บทที่ 386 ความเข้าใจในมหาเต๋าสุดลึกซึ้ง เพลงมวยธรรมดายังมอบพลังแสนกล้าแกร่งให้ได้!
ร่างแยกปู่ของไป๋อวี่เฟยมั่นใจเต็มเปี่ยม ฟาดฝ่ามือเข้าไป หมายจะทำลายศรปีกที่ยิงมาหาเขาในบัดดล
ทว่าเขาคิดน้อยเกินไป!
ทันทีที่ฝ่ามือของเขาและศรอาบแสงเล่มนั้นปะทะ ดวงหน้าชราเฒ่าของเขาบิดเบี้ยวในทันที
“ไม่!”
เขาคำราม ปลดปล่อยพลังสุดฤทธิ์ ประกายสยดสยองบนตัวทะยานขึ้นฟ้า ประหนึ่งเปลวไฟลุกโชน
ลมหายใจที่ปะทะเข้ากับศรอาบแสง เขาถึงเข้าใจว่าในศรอาบแสงเล่มนี้แฝงไว้ซึ่งพลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานใด มากเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว!
พรวด!
ศรอาบแสงไร้เทียมทาน ทะลุผ่านฝ่ามือของเขา ซ้ำยังทิ่มแทงลึกเข้าไปในฝ่ามือ ทะลวงผ่านร่างของเขา!
ตัวของเขาระเบิดแหลกลาญกลายเป็นจุณ ก่อนจะสลายหายไปอย่างสมบูรณ์
“อะ…อะไรกัน!”
ไป๋อวี่เฟยตื่นตระหนกลนลาน ตะกุกตะกักขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยเหยียนรีดเร้นพลังออกมาได้แข็งแกร่งปานนี้
เหนือกว่าความคาดหมายของเขาไปมาก เขาหมดสิ้นความยโสอย่างก่อนหน้านี้ เหลือเพียงความหวาดผวาเหลือแสน
“เจ้า…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! หากเจ้าฆ่าข้า ทั้งตระกูลไป๋จักไม่ปล่อยเจ้าไว้!”
หน้าตาของเขาซีดเผือด ร่างกายโซซัดโซเซ ได้แต่ยกตระกูลไป๋มาอ้างเพื่อรักษาชีวิต กลัวแต่เซี่ยเหยียนจะยิงศรใส่เขาจนสิ้นชีพ
เขาสำนึกเสียใจเหลือคณา ก่อนหน้านี้เขาบังอาจกำแหงต่อหน้าเซี่ยเหยียนผู้มีพลังแกร่งกล้า ดูถูกท้าทายเซี่ยเหยียนสุด ๆ เขาไม่รู้หรือว่าความตายเป็นอย่างไร!
“เป็นอะไรไป? เจ้ากลัวข้ายิงเจ้าตายในศรเดียวหรือ”
สีหน้าเซี่ยเหยียนเย็นชา “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว คนอย่างเจ้ามีค่าพอให้ข้าดึงศรที่ไหน ฆ่าเจ้าด้วยคันศรราชันถือเป็นความแปดเปื้อนของคันศรราชัน!”
จากนั้น นางเก็บคันศรราชันกลับไป
ไฉนเลยจะใช้คันศรราชันจัดการไป๋อวี่เฟย
ไป๋อวี่เฟยหาได้มีค่าพอให้นางจัดการไม่!
ก่อนนี้ที่นางดึงเส้นคันศรใส่ไป๋อวี่เฟยก็มิใช่เพื่อจัดการเขา แต่เพื่อจัดการร่างอวตารของปู่ไป๋อวี่เฟย
“นอกจากคันศรราชันแล้วข้ามีพลังอื่นใดอีกหรือ? ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าข้ามีพลังใดบ้าง”
เซี่ยเหยียนย่างกรายออกไปหนึ่งก้าว วงแหวนเทวาปรากฏมากมาย พลังปราณราชันเทวาสุดแกร่งกล้าถาโถมสู่ฟ้าดิน เล็งเป้าไปที่ไป๋อวี่เฟย
“ราชัน…ราชันเทวา!”
หลังไป๋อวี่เฟยสัมผัสถึงพลังปราณระดับราชันเทวาของเซี่ยเหยียนแล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร!!!
ก่อนหน้านี้เพียงเดือนสองเดือน เซี่ยเหยียนยังเป็นเพียงเทวาตนหนึ่ง บัดนี้กลับเลื่อนขึ้นไปจากขอบเขตเทวาถึงสองขั้นใหญ่ ก้าวผ่านของเขตจ้าวเทวา สู่ราชันเทวาเชียวหรือ!
ช่างเป็นการบรรลุที่รวดเร็วผิดมนุษย์เสียนี่กระไร!?
ไวเกินไปแล้ว!
ในประวัติศาสตร์ตระกูลไป๋ของเขา ไม่เคยมีผู้ใดบรรลุขอบเขตได้รวดเร็วปานนี้มาก่อน!
“เจ้ามองว่าแสงของข้าริบหรี่ประหนึ่งเม็ดข้าว หารู้ไม่ เจ้าต่างหากคือแสงอันริบหรี่ประหนึ่งเม็ดข้าว! ให้โอกาสเจ้าสักครา วันนี้ถ้าชนะข้าได้ ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน!”
เซี่ยเหยียนลงมือ แสงเทวะอาบไล้ทั่วกาย พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าไป๋อวี่เฟย ฟาดฝ่ามือใส่ทันที
ใช่แล้ว นางพ้นขอบเขตเทวาขึ้นมาจนถึงขั้นราชันเทวาได้นานแล้ว
สำหรับนาง การบรรลุขอบเขตไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
นางติดตามอยู่ข้างกายท่านเซียนเสมอ เนื้อกาย หทัยเต๋า วิญญาณ และความเข้าใจในมหาเต๋าของนาง รวมถึงพลังที่สั่งสมในกาย ล้วนอยู่ในจุดสูงส่ง
อย่าว่าแต่ราชันเทวาเลย แม้กระทั่งจ้าวสูงสุด หรือจ้าววิถีสูงสุดล้วนมิใช่ปัญหาสำหรับนาง อีกเพียงไม่นานก็ไปถึงขั้นนั้นได้
“เจ้าพูดเองนะ!”
ไป๋อวี่เฟยกัดฟัน ปะทุพลังออกมาเต็มเปี่ยม ประกายเทวะเบ่งบาน ยกฝ่ามือปะทะกับเซี่ยเหยียน
ร่างของเขาถอยกรูด เลือดลมในกายพลุ่งพล่าน ท้ายที่สุดก็อดไม่ไหวกระอักเลือดออกมา ย้อมอาภรณ์ส่วนหน้าอกเป็นสีชาด
การปะทะคราวนี้ เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ซ้ำยังเสียเปรียบใหญ่หลวง พลังในตัวเซี่ยเหยียนเหนือกว่าเขา
ทว่าเขามิได้ยอมแพ้
การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนหาใช่การประชันกันว่าผู้ใดมีพลังมากกว่ากัน!
เขายังมีสุดยอดวิชาอยู่ ช่วยยกระดับพลังได้!
“ปัญจธาตุนิพพาน!”
เขาคำรามลั่นพร้อมกับสำแดงวิชาอัศจรรย์ ซึ่งเป็นสุดยอดวิชาแห่งตระกูลไป๋ ขอบเขตสูงส่ง คิดค้นโดยตี้จวินผู้หนึ่ง เป็นวิชาระดับตี้จวินอย่างแท้จริง!
ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน พลังแห่งปัญจธาตุซัดสาด ประสานเข้ากับร่างของเขา ชั่วพริบตานั้น พลังของเขาทวีคูณ กำลังรบสูงขึ้นเป็นเท่าตัว!
หลังได้ใช้สุดยอดวิชาระดับนี้ออกมา เขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน!
ต่อให้เป็นโอรสสวรรค์ขอบเขตเดียวกันจากยอดนิกายอื่น ก็ล้วนแต่แพ้ให้กับเขา
“อินปัญจธาตุ!”
เขาประสานอินด้วยสองมือ มหาอินปัญจธาตุซึ่งแฝงไว้ด้วยพลังห้าธาตุหลอมรวมออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถล่มลงไป
ปัญจธาตุนิพพานและอินปัญจธาตุถือเป็นวิชาเดียวกัน วิชาแรกช่วยเพิ่มพูนพลังรบของตัวเอง ส่วนวิชาหลังช่วยปะทุแรงโจมตีรุนแรงไร้สิ่งใดเปรียบ
สีหน้าเซี่ยเหยียนเรียบสงบ ไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย นางยืดเส้นยืดสาย ต่อยมวยดาด ๆ ออกมาชุดหนึ่ง
ทว่ามวยดาด ๆ เช่นนี้กลับเจือไว้ซึ่งพลังแสนน่าสะพรึง อินปัญจธาตุแหลกเหลวด้วยมวยของนาง ความห่างชั้นนั้นมากโข!
นางต่อยออกไปข้างหน้า ดูเหมือนเหลาะแหละธรรมดา ทว่าไป๋อวี่เฟยกลับต้านไม่ไหวเลย!
ไป๋อวี่เฟยกระอักเลือดไม่หยุด ถูกเซี่ยเหยียนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว พลังที่ปัญจธาตุนิพพานมอบให้ไร้ประโยชน์ เขามิใช่คู่มือของเซี่ยเหยียน
เสียงดังตึง ไป๋อวี่เฟยกระเด็นออกไปด้วยหมัดของเซี่ยเหยียน คนทั้งคนกระแทกกับยอดเขาแห่งหนึ่ง จนยอดเขาพังทลาย เศษหินปลิวว่อน
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร!?”
ไป๋อวี่เฟยนอนหมดสภาพที่พื้น ขวัญหนีดีฝ่อ เทียบกับความพ่ายแพ้แล้ว สิ่งที่เขายอมรับไม่ได้ยิ่งกว่าคือระดับความเข้าใจที่เซี่ยเหยียนมีต่อมหาเต๋า!
ต้องใช้ความเข้าใจในมหาเต๋าลึกซึ้งปานใด
นักบุญยังไม่อาจเทียบได้!
เขาดูออกว่าวิชามวยที่เซี่ยเหยียนใช้เป็นเพียงเพลงมวยธรรมดา ไม่ถือเป็นเพลงมวยยิ่งใหญ่
และที่วิชามวยนี้สามารถเปล่งแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ขนาดนี้ออกมาได้ ล้วนเป็นเพราะความเข้าใจในมหาเต๋าของเซี่ยเหยียนลึกซึ้งเกินไป เซี่ยเหยียนเข้าใจในมหาเต๋าอย่างถ่องแท้จนนำมาใช้กับเพลงมวย ต่อให้เป็นเพลงมวยที่สุดแสนธรรมดา ก็ทรงพลังเกินหยั่งได้!
หลังเข้าใจในจุดนี้ เขาไฉนเลยจะไม่ขวัญหนีดีฝ่อ!?
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเซี่ยเหยียนนั้นไร้ประโยชน์ พึ่งพิงแต่เพียงของนอกกาย แท้จริงแล้วมิใช่เลย พลังในตัวเซี่ยเหยียนเก่งกาจกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า!
ความเข้าใจในมหาเต๋าลึกซึ้งปานนี้ แม้แต่เพลงมวยธรรมดายังมอบพลังแสนฉกาจให้ได้ สิ่งนี้มิได้เกิดจากของนอกกาย หากแต่กำเนิดจากภายในตัวเซี่ยเหยียนเอง!
เขาหมดอาลัยตายอยาก ที่เคยเยาะเย้ยเซี่ยเหยียนว่าเป็นเพียงตัวละครต่ำต้อย แท้จริงแล้วเขาต่างหากที่เป็นตัวตลก แสงริบหรี่ประดุจเม็ดข้าว!
เซี่ยเหยียนเก็บหมัด มิได้ปลิดชีพไป๋อวี่เฟย
นางมิได้ชื่นชอบการเข่นฆ่าปานนั้น
นอกจากนี้ นางมีใจนับถือในยอดนิกายอยู่
ในยุคโบราณ สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเข่นฆ่าผู้คนในอาณาจักรนี้ เป็นยอดนิกายเหล่านี้ที่ออกโรงเข้าห้ำหั่น จนสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนยอมล่าถอย
หากไม่มียอดนิกายเหล่านี้ อาณาจักรแห่งนี้คงถึงคราวล่มสลาย อยู่ภายใต้การควบคุมของสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน
“เห็นแก่ที่ยอดนิกายเคยต่อสู้ห้ำหั่นเพื่อคนในโลกนี้ วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้าต้องจำไว้ สิ่งที่ฐานะสมาชิกยอดนิกายมอบให้เจ้าคือความรับผิดชอบ มิใช่ให้นายอวดอ้างกำเริบสืบสาน!”
เซี่ยเหยียนต่อว่า “ไปจากที่แห่งนี้เสีย กลับไปบอกผู้ใหญ่ในตระกูลเจ้า ข้าไม่เข้าร่วมสถานศึกษาอะไรนั่น ทว่าในอนาคตหากสงครามปะทุ ข้าย่อมเข้าร่วมการต่อสู้”
นางมองอีกฝ่าย “นอกจากนี้ ข้าหวังว่าจะได้เห็นเจ้าในสนามรบในภายภาคหน้า!”
สีหน้าไป๋อวี่เฟยซีดเซียว อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะลงเอยเช่นนี้
“ข้า…เข้าใจแล้ว”
เขาตอบกลับ แต่ทั้งตัวยังคงอยู่ในท่าทีขวัญหนีดีฝ่อ เหตุการณ์ในวันนี้สร้างความสะเทือนใจให้เขาอย่างยิ่งยวด จนเขารับไม่ไหว
“ไปเถิด บอกคนในตระกูลเจ้าว่าอย่าได้คิดแผลงอันใดอีก ยอดนิกายควรค่าแก่การเคารพนับถือ ข้าหวังว่าตระกูลไป๋ของพวกเจ้าทำตัวคู่ควรกับความนับถือนี้!”
หญิงสาวเตือนไป๋อวี่เฟย
หนนี้ช่างเถิด ขืนคราวหน้ายังมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก นางจะไม่พูดพร่ำทำเพลง บุกเข้าไปถึงตระกูลไป๋ให้รู้แล้วรู้รอด!
ยอดนิกายที่เคยหลั่งโลหิตเพื่อปวงประชา คู่ควรกับโอกาสที่นางมอบให้
ทว่าโอกาสเช่นนี้มีเพียงครั้งเดียว!
ท้ายที่สุด ไป๋อวี่เฟยก็ไปจากที่นี่ในสภาพน่าเวทนา
…
อีกด้าน กองกำลังฮวงเฉวียนปลุกเครือข่ายข่าวสารที่อยู่ระหว่างหลับใหล
พวกเขายอมรับการแลกเปลี่ยน และต้องเริ่มลงมือแล้ว
“ปลุกเครือข่ายข่าวสารขั้นสามคงพอ…”
เครือข่ายข่าวสารที่พวกเขาสร้างขึ้นมโหฬารจนน่าทึ่ง แบ่งเป็นห้าขั้นด้วยกัน
พวกเขามิได้เปิดกิจการในยุคนี้ เครือข่ายข่าวสารทั้งหมดอยู่ในสภาพหลับใหล และการปลุกเครือข่ายข่าวสารทั้งหมดเพียงเพื่อจัดการกับพวกหลี่จิ่วเต้าดูจะเป็นราคาที่สูงไป
ทว่าพวกเขามิได้ชะล่าใจ ดูแคลนพวกหลี่จิ่วเต้า
เครือข่ายข่าวสารขั้นสาม เป็นเครือข่ายข่าวสารขั้นที่ใช้ต่อกรกับสิ่งมีชีวิตระดับมหาจักรพรรดิ การที่พวกเขาปลุกเครือข่ายข่าวสารขั้นสาม เห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญกับพวกหลี่จิ่วเต้ามาก