บทที่ 388 อนาถโดยแท้ เสียท่าทันทีที่เดินทัพ!
สมาชิกกองกำลังฮวงเฉวียนแยกย้าย เริ่มการสืบข้อมูลของหลี่จิ่วเต้า เซี่ยเหยียน อันหลานเสวี่ย อ้ายฉาน และคนอื่น ๆ
พวกเขามีหน้าที่สืบเสาะข้อมูลเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ลงมือ พวกเขาแยกย้ายกันไปปลอมตัว สืบสวนเรื่องของพวกหลี่จิ่วเต้าจากทุกช่องทาง
พวกเขาเป็นมืออาชีพมาก ข่าวสารที่ได้รับมาจะนำกลับไปพิสูจน์ก่อน เพื่อป้องกันมิให้เกิดข้อผิดพลาด
บ้างไปพรรคจื่อเสีย บ้างไปสำนักไท่หัว บ้างไป…เมืองชิงซาน!
จากข้อมูลที่พวกเขาได้รับในตอนนี้ ดูเหมือนว่าหลี่จิ่วเต้าคือผู้ทรงพลังที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้ พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับหลี่จิ่วเต้าที่สุด สมาชิกที่ส่งไปล้วนเป็นสมาชิกชั้นเยี่ยม
…
ณ เขาหยงหมิง
“อะไรนะ!”
ลุงหมิงกำลังจัดการธุระในสถานศึกษา ทันใดนั้น ศาสตราสื่อสารในตัวเขาส่องแสง เสียงหนึ่งดังเข้ามา
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังมาจากในนั้น ตำหนิเขาว่าทำงานอย่างไร คนแบบไหนก็คิดจะรับสมัครเข้ามาในสถานศึกษา บัดนี้ไป๋อวี่เฟยต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต!
คนในศาสตราสั่งให้เขาไปช่วยเหลือไป๋อวี่เฟยโดยด่วน และเขาเองก็กำลังอยู่ระหว่างทางไป!
ใช่แล้ว ผู้ที่ส่งเสียงสื่อสารกับเขาในนั้นก็คือปู่ของไป๋อวี่เฟย จ้าววิถีสูงสุดเฒ่าผู้หนึ่ง!
เขามิกล้ารีรอ รีบรุดหน้าไปยังแดนบูรพาทิศเพื่อช่วยเหลือไป๋อวี่เฟย
ทว่าในตอนนั้นเอง ไป๋อวี่เฟยกลับมาถึงแล้ว
ชายหนุ่มเปื้อนเลือดไปทั้งตัว เต็มไปด้วยบาดแผล อาภรณ์ขาดรุ่งริ่งจนดูไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เพิ่งผ่านศึกหนักมา
“นี่มัน…เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ลุงหมิงรีบถาม หมายจะทราบสาเหตุของเรื่องราว
ไป๋อวี่เฟยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คนทั้งคนได้รับความสะเทือนใจใหญ่หลวง
เขาทะนงตนว่าเหนือกว่าผู้ใด สายเลือดตระกูลไป๋อันแสนเลอค่าส่งผลให้เขาไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตาทั้งสิ้น สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ล้วนไร้ค่าในสายตาเขา
ผลคือผู้ที่เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาอย่างเซี่ยเหยียน กลับแข็งแกร่งกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า ประหนึ่งแสงแห่งเม็ดข้าวกับแสงแห่งสุริยัน…
เขาคือแสงแห่งเม็ดข้าว ส่วนเซี่ยเหยียนคือแสงแห่งสุริยัน!
เขารับไม่ไหว สภาพจิตใจพังทลาย เขากลับไปยังที่พำนักของตนโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ไม่อาจหลุดพ้นจากสภาวะสติหลุดลอยเช่นนี้ไปพักใหญ่
“หืม!?”
ลุงหมิงขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ท่าทางเช่นนี้ของไป๋อวี่เฟยเห็นได้ชัดว่าเจอะเจอเหตุการณ์บางอย่าง!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
เขาใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง!
“จริงสิ รีบแจ้งข่าวผู้อาวุโสสิบเจ็ดก่อน ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงมาก!”
เขารีบหยิบศาสตราสื่อสารออกมาติดต่อผู้อาวุโสสิบเจ็ด หรือก็คือปู่ของไป๋อวี่เฟย บอกเขาว่าไป๋อวี่เฟยกลับมาถึงสถานศึกษาแล้ว ไม่มีอันตรายถึงชีวิต
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น รอข้า!”
เสียงของผู้อาวุโสสิบเจ็ดดังมาจากอีกด้านของศาสตราสื่อสาร
“เฮ้อ ผู้อาวุโสสิบเจ็ดดีทุกอย่าง เพียงแต่ให้ท้ายหลานชายเกินไป…”
ลุงหมิงเก็บศาสตราสื่อสาร ถอนหายใจพลางกล่าว
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดตามใจไป๋อวี่เฟยจนเสียนิสัย เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วในตระกูลไป๋
“ผู้อาวุโสมีกงการที่ผู้อาวุโสต้องทำ ตามหลักแล้ว ผู้อาวุโสสิบเจ็ดไม่ควรยุ่งเรื่องนี้…”
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนใกล้มาถึงแล้ว ยอดนิกายต่าง ๆ ล้วนเตรียมการเป็นพัลวัน แต่ละชนชั้นก็มีสิ่งที่แต่ละชนชั้นต้องทำ
ตระกูลไป๋ของพวกเขาก็เช่นกัน
โดยปกติ ผู้อาวุโสสิบเจ็ดมีการอื่นต้องทำ ไม่มีทางมาที่นี่เด็ดขาด
“ตามใจมากไปมิใช่เรื่องดี! หวังว่าจะไม่เกิดเรื่อง…”
เขาสั่นศีรษะพลางกล่าว
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดให้ท้ายไป๋อวี่เฟยมากไปจริง ๆ เพื่อไป๋อวี่เฟยแล้ว ถึงขั้นปัดธุระอื่นทิ้ง
“เหตุใดเซี่ยเหยียนถึงลงมือกับไป๋อวี่เฟย”
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดบอกเขาผ่านศาสตราสื่อสารว่าไป๋อวี่เฟยกำลังโดนเซี่ยเหยียนไล่ล่า มีสิทธิ์ตายได้ทุกเมื่อ
เขาคิดไม่ตกว่าเหตุใดเซี่ยเหยียนต้องลงมือกับไป๋อวี่เฟย
ไป๋อวี่เฟยเดินทางไปที่นั่นเพื่อเชื้อเชิญเซี่ยเหยียนมาเข้าร่วมสถานศึกษา ต่อให้เซี่ยเหยียนไม่สมัครใจ ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือเข่นฆ่าไป๋อวี่เฟยกระมัง
ระหว่างนี้ต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่!
“อวี่เฟยเย่อหยิ่งไปบ้างเป็นปกติ คงมิใช่ว่าขัดแย้งกันเพราะเหตุนี้กระมัง!”
เขาใคร่ครวญถึงนิสัยของไป๋อวี่เฟย รู้สึกเป็นไปได้สูงว่าอาจเกิดการปะทะเพราะความยโสของไป๋อวี่เฟย
ในตระกูลให้เขาคอยติดตามไป๋อวี่เฟยก็เพราะหวังให้เขาช่วยดัดนิสัยยโสของไป๋อวี่เฟย
คนหนุ่มมีความเย่อหยิ่งบ้างเป็นเรื่องสมควร แต่ไม่ควรเกินไปนัก
ความเย่อหยิ่งยโสของไป๋อวี่เฟยออกจะเกินไปหน่อย
เพราะเหตุนี้ ก่อนไป๋อวี่เฟยออกเดินทางเขาถึงได้กำชับไปอีกหนว่าหากพวกเซี่ยเหยียนไม่เต็มใจ ก็อย่าได้ฝืน
ถ้ามิใช่ว่าสถานศึกษามีงานมากมาย เขาปลีกตัวไปไม่ได้จริง ๆ เขาไม่อยากให้ไป๋อวี่เฟยไปเลย!
“ตระกูลไป๋จะถือตัวว่าแข็งแกร่งจึงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าไม่ได้ ผู้อาวุโสสิบเจ็ดก็ไม่ได้! รอให้ผู้อาวุโสสิบเจ็ดมาเมื่อใด ข้าต้องคุยกับเขาหน่อย สืบสวนจนรู้ความจริงแล้วค่อยว่ากัน!”
เขารำพันกับตัวเอง
แม้ว่าสถานะของเขาต่ำกว่าผู้อาวุโสสิบเจ็ด แต่ถ้าเรื่องราวเป็นตามที่เขาคิดจริง ความผิดอยู่ที่ไป๋อวี่เฟย เขาคงไม่ยุ่งไม่ได้
นิสัยของเขาเป็นเช่นนี้ ไม่ให้ท้ายคนกันเอง ว่ากันตามความถูกต้องเท่านั้น
…
ณ แดนบูรพาทิศ เหยียนโจว นอกเมืองชิงซาน
ถนนใหญ่เส้นหนึ่งเชื่อมตรงถึงเมืองชิงซาน ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวเดินอยู่บนถนนเส้นนั้น มุ่งหน้าไปทางเมืองชิงซาน
เขาคือสมาชิกกองกำลังฮวงเฉวียนผู้รับหน้าที่สืบเรื่องราวของหลี่จิ่วเต้า
ข้อมูลเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้ามีน้อยเกินไป ซ้ำยังเป็นข้อมูลด้านเดียว เขาต้องบุกเข้าสืบค้นถึงภายใน เข้าไปสืบสวนเรื่องราวของหลี่จิ่วเต้าภายในเมืองชิงซาน
เขาไม่กังวลว่าจะถูกเปิดเผยตัวตน อาชีพของเขาคือการรวบรวมข้อมูลจึงมีวิธีอำพรางตัวตนมากมาย ต่อให้เขาเดินผ่านกลุ่มมหาจักรพรรดิ ตัวตนของเขาก็ไม่มีทางเปิดเผยเด็ดขาด
เครือข่ายข่าวสารขั้นสามสร้างขึ้นสำหรับรับมือกับสิ่งมีชีวิตระดับมหาจักรพรรดิ นอกเสียจากพลังของหลี่จิ่วเต้าเหนือกว่ามหาจักรพรรดิ มิฉะนั้นเขาไม่มีทางถูกจับได้
นอกจากนี้ เขาไม่ได้เข้าใกล้อีกฝ่ายมากนัก ต่อให้พลังของหลี่จิ่วเต้าอยู่เหนือระดับมหาจักรพรรดิ คิดจะจับเขาให้ได้ก็ยังยาก
‘ขอข้าสืบข่าวเจ้าให้ทะลุปรุโปร่งเลยแล้วกัน!’
เขาคิดในใจ เร่งฝีเท้ารุดหน้าไปยังเมืองชิงซาน
ทว่าขณะที่เขาเข้าใกล้เมืองชิงซานมากขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเป็นซีดเซียวเหลือคณา!
เขามาอยู่ในมิติพิเศษแห่งหนึ่งอย่างงุนงง!
เรื่องบ้ากระไร!?
เขาตื่นตกใจอย่างยิ่ง เมื่อครู่ยังคิดในใจว่าไม่มีทางเปิดเผยตัว แต่ยังไม่ทันเข้าเมืองชิงซานก็ถูกเปิดโปงแล้วหรือ
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ยิ่งกว่านั้น เขาเข้ามาอยู่ในมิติพิเศษแห่งนี้โดยไม่รู้ตัวสักนิด นี่มันวิชาอันใด!?
เขาหาใช่คนอ่อนแอไม่ ขอบเขตพลังของเขาสูงส่ง เป็นสมาชิกระดับสูงสุดของเครือข่ายข่าวสารขั้นสาม ระดับพลังก้าวสู่มหาจักรพรรดิแล้ว
เขาช่ำชองด้านอำพรางตน ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือขอบเขตมหาจักรพรรดิก็ใช่ว่าจะจับเขาได้ง่าย ๆ ทว่าเขากลับถูกเปิดเผยตัวตนโดยไม่รู้ตัว ซ้ำยังถูกย้ายมายังมิติพิเศษแห่งนี้โดยไม่รู้เรื่องสักนิด!
ชั่วขณะนั้น เขาชาวาบไปทั้งหัว สังหรณ์ใจไม่ดีอย่างยิ่ง!
สิ่งมีชีวิตที่ลงมือกับเขามีพลังเหนือชั้นกว่าเขามาก!
มิฉะนั้นไม่มีทางเป็นเช่นนี้!
เขาเย็นเฉียบไปทั้งตัว ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ นี่เสียท่าทันทีที่เดินทัพเลยหรือ!
หลี่จิ่วเต้าต่อกรด้วยยากกว่าที่พวกเขาคิดไว้เสียอีก!