รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 387 บรรเลงลำนำคะนึงหา รู้สึกถึงผู้ที่ถวิลหาที่สุด!

บทที่ 387 บรรเลงลำนำคะนึงหา รู้สึกถึงผู้ที่ถวิลหาที่สุด!

บทที่ 387 บรรเลงลำนำคะนึงหา รู้สึกถึงผู้ที่ถวิลหาที่สุด!

เครือข่ายข่าวสารขั้นสามเปิดออก สมาชิกกองกำลังฮวงเฉวียนซึ่งอยู่ในสังกัดเครือข่ายข่าวสารขั้นสามตื่นจากการหลับใหล เริ่มเคลื่อนไหว ออกไปเสาะหาข้อมูล

นี่คือสาเหตุที่กองกำลังฮวงเฉวียนไม่เคยล้มเหลวมาก่อน พวกเขาไม่เคยประมาท รอบคอบอยู่เสมอ จักทำการเก็บข่าวสารจำนวนหนึ่งให้ได้ทราบสถานการณ์ทั้งหมดก่อน แล้วค่อยวางแผนรับมือกับสถานการณ์นี้!

เมืองชิงซาน

บ้านหลิงอิน

เสี่ยวหยากำลังบรรเลงฉิน หลิงอินซึ่งอยู่ด้านข้างอึ้งงันเหลือคณา พรสวรรค์ในวิถีแห่งฉินของเด็กคนนี้น่าทึ่งยิ่ง พัฒนาอย่างรวดเร็ว เทียบกับนางแล้วไม่รู้เร็วกว่ากี่เท่า มิน่าท่านเซียนถึงประเมินเสี่ยวหยาไว้เสียสูง!

“นี่คือพรสวรรค์!”

หลิงอินสะท้อนใจ อิจฉาไปก็เท่านั้น เสี่ยวหยาเก่งกาจกว่านางมาก

เสี่ยวหยาเวลานี้เก็บงำประกายเทวะไว้ภายใน นัยน์ตามีจังหวะเทวาวาววาบเป็นครั้งคราว นางน่าตะลึงอย่างยิ่ง หลังได้ดื่มชานมที่ท่านเซียนประทาน กระดูกจักรพรรดิในตัวก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ประสานกับเลือดเนื้อของนางเป็นก้อนเดียว แม้ว่าระดับพลังของนางยังไม่ถึงขอบเขตเทวา กระนั้นก็เพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะเทวาแล้ว!

ฉินที่นางบรรเลงอยู่ในตอนนี้ คือฉินที่ท่านเซียนมอบให้ มีนามว่าปี้เทียนชางไห่ เสียงฉินใสกังวาน ประดุจสะท้อนอยู่เหนือน่านน้ำมหาสมุทร

วิถีแห่งฉินของฉินเล่มนี้เข้มข้นจนแทบมีรูปธรรมขึ้นมา กฎมหาวิถีแห่งฟ้าดินห้อมล้อม สูงส่งเหนือสิ่งใดเทียม ไม่รู้ว่าขอบเขตยิ่งใหญ่ปานใด!

‘ท่านเซียนให้ความสำคัญกับเสี่ยวหยายิ่ง!’

หลิงอินสะท้อนใจอีกครั้ง ฉินเฟิ่งหมิงของนางทรงพลังมาก เป็นผลงานรังสรรค์อย่างพิถีพิถันของฝีมือท่านเซียน ทว่าเมื่อเทียบกับปี้เทียนชางไห่ของเสี่ยวหยาแล้ว ยังนับว่าด้อยกว่า

นี่คือฉินที่ท่านเซียนเคยใช้ ไม่เพียงแต่มีความหมาย ซ้ำยังน่าทึ่งมากอีกด้วย!

บทเพลง ‘คะนึงหา’ ถูกเสี่ยวหยาบรรเลงออกมาอย่างล้ำเลิศราวกับมิใช่ฝีมือมนุษย์ นี่เป็นครั้งแรกที่นางบรรเลง ทว่ากลับเริ่มจับจุดได้ พอคล่องมือในขั้นต้นเสียแล้ว

บันทึกทำนองมีลายมือท่านเซียนเขียนอธิบายไว้มากมาย ซึ่งนับเป็นวาสนาสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย เลอค่ากว่าสิ่งใดทั้งสิ้น ที่นางจับทางได้ไวปานนี้ ก็เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้

“พี่ชาย!”

ทันใดนั้น นางสะดุ้งโหยง เสียงฉินหยุดชะงัก น้ำตาคลอหน่วย นางรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของพี่ชายระหว่างบรรเลงเพลงฉิน!

“คิดถึงพี่ชายของเจ้าอีกแล้วหรือ”

หลิงอินถอนหายใจ นึกว่าเสี่ยวหยาคิดถึงพี่ชายของนางอีกแล้ว

ไม่แปลกที่เสี่ยวหยาจะเป็นเช่นนี้

เพลงประพันธ์ ‘คะนึงหา’ ของท่านเซียนกระตุ้นความคิดถึงที่มีต่อผู้ที่ตนถวิลหาได้ง่ายยิ่ง

“มิ…มิใช่ ข้ารู้สึกถึงการดำรงอยู่ของพี่ชายจริง ๆ!”

เสี่ยวหยาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว แม้กระทั่งเสียงพูดยังสั่นไปด้วย มิได้เกิดจากความถวิลหา นางสัมผัสถึงพลังปราณของพี่ชายได้จริง!

พี่ชายของนางยังมีชีวิตอยู่!

“อะไรนะ!?”

แม้กระทั่งหลิงอินผู้สุขุมหลังได้ยินคำกล่าวของเด็กสาวยังตะลึงไปด้วย

พี่ชายของเสี่ยวหยายังมีชีวิตอยู่หรือ!?

“ข้าจะลองบรรเลงใหม่ดูอีกครั้ง!”

เสี่ยวหยาบรรเลงเพลง ‘คะนึงหา’ อีกครา หนนี้นางมิได้หยุดกลางคัน แต่บรรเลงไปถึงช่วงสุดท้าย

น้ำตารื้นออกมาจากดวงตาของนาง เป็นน้ำตาแห่งความตื้นตัน

ระหว่างที่บรรเลงบทเพลง นางสัมผัสถึงพลังปราณของพี่ชายได้จริง ๆ พลังปราณนั้นไหลเวียนอยู่ในท่วงทำนอง พี่ชายของนางยังไม่ตายจาก พี่ชายของนางยังอยู่!

“แน่ใจหรือยัง”

หลิงอินถามเสี่ยวหยาด้วยความเต็มตื้นเช่นกัน

เด็กสาวเช็ดน้ำตาบนแก้ม พยักหน้าพลางกล่าวกับหลิงอิน “แน่ใจแล้ว พี่ชายของข้ายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ! ข้ารู้สึกถึงพลังปราณของพี่ชายผ่านบทเพลงฉินได้จริง ๆ มิได้เกิดจากความคิดถึง เพลงฉินสร้างการเชื่อมต่อระหว่างข้ากับพี่ชาย!”

“เช่นนี้ดียิ่ง!”

หลิงอินตื้นตันยินดีขึ้นมาเช่นกัน นางดีใจแทนอีกฝ่าย

นางรู้ว่าเสี่ยวหยาถวิลหาพี่ชายปานใด นี่คือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเสี่ยวหยา

แม้กระทั่งก่อนตาย เสี่ยวหยายังคิดถึงพี่ชาย วอนขอจักรพรรดิบุปผานำศพของนางไปด้วย อย่าให้พี่ชายของนางเห็นสภาพการตายอย่างน่าอนาถของนาง

น่าแค้นใจนักที่จักรพรรดิบุปผาไร้มนุษยธรรม มิได้ทำตามความปรารถนาของเสี่ยวหยา ซ้ำยังจงใจเย็บร่างที่แยกออกของเด็กสาวกลับเข้ามา เพราะกลัวว่าพี่ชายของเสี่ยวหยาจะจำไม่ได้

เพียงแต่ไม่รู้ว่าในภายหลังพี่ชายของเสี่ยวหยากลับมาหรือไม่ หากพี่ชายของเด็กน้อยผู้นี้กลับมา คงเสียใจมากกระมัง…

“คล้ายว่าบทเพลงฉินช่วยสร้างการเชื่อมต่อให้ข้ากับพี่ชาย จนข้าสามารถรู้สึกถึงพลังปราณของพี่ชายได้จริง ทว่า ดูเหมือนข้าไม่มีหนทางติดต่อพี่ชาย ทำได้เพียงสัมผัสพลังปราณของพี่ชาย…”

เสี่ยวหยาอยากคุยกับพี่ชายของนาง อยากรู้ว่าตอนนี้พี่ชายของนางอยู่ที่ใด

นางบรรเลง ‘คะนึงหา’ อีกหลายรอบ ทว่าผลสุดท้ายก็เหมือนกัน การเชื่อมต่อเหมือนว่ายังอยู่ แต่นางยังไม่อาจติดต่อกับพี่ชายของนาง ทำได้เพียงจับสัมผัสพลังปราณของพี่ชายนาง

“ยังไม่ได้…”

เด็กสาวเอ่ยเสียงผิดหวัง

เดิมนางคิดว่าพี่ชายของนางตายไปแล้ว บัดนี้หลังได้รู้ว่าพี่ชายของนางยังไม่ตาย จึงร้อนใจอยากรู้ให้ได้ว่าพี่ชายของนางอยู่ที่ใด อยากพบหน้าพี่ชายให้ได้

“อย่าเพิ่งใจร้อน ตราบใดที่พี่ชายของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเราก็ยังมีหนทาง”

หลิงอินปลอบเสี่ยวหยา

นางตรึกตรองแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนข้าพอเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านเซียนถึงมอบฉินปี้เทียนชางไห่และทำนอง ‘คะนึงหา’ แก่เจ้า…”

“หืม?!”

เสี่ยวหยาชะงัก ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้เช่นกัน “หรือว่าที่ท่านเซียนมอบฉินและทำนองเพลงแก่ข้าเพียงเพื่อให้ข้าได้รู้ว่าพี่ชายของข้ายังไม่ตาย”

หลิงอินพยักหน้า “น่ากลัวว่าไม่ใช่แค่ให้เจ้าได้รู้ว่าพี่ชายของเจ้ายังไม่ตาย แต่ยังต้องการให้เจ้าตามหาพี่ชายให้พบ!”

นางกล่าวต่อ “ตอนนี้ทักษะด้านต่าง ๆ ของเจ้ายังด้อยนัก ระดับในวิถีดุริยะก็ยังไม่สูงพอ รอจนเจ้ายกระดับพลังในวิถีดุริยะได้แล้ว ข้าคิดว่าเจ้าจักสร้างการเชื่อมต่อที่แท้จริงกับพี่ชายของเจ้าได้แน่นอน!”

นางสะท้อนใจเหลือแสน ฝีมือของท่านเซียนเหนือจินตนาการอย่างยิ่ง!

“ท่านเซียน… ประเสริฐจริง ๆ!”

เสี่ยวหยาซาบซึ้งอย่างยิ่ง ท่านเซียนไม่เพียงแต่คืนชีพให้นาง ซ้ำยังช่วยนางตามหาพี่ชาย ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในทุกอณูหัวใจของนาง บุญคุณนี้ยิ่งใหญ่คับฟ้า!

“นี่คือผลบุญของเจ้า!”

หลิงอินคลี่ยิ้ม “คนดีย่อมได้ดี นี่คือคำกล่าวของท่านเซียน ทุกเรื่องราวของเจ้า ท่านเซียนเก็บไปใส่ใจทั้งสิ้น”

“นั่นเพราะท่าน…พี่หลิงอิน มิฉะนั้น ข้าไฉนเลยจะมีวาสนาพอให้ท่านเซียนปฏิบัติด้วยเยี่ยงนี้”

เด็กสาวบอกกับหลิงอิน

ยามเรียกพี่หญิงนางยังรู้สึกกระดากนิดหน่อย ถึงอย่างไรหลิงอินก็เป็นอาจารย์ของนาง ทว่าหลิงอินไม่ยอมให้นางเรียกว่าอาจารย์ ต้องเรียกว่าพี่หญิง

นางมีความเจียมตัว รู้ดีว่าทั้งหมดนี้เกิดได้เพราะพี่หลิงอิน ที่ท่านเซียนช่วยเหลือเกื้อกูลนาง ล้วนเป็นเพราะพี่หลิงอิน

คนดีในโลกนี้มีตั้งมากมาย เหตุใดท่านเซียนถึงต้องยุ่งเรื่องของนาง?

เพราะพรสวรรค์ของนางหรือ

ฝีมือท่านเซียนไร้เทียมทาน จะต้องแยแสพรสวรรค์เพียงน้อยนิดนี้ของนางจริงหรือ?

นางรู้ว่าสิ่งที่ท่านเซียนใส่ใจนั้นหาใช่พรสวรรค์ของนาง นับแต่โบราณกาล ผู้มีพรสวรรค์สูงส่งนั้นล้นหลาม ท่านเซียนคืนชีพผู้อื่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนาง

ท้ายที่สุดแล้ว เป็นเพราะพี่หลิงอินมีความสำคัญต่อท่านเซียน ท่านเซียนถึงยุ่งเรื่องของนาง

หลิงอินหัวเราะ มิได้พูดอะไรไปมากกว่านี้

นางรู้ว่าท่านเซียนออกโรงเพราะนาง ท่านเซียนดีกับนางมากจริง ๆ

“ไปเถิด เราออกไปจับวัวให้ท่านเซียนกัน!”

นางพาเสี่ยวหยาออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปจับวัว

นางยังไม่ลืมเรื่องนี้ จดจำเรื่อยมาว่า ท่านเซียนขาดแคลนนม นางต้องนำนมที่ดีที่สุดไปให้ท่านเซียน

ขณะเดียวกัน สมาชิกกองกำลังฮวงเฉวียนซึ่งมาจากเครือข่ายข่าวสารขั้นสามมาถึงแดนบูรพาทิศ เหยียนโจวแล้วจำนวนหนึ่ง

“แยกย้ายกันปฏิบัติการ ต่างคนต่างสืบสวน!”

พวกเขากระจายตัว เริ่มการสืบค้นอย่างละเอียดที่สุด

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท