หลินเยวียนไม่ได้ล่วงรู้ถึงความคิดของเจียงขุยและซุนเย่าหั่ว เขาเพียงเอ่ยอย่างเนิบช้า “พวกคุณร้องเพลงด้วยกันได้มั้ย หมายถึงร้องประสานเสียงน่ะครับ”
“ร้องประสานเสียงด้วยกัน”
ซุนเย่าหั่วกับเจียงขุยมองหน้ากัน ไม่กล้าตอบตกลงในทันที ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ซุนเย่าหั่วจะเอ่ย “ฉันโอเคนะ”
เจียงขุยบอก “ฉันก็เหมือนกัน”
ทั้งสองมีพื้นฐานด้านนี้ เรียนดนตรีเฉพาะทางและเป็นระบบ แน่นอนว่าสามารถร้องประสานเสียงและร้องคลอได้ แต่ความสามารถในการร้องประสานเสียงและร้องคลอย่อมไม่เท่ากับฝีมือในการขับร้อง
นอกจากนั้น
พวกเขาไม่รู้ว่า มาตรฐานของคำว่า ‘ร้องได้’ ที่หลินเยวียนพูดถึงคืออะไร ถ้าหากเป็นการร่วมงานของสองคนละก็ อันที่จริงยังต้องใช้ระยะเวลาในการเคี่ยวกรำ
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ
ในทัศนะของมืออาชีพ การประสานเสียงไม่ใช่การร้องคลอ ผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรมืออาชีพอาจสับสนเรื่องนี้ มีเพียงการประสานในระนาบเดียวกันเท่านั้นจึงจะเป็นคอนเซ็ปต์ของการประสานเสียง
แต่ก็เหมือนกับเสียงปลาโลมา[1]
เดิมทีแนวคิดเฉพาะทางถึงขั้นที่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเสียงหวีด เพียงแต่คนภายนอกเรียกกันจนติดปาก ทุกคนจึงไม่ได้มามัวจับผิดอะไร ถึงอย่างไรถ้าหากสื่อถึงความหมายเดียวกันก็เป็นอันใช้ได้ การดันทุรังใช้สิ่งที่ผิดต่อไปก็นับเป็นการเข้าเมืองตาหลิ่ว แล้วหลิ่วตาตามอย่างหนึ่ง
การร้องประสานเสียงสามารถแบ่งประเภทได้
เสียงร้องหลักคือทำนองหลัก การร้องประสานเสียงที่พบเห็นได้บ่อยคือการร้องตาม การร้องคลอซึ่งปกติเรียกว่าส่วนที่สองก็คือการร้องคู่ 3 คู่ 5 ซึ่งพบเห็นกันได้ทั่วไป
สมมติเสียงร้องหลักร้องว่า 123
เสียงร้องคลอจะร้องว่า 345
ซ้อนเพิ่มขึ้นจากเสียงประสานไปอีกสามขั้นก็เข้าใจได้แล้ว จะเมเจอร์เติร์ดหรือไมเนอร์เติร์ดต้องขึ้นอยู่กับคอร์ด แน่นอนว่าเป็นไปตามช่องเสียง ความแตกต่างของเสียงผู้หญิงผู้ชาย และปัจจัยอื่นๆ สามขั้นนี้สามารถพลิกขึ้นลงอ็อกเทฟได้
ยืดหยุ่นและไม่ตายตัว
แต่การร้องคลอประเภทนี้ ก็จำเป็นต้องใช้ฝีมือ ถ้าหากไม่ได้ฝึกฝนมาดีเท่าที่ควร ก็อาจเกิดปัญหาด้านความไม่ลงตัว เช่นเดียวกับในวงการดนตรีที่มีนักร้องแนวหน้าสองคนร้องเพลงเพลงเดียวกัน…
บอกว่าราชาเพลงราชินีเพลงร้องเพลงด้วยกันจะต้องปังมากไม่ใช่หรือ
ในกระบวนการของการประสานเสียง จะปรากฏท่อนในการประสานเสียงของแต่ละฝ่าย ถ้าเข้ากันได้ดี จะช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ของการขับร้องเป็นอีกเท่าตัว แต่ถ้าหากเข้ากันได้ไม่ดี ทุกคนจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง
ทว่าหนึ่งบวกหนึ่งก็อาจถึงขั้นน้อยกว่าหนึ่งได้
เมื่อได้ฟังหลินเยวียนพูดเช่นนี้ ซุนเย่าหั่วและเจียงขุยก็พอจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ “รุ่นน้องหมายถึง อยากให้ฉันกับเจียงขุยร้องเพลงคู่กัน?”
หลินเยวียนพยักหน้า “ใช่ครับ”
ภารกิจของบริษัทคือการปั้นนักร้องชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคน หลินเยวียนใคร่ครวญดู วิธีการที่ประหยัดแรงที่สุดหนีไม่พ้นการร้องเพลงคู่
แน่นอน
การประหยัดแรงคือเรื่องรอง หลินเยวียนไม่ใช่คนเกียจคร้านอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ วิธีการนี้…
ประหยัดเงินที่สุด!
นี่เป็นช่องโหว่ของระบบที่หลินเยวียนหาเจอหลังจากขบคิดอยู่นาน การสั่งระบบผลิตเพลงหนึ่งเพลงคือราคาของเพลงหนึ่งเพลง เพราะฉะนั้นทำไมตนถึงไม่สั่งทำเพลงที่ชายหญิงร้องร่วมกันไปเลย ปั้นพร้อมกันสองคนในคราวเดียว?
“เพราะฉะนั้น…”
หลินเยวียนพูด “พวกคุณสองคนกลับไป ลองหาเพลงคู่ฝึกซ้อมดูครับ ให้ดีก็ควรมีบุุคลากรมืออาชีพคอยแนะนำอยู่ข้างๆ เพลงคู่ชายหญิงจะต้องรู้ใจกัน ช่วงเสียงกับเนื้อเสียงของพวกคุณเข้ากันได้ดีมาก ไม่มีทางเจอกับสถานการณ์ที่เสียงตีกัน”
“เข้าใจแล้ว”
ซุนเย่าหั่วไม่มีความเห็นค้าน
เจียงขุยย่อมไม่มีความเห็นค้านเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอกับซุนเย่าหั่วจึงไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์แบบแข่งขันกันอีกต่อไป อย่างน้อยเพลงแรกที่ชั้นเก้ามอบให้ก็เป็นเช่นนั้น มีเพียงแค่การร่วมมือกันเท่านั้นถึงจะชนะร่วมกัน
……
หลังจากซุนเย่าหั่วและเจียงขุยออกไป หลินเยวียนก็เอ่ยเรียกระบบ
สั่งทำตามที่ต้องการเลยดี?
หรือว่าสุ่มเลือกดี?
หลินเยวียนเลือกวิธีการสั่งผลิตที่ประหยัดเงินที่สุด “ระบบ ฉันจ่ายล้าน สั่งทำเพลงที่ผูู้ชายผู้หญิงร้องคู่กัน”
ประหยัดเงินหมายความว่าไม่มีหลักประกัน
บทเพลงที่ผู้ชายผู้หญิงขับร้องร่วมกัน จะต้องพิจารณาถึงช่วงเสียงและเนื้อเสียงของทั้งสองฝ่าย ถ้าหากเพลงที่ระบบให้นั้นไม่เข้ากับเสียงของทั้งสองก็จะยุ่งยากสักหน่อย
แต่ในที่นี้เขาสามารถใช้ช่องโหว่อีกจุดหนึ่งของระบบมาแก้ปัญหา
การ์ดตัวละครหยางจงหมิง!
ไม่ว่าระบบจะส่งมอบเพลงร้องคู่ชายหญิงเพลงไหนมาให้ หลินเยวียนก็สามารถเปิดใช้งานการ์ดตัวละครหยางจงหมิง ดัดแปลงบทเพลงจนเข้ากับรูปแบบและสภาพเสียงของทั้งสอง
ไม่รู้ว่าระบบค้นพบช่องโหว่นี้แล้วหรือยัง
หลินเยวียนไม่สามารถใช้การ์ดตัวละครหยางจงหมิงในการสร้างสรรค์ผลงาน แต่ระบบกลับอนุญาตให้หลินเยวียนใช้การ์ดตัวละครหยางจงหมิงในสร้างผลงานที่สองบนพื้นฐานของงานเดิม
เพราะฉะนั้นไม่ว่าระบบจะส่งเพลงไหนมา หลินเยวียนก็ไม่ได้กังวลมากนัก
เมื่อพิจารณาถึงการเก็บเงินที่อาจเอาแน่เอานอนไม่ได้ของระบบ เขาจึงกำหนดราคาในการสั่งผลิตไว้ที่หนึ่งล้านหยวน
“ติ๊งต่อง”
ระบบปรากฏขึ้น “กำลังผลิตเพลง…”
ผ่านไปสามสิบวินาที
ระบบแจ้งเตือน “ผลิตเพลงสำเร็จ ยินดีด้วยโฮสต์ได้รับเพลงร้องคู่หญิงชาย ‘ดาดฟ้า’”
เป็นเพลงของประธานโจว[2]เองเหรอเนี่ย
น่าจะเป็นครั้งแรกที่สุ่มได้เพลงของประธานโจว
ในยุคแรก เพลงนี้เป็นเพลงที่ประธานโจวทำให้อู๋จ่งเสียน[3] เวอร์ชันแรกเริ่มอู๋จ่งเสียนร้องกับเวินหลาน[4] นับเป็นเพลงคู่สุดคลาสสิก คุณภาพและจุดเด่นไม่นับว่าแย่
ระบบจัดมาให้ทั้งสองเวอร์ชัน
เวอร์ชันแรกอู๋จ่งเสียนและเวินหลานร้องคู่กัน เวอร์ชันที่สองประธานโจวกับเวินหลานร้องคู่กัน
เวอร์ชันแรกเป็นสไตล์ค่อนข้างเก่า ให้ความรู้สึกมีมนตร์เสน่ห์ เวอร์ชันหลังเรียบเรียงเพลงให้เข้ากับรสนิยมของสมัยใหม่
หลินเยวียนล้วนรู้สึกว่าดีทั้งสองเวอร์ชัน
แต่อาจเป็นเพราะประธานโจวเป็นคนร้องเวอร์ชันที่สอง จึงทำให้รู้สึกทันสมัยกว่า แม้ว่าในทัศนะของหลินเยวียน เสียงของเวินหลานจะไม่ได้เข้ากับเสียงของประธานโจวเต็มร้อย จำเป็นต้องให้ห้องอัดจัดการเพิ่มเติมอีก
นักร้องหญิงที่เสียงเข้ากับประธานโจวมากที่สุดเห็นจะเป็นไช่อีหลิน[5] ทว่ารายละเอียดขอไม่พูดถึง
“รอให้สองคนฝึกซ้อมจนเข้าขากันก่อนแล้วค่อยลองร้องก็แล้วกัน”
“เพลงนี้ร้องไม่ยาก รุ่นพี่เย่าหั่วกับเจียงขุยร้องด้วยกันแล้วไม่จำเป็นต้องปรับอะไรมาก นี่เป็นข่าวดี ถึงยังไงถ้าไม่แก้ได้ก็ไม่ต้องแก้ถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
เมื่อยืนยันเพลงแล้ว หลินเยวียนก็เตรียมดาวน์โหลด
ดาวน์โหลดไปได้ครึ่งเดียว ระบบก็เอ่ยเตือน “ดาวน์โหลดล้มเหลว”
หลินเยวียนชะงักไป “ไม่มีอินเทอร์เน็ตเหรอ”
เขากำลังจะตรวจสอบสัญญาณไวไฟโดยสัญชาตญาณ
“ระบบไม่จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ต…ที่การดาวน์โหลดเพลงล้มเหลว ก็เพราะระบบหวังว่าในครั้งนี้โฮสต์จะมีส่วนร่วมมากขึ้น เรียบเรียงเพลงและอัดเดโมด้วยตัวเอง หลังจากนี้เพลงที่ระบบมอบให้จะเป็นไปตามขั้นตอนนี้ทั้งหมด”
“…”
หลินเยวียนบอก “เข้าใจแล้ว”
เขาไม่ได้โกรธ และไม่ได้ต่อต้านเรื่องที่ระบบเพิ่มการมีส่วนร่วมให้เขามากขึ้น อย่างที่เขาบอกไป เขาไม่ได้เป็นคนเกียจคร้าน
อัดเองก็อัดเอง ก็แค่เพลงเดโม
การเรียบเรียงผลงานมีรูปแบบสำเร็จ หลินเยวียนเพียงแค่ลงมือลอกเลียนแบบ ไม่จำเป็นต้องหาคนอื่นมาเรียบเรียงเพลง
เช่นเดียวกับนิยาย
นิยายที่ระบบมอบให้ในตอนแรกก็ใช้งานได้ทันที ทว่าภายหลังระบบให้หลินเยวียนลงมือเอง สถานการณ์ในตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน
ขั้นตอนการผลิตเพลงเดโมนั้นไม่ได้ยากอะไร
ตราบใดที่มีคอมพิวเตอร์และโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง สะดวกอัดเพลงเมื่อไหร่ก็ดำเนินการได้ทันที เรื่องนี้หลินเยวียนเคยเรียน ใช้โอกาสนี้ฝึกปรือฝีมือให้ดีขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่การขับร้องที่มีระเบียบแบบแผนตายตัว
เขาเรียกกู้ตง ตระเตรียมสิ่งที่จำเป็น จากนั้นจึงเริ่มผลิตเพลงเดโมอย่างเป็นทางการ
………………………………………………………….
[1] เสียงปลาโลมา หมายถึงเสียงหวีด
[2] ประธานโจว เป็นชื่อเรียกโจวเจี๋ยหลุน หรือเจย์ โชว (Jay Chou) นักร้อง นักแสดงชาวไต้หวัน
[3] อู๋จ่งเสียน (Jacky Wu) นักร้อง นักแสดง พิธีกรชาวไต้หวัน
[4] เวินหลาน (Landy Wen) นักร้องชาวไต้หวัน
[5] ไช่อีหลิน (Jolin Tsai) นักร้องชาวไต้หวัน
ขอบคุณค่ะ 🙏
ขอบคุณค่ะ 🙏 รอติดตามตอนต่อไปค่าาา