว่านางดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างนั้นหรือ?

เขากลับกลายเป็นผู้ถูกกระทำรึ?

เหอะ ๆ…

คนผู้นี้หน้าไม่อายสิ้นดี!

“จื้อหมิงใจดีเกินไป คนเยี่ยงนี้ไยต้องรับเข้าสถานศึกษาด้วย ต่อให้ได้ลงสนามรบในวันหน้าก็เป็นตัวถ่วงอยู่ดี!”

ร่างอวตารของปู่ไป๋อวี่เฟยกล่าว

จื้อหมิงคือชื่อของลุงหมิงที่ไป๋อวี่เฟยเรียก หรือก็คือผู้รักษาการแทนอาจารย์ใหญ่สถานศึกษาเทียนตี้ในปัจจุบัน

จากนั้นร่างอวตารก็หันมองเซี่ยเหยียน “คันศรนี้ดี แต่คนใช้หาได้คู่ควรไม่ นิสัยใจคอเช่นเจ้ายากจะสำเร็จการใหญ่ ไม่คู่ควรจะถือครองคันศรนี้!”

เขาเห็นคันศรในมือเซี่ยเหยียน แม้แต่ตัวเขาเองยังสะท้านใจอย่างยิ่ง

คันศรเล่มนี้สูงส่งเกินไป มีจังหวะแห่งเต๋าไหลเวียนอยู่ ตัวเขาเองยังรู้สึกต่ำต้อย ถอนใจกับตัวเองว่าไม่อาจทัดเทียม

คันศรวิเศษเยี่ยงนี้มาจากไหนกัน

เขาใคร่รู้อย่างมาก ในกาลเวลาอันแสนยาวนาน คล้ายว่าไม่เคยมีคันศรวิเศษเช่นนี้ปรากฏมาก่อน!

ได้ยินวาจาที่ร่างอวตารของปู่ไป๋อวี่เฟยกล่าวแล้ว ในที่สุดเซี่ยเหยียนก็เข้าใจว่าเหตุใดไป๋อวี่เฟยถึงยโสโอหัง เย่อหยิ่งปานนี้

ปู่ของไป๋อวี่เฟยใช้ถ้อยคำเหมือนเขาเปี๊ยบ!

เห็นได้ชัดว่าไป๋อวี่เฟยสืบทอดนิสัยเช่นนี้มาจากปู่ของเขา!

“มอบคันศรวิเศษออกมา ตามเสี่ยวเฟยกลับไปรับโทษ เจ้ายังมีทางรอด ขืนยังบังอาจแข็งข้อ คิดวางแผนอื่น ข้าจักปลิดชีพเจ้าลงเดี๋ยวนี้!”

ปู่ของไป๋อวี่เฟยกล่าว “บารมีของยอดนิกายไม่ยอมให้ผู้ใดจาบจ้วง เจ้ายังบังอาจคิดฆ่าเสี่ยวเฟย นับถือโทษสถานหนัก หวังว่าเจ้าจะไม่รนหาที่ตาย!”

“…”

อันธพาลยิ่ง!

คิ้วเซี่ยเหยียนกระตุก ปู่ของไป๋อวี่เฟยฟังคำกล่าวจากไป๋อวี่เฟยเพียงอย่างเดียวก็กำหนดโทษนางแล้วหรือ

“บารมียอดนิกายของเจ้าไม่อาจจาบจ้วง แล้วบารมีของข้าสามารถจาบจ้วงได้ตามอำเภอใจงั้นหรือ”

เซี่ยเหยียนตวาดเสียงเย็น “ซ้ำยัง…โทษสถานหนัก!? เจ้ามีสิทธิ์อันใดตัดสินโทษข้า!”

“สามหาว!”

ร่างอวตารปู่ของไป๋อวี่เฟยแผดเสียง “เจ้าตั้งใจรนหาที่ตายจริงหรือ!?”

“ที่ตายงั้นรึ? เจ้าเป็นคนกำหนดให้ข้าหรือ?”

เซี่ยเหยียนหัวเราะ ทว่าเสียงหัวเราะนั้นเยียบเย็นเหลือคณา “เจ้าบอกให้ตายก็ตาย น่าขันยิ่ง!”

นางค้อมตัวดึงศรจนตึง พลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงหลอมรวม ศรอาบแสงเล่มหนึ่งก่อรูปก่อร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ปรากฏอยู่บนสายศร!

“อย่าว่าแต่ร่างอวตารร่างหนึ่งของเจ้าเลย ต่อให้ตัวเจ้ามาถึงที่นี่ด้วยตนเอง เจ้าก็ไม่อาจตัดสินโทษข้า และเจ้าไม่อาจตัดสินชะตาของข้า!”

เซี่ยเหยียนตวาดเสียงเย็น คลายมือข้างที่ดึงสาย เสียงดังฟิ้ว ศรอาบแสงผละออกจากคันศร พร้อมด้วยประกายเจิดจ้าไร้ที่เปรียบ ทะลุมิติ พุ่งไปยังร่างอวตารของปู่ไป๋อวี่เฟย

น่าขัน

น่าขันยิ่ง

นางมีหยกคุ้มกายที่ท่านเซียนประทาน ผู้ใดสามารถตัดสินชะตาของนางได้?

จ้าววิถีสูงสุดคนหนึ่งหรือ

คิดอะไรอยู่!

มหาจักรพรรดิมายังไม่แน่ว่าจะตัดสินชะตาของนางได้!

“รนหาที่ตาย เช่นนั้นขอฆ่าเจ้าตายอยู่ที่นี่!”

ร่างอวตารปู่ของไป๋อวี่เฟยตะโกน ประกายเจิดจ้าสยดสยองพวยพุ่งอยู่รอบตัว พลังปราณแสนน่ากลัวมวลแล้วมวลเล่าโถมทับออกมา จนฟ้าดินยังเปลี่ยนสี

จ้าววิถีสูงสุด

ถือเป็นมหาขอบเขตสูงส่ง จากคำเรียกขอบเขตขั้นนี้ก็ดูออกว่าเป็นระดับพลังที่แข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงปานใด ยอดฝีมือที่มหาเต๋ายังให้การยอมรับ ให้ความนับถือ

เขายื่นมือใหญ่ข้างหนึ่งออกมา ขยายขนาดในพริบตา บดบังฟ้าดิน พลังยิ่งใหญ่ท่วมท้นนภาคืบคลาน หมายจะทำลายศรอาบแสงที่พุ่งเข้ามาด้วยฝ่ามือเดียว!

และพลังที่แฝงอยู่ในฝ่ามือของเขานั้น อย่าให้พูดเลยว่าน่าหวาดหวั่นเพียงใด ไป๋อวี่เฟยคิดว่าแม้แต่จ้าวสูงสุดยังไม่อาจต้านทานพลังจากร่างอวตารของท่านปู่เขาได้ อันที่จริง ไป๋อวี่เฟยคิดผิด

นี่คือร่างอวตารที่ท่านปู่ของเขาตั้งใจหลอมเพื่อเขา ทุ่มเทพลังใจเข้าไปมหาศาล หาใช่ร่างอวตารดาษดื่นทั่วไป

อย่าว่าแต่จ้าวสูงสุดเลย แม้แต่จ้าวนภาสูงสุดซึ่งอยู่เหนือจ้าวสูงสุดยังไม่อาจต้านทาน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท