“หลังจากที่บริษัทประกาศภารกิจปีหน้าออกมา แผนกประพันธ์แต่ละชั้นล้วนเลือกนักร้องที่มีศักยภาพสูงสุด”
“แต่ทำไมฉันได้ยินว่านักร้องที่ชั้นเก้าเลือกซุนเย่าหั่วกับเจียงขุย”
“การตัดสินใจของเซี่ยนอวี๋อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ ชั้นอื่นพยายามเลือกดันนักร้องที่มีโอกาสได้เป็นนักร้องแถวหน้ามากที่สุด แค่เขาเลือกคนที่ชั้นอื่นๆ ไม่สนใจเท่านั้นเอง”
“ที่ผมงงก็คือ เซี่ยนอวี๋เคยร่วมงานกับจ้าวอิ๋งเก้อมาแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมสุดท้ายดันไปเลือกเจียงขุยซะล่ะ”
“ปกติแล้วจ้าวอิ๋งเก้อมักจะเอ่ยถึงอาจารย์เซี่ยนอวี๋ เห็นชัดๆ ว่าใจไปอยู่ชั้นเก้าแล้ว ปรากฏว่าชั้นเก้าดันไม่เลือกเธอ แต่ชั้นอื่นกลับเลือกเชิญเธอ เจ้าตัวคงรู้สึกหดหู่น่าดู”
“เจียงขุยก็ยังไม่เท่าซุนเย่าหั่วมั้ย ด้วยพื้นฐานของซุนเย่าหั่ว ถ้าจะดันจริงๆ คงยากมาก…”
“สมแล้วที่เป็นพ่อเพลงตัวน้อย เลือกคนได้เอาแต่ใจมาก”
“เหอะๆ ซุนเย่าหั่วนั่นขึ้นมาได้ก็เพราะประจบอาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่ใช่เหรอ ผมได้ยินว่าซุนเย่าหั่วยังไปถ่ายทอดเคล็ดวิชาการประจบอะไรนั่นให้กับหน้าใหม่ในบริษัทอีก ขายหน้าจริงๆ”
“ฮ่าๆ คุณอิจฉาที่เซี่ยนอวี๋เลือกซุนเย่าหั่ว แต่ไม่เลือกคุณสินะ”
“แล้วไงล่ะครับ อย่าว่าแต่ผมเลย นักร้องชายแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัทก็อิจฉาซุนเย่าหั่วกันทั้งนั้น! อีกอย่างคุณไม่อิจฉาหรือไง เป็นสัญลักษณ์สีเหลืองเหมือนกัน ในหมู่นักร้องหญิงด้วยกัน ความสามารถคุณน่าจะเหนือกว่าเจียงขุยอีก”
“ฉันแค่อิจฉา ใครให้เจียงขุยเคยเกาะขาพ่อเพลงตัวน้อยในช่วงแรกๆ มาก่อนล่ะคะ ตอนนั้นเซี่ยนอวี๋ยังเป็นนักประพันธ์เพลงหน้าใหม่อยู่เลยมั้ยล่ะ ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อสองปีที่แล้วได้ ฉันจะต้องรีบเข้าไปกอดขาตั้งแต่เซี่ยนอวี๋เพิ่งก้าวเข้ามาในบริษัทให้ได้เลยคอยดู!”
“…”
รายชื่อนักร้องที่แต่ละชั้นเลือกมาปั้นกำลังจะเปิดเผยเร็วๆ นี้
หลังจากที่รายชื่อนักร้องที่แต่ละชั้นเลือกเปิดเผยออกมา ครึ่งค่อนบริษัทต่างถกเถียงกันเรื่องนี้
ในนั้น เนื่องจากตัวเลือกของชั้นเก้าอยู่เหนือความคาดหมายมากที่สุด เพราะฉะนั้นจึงก่อให้เกิดการถกเถียงกันมากที่สุด
“ทำไมอาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่เลือกฉัน”
ในห้องพักผ่อนสักห้องหนึ่งของบริษัท สีหน้าของจ้าวอิ๋งเก้อแลดูผิดหวัง
เธอคิดไว้ในใจแต่แรกแล้ว ว่าขอเพียงชั้นเก้าเอ่ยปาก เธอก็จะไปรายงานตัวกับอาจารย์เซี่ยนอวี๋ทันที!
เธอถึงขั้นอยากออกตัวนำเสนอตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว ตนไม่ใช่ตนแบบเมื่อก่อนอีกต่อไป
ถ้าไปหาถึงที่ก็ออกจะหน้าไม่อายเกินไปหน่อย
ไม่ต้องให้ตนไปถึงหน้าประตูชั้นเก้า ชั้นเก้าก็ต้องเลือกตนอยู่แล้วล่ะมั้ง คนที่มีสายตาเฉียบแหลมล้วนมองออกว่าในบริษัท ตนเป็นนักร้องหญิงที่มีความหวังในการเป็นนักร้องแถวหน้ามากที่สุดแล้ว!
ปรากฏว่า…
ทุกชั้นส่งคำเชิญมาหาจ้าวอิ๋งเก้อ มีเพียงชั้นเก้าที่ไม่สนใจเธอ!
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่ชอบฉันเหรอ หรือว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยไปล่วงเกินเขา”
เมื่อพบกับผลลัพธ์เช่นนี้ กล่าวตามตรง จ้าวอิ๋งเก้อรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง
ขณะที่รู้สึกน้อยใจ เธอก็โกรธเคืองเช่นกัน เธอรู้สึกว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋อาจดูเบาเธอ ความรู้สึกว่าตนถูกดูแคลนเช่นนี้ไม่ดีเอาเสียเลย
ดังนั้นสุดท้ายแล้วเธอจึงเลือกไปอยู่ชั้นสิบ ซึ่งอยู่ติดกับชั้นเก้า
เป็นตัวเลือกซึ่งแฝงไปด้วยเจตนาแก้แค้น!
ชั้นสิบไม่ใช่ชั้นที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่าชั้นสิบเป็นชั้นที่อยู่ใกล้ชั้นเก้ามากที่สุด!
จ้าวอิ๋งเก้อต้องการอยู่ในจุดที่ใกล้กับเซี่ยนอวี๋มากที่สุด เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตน!
กล่าวโดยละเอียดก็คือ ต้องการพิสูจน์ให้เซี่ยนอวี๋เห็นเป็นประจักษ์ ว่าเขาคิดผิดที่ไม่เลือกตน!
ผู้ช่วยซึ่งอยู่ด้านข้างเอ่ยปลอบ “ช่างมันเถอะน่า แผนกประพันธ์เพลงชั้นอื่นก็เลือกเธอกันหมดเลยไม่ใช่หรือ นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าการพัฒนาตลอดสองปีที่ผ่านมาของเธอประสบความสำเร็จมากแล้ว”
“…”
จ้าวอิ๋งเก้อไม่พูดจา ไม่ว่าอย่างไรก็ยังปล่อยวางไม่ลง บางทีอาจเป็นความรู้สึกต่อต้าน ยิ่งเซี่ยนอวี๋ไม่สนใจเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งสนใจเรื่องนี้มากขึ้นเท่านั้น
หลายวันให้หลัง
สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์
ในฐานะนักร้องที่ชั้นเก้าเลือกมาบ่มเพาะ ซุนเย่าหั่วและเจียงขุยแทบมาถึงแผนกประพันธ์เพลงเพื่อทำงานพร้อมกัน
“ฉันรู้สึกเหมือนเข้ามาทางลัดเลย”
จู่ๆ เจียงขุยก็พึมพำด้วยความรู้สึกหดหู่
แน่นอนว่าเธอได้ยินคำซุบซิบนินทาในบริษัท ถึงอย่างไรก็ดูคล้ายกับว่าเธอแย่งโควตาของชั้นเก้ามาจากจ้าวอิ๋งเก้อ ในสายตาของทุกคน เธอเทียบจ้าวอิ๋งเก้อไม่ได้เลยสักด้าน
ฝั่งตรงข้ามของเจียงขุย
ซุนเย่าหั่วใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวลือในบริษัทแม้แต่นิดเดียว ทำให้เห็นถึงจิตใจอันฮึกเหิมและวิญญาณอันเต็มเปี่ยมของเขา
“นายไม่โกรธเหรอ”
เจียงขุยมองไปยังซุนเย่าหั่วด้วยความสงสัย “นายไม่รู้เหรอว่าช่วงนี้ในบริษัทพูดถึงพวกเราว่าอะไร คำพูดพวกนั้นฟังดูไม่ค่อยดีเลย”
“รู้สิ แล้วไงใครแคร์”
ซุนเย่าหั่วยิ้มแป้น “ถ้าเรียงจากลำดับแล้ว เธอกับฉันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด ถูกชั้นเก้าเลือกมาก็เพราะรุ่นน้องที่มีความหลังฝังใจทั้งนั้น ถูกคนซุบซิบนินทาเพราะอิจฉาแค่นิดหน่อยจะเป็นไรไป ถ้าฉันเป็นพวกเขา ฉันก็คงอิจฉาเหมือนกัน ซุนเย่าหั่วเอาอะไรมาถูกเลือกก่อน ถึงยังไงในแผนกประพันธ์เพลงมีระบบอุปถัมภ์กันอยู่แล้ว ใครขึ้นคนนั้นก็โดน เธอว่ามั้ยล่ะ”
ฉันขึ้นฉันก็โดน
นี่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับหลายคนเมื่อเห็นว่าซุนเย่าหั่วถูกเลือก
แผนกประพันธ์เพลงแต่ละชั้นเลือกนักร้องสองคนมาปั้น เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไปก็ส่งผลกระทบรุนแรงต่อแผนกนักร้องและศิลปิน ทุกคนแตกตื่นกันจ้าละหวั่นหลังจากทราบข่าว ถึงขั้นที่ออกตัวนำเสนอตนเอง…
ใครไม่อยากถูกแผนกประพันธ์เพลงเลือกบ้างล่ะ
นี่เป็นการทุ่มเทแรงกายแรงใจฟูมฟักโดยแผนกประพันธ์เพลงแต่ละชั้น!
ถูกเลือกไปก็เท่ากับก้าวขาหนึ่งข้างข้ามธรณีประตูของการเป็นนักร้องแถวหน้าไปแล้ว!
สำหรับนักร้องแล้ว แผนกประพันธ์เพลงคือขุมทรัพย์อันยั่วยวนใจ!
ครั้นซุนเย่าหั่วรู้ข่าวนี้ ก็คิดไปทันทีว่าตนไม่มีทางถูกเลือก ต่อให้เขาสนิทสนมกับรุ่นน้องเป็นการส่วนตัวก็ตามแต่ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ตั้งความหวังอะไร
ในความคิดของเขา วันไหนรุ่นน้องอารมณ์ดีขึ้นมา ดูแลเขาเพิ่มอีกนิด ก็มากพอให้เขามีความสุขแล้ว
เพราะเขารู้สถานการณ์ของตนดี
เพลงดังคนไม่ดัง ราวกับดินโคลนที่ไม่อาจค้ำกำแพงได้
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ รุ่นน้องถึงกับมองข้ามคำวิจารณ์ต่างๆ นานาจากผู้คนในบริษัท และเลือกตน!
ต้องเข้าใจว่า…
นักร้องชายที่มีพื้นฐานดีกว่าเขานั้นมีไม่น้อย อยากชิงดีชิงเด่น เบียดกันขึ้นมาอยู่ในรายชื่อทั้งนั้น!
เรื่องนี้มีอะไรให้พูดถึงมากมาย?
แทนที่จะโมโหนักร้องที่ดูถูกตน ไม่สู้หาวิธีสร้างผลงานให้ดีดีกว่าเหรอ ไม่อย่างนั้นตนคงรู้สึกผิดต่อรุ่นน้องอย่างแน่นอน!
เจียงขุยสะดุ้งโหยง
จู่ๆ เธอก็ค้นพบว่า ระดับของตนยังสู้ซุนเย่าหั่วไม่ได้
ใช่แล้ว มีอะไรให้ปฏิเสธล่ะ ที่ถูกชั้นเก้าเลือก ก็เพราะความสัมพันธ์กับอาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่ใช่หรอกหรือ
ไม่อย่างนั้นอาจารย์เซี่ยนอวี๋จะเลือกจ้าวอิ๋งเก้อก็ได้
ถึงอย่างไรหลายคนในบริษัทก็รู้ ว่าจ้าวอิ๋งเก้อชื่นชมอาจารย์เซี่ยนอวี๋มากขนาดไหน จนแทบอยากเสนอตัวไปที่ชั้นเก้าให้รู้แล้วรู้รอด!
ดันนั้นตนยืดอกยอมรับไปจะดีกว่า
เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นหรอก
มีเพียงวิธีการโต้กลับ นั่นก็คือทำผลงานออกมา ทำให้พวกเขาเงียบปากกันไปเอง ทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋คิดถูกที่เลือกตนมา!
สายตาของอาจารย์เซี่ยนอวี๋นี่สิถึงเฉียบแหลมที่สุด!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เจียงขุยก็เข้าใจ ถึงขั้นรู้สึกว่าซุนเย่าหั่วเป็นคนอบอุ่นมาก
ราวกับถูกส่งผ่านความอบอุ่นมาจากซุนเย่าหั่ว ความน้อยเนื้อต่ำใจและขุ่นเคืองในใจนั้นถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น!
“ตัวแทนหลินหาพวกคุณอยู่ค่ะ”
กู้ตงออกมาแจ้งทั้งสอง
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องทำงานของหลินเยวียนอย่างประหม่า
ในตอนนั้นหลินเยวียนกำลังขบคิดว่าปีหน้าจะปั้นซุนเย่าหั่วและเจียงขุยอย่างไรดี เมื่อเห็นว่ามีคนมา จึงเอ่ย
“เชิญครับ”
ทั้งสองนั่งลงทันที
กู้ตงจัดแจงชงชาให้พวกเขา
ในห้องทำงานของหลินเยวียนในตอนนี้ไม่ขาดแคลนใบชาชั้นดีแล้ว
เพราะใครก็ตามที่พอจะรู้เรื่องความชอบของหลินเยวียน ย่อมรู้ว่าหลินเยวียนชอบอะไร
“ชาชั้นดี!”
ชาซึ่งเพิ่งชงเสร็จหมาดๆ ร้อนจนลวกปาก แต่ซุนเย่าหั่วก็ยังดื่มไปหนึ่งคำ ก่อนจะเอ่ยชม “ดูท่าต่อไปฉันจะต้องเปลี่ยนมาดื่มชาบ้าง กาแฟจะไปสู้ชาได้ยังไง รุ่นน้องนี่รสนิยมดีจริงๆ”
“จริงเหรอครับ”
หลินเยวียนปลาบปลื้ม รู้สึกว่ารุ่นพี่รู้ใจเขาดีจริงๆ
“รุ่นพี่ค่อยๆ ดื่ม ชาร้อนมาก ถ้าชอบล่ะก็ เดี๋ยวผมให้พวก…ให้พี่ไปห่อนึง”
เจียงขุย “…”
เสียแรงที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าซุนเย่าหั่วเป็นคนอบอุ่น
เมื่อเทียบกับอบอุ่นแล้ว คำว่าขี้ประจบน่าจะเหมาะกับคนตรงหน้าซะมากกว่า
นึกไม่ถึงเลยว่าไม่ได้เจอกันนาน ฝีมือการประจบประแจงของซุนเย่าหั่วจะรุดหน้าไปมาก ตนกำลังคิดอยู่เลยว่าจะพูดอย่างไรให้ฟังดูดี ซุนเย่าหั่วกลับสรรหาคำพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
ลงทุนไปอีก!
ชานี้เพิ่งชงสดๆ ร้อนๆ
ไม่กลัวชาลวกจนปากพองหรือไง
…………………………………………………..