รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 391 พายุใกล้กำลังจะมา หรือว่านี้เป็นเหตุผลที่ท่านเซียนบอกให้ข้าเดินท่องไปรอบ ๆ?

บทที่ 391 พายุใกล้กำลังจะมา หรือว่านี้เป็นเหตุผลที่ท่านเซียนบอกให้ข้าเดินท่องไปรอบ ๆ?

บทที่ 391 พายุใกล้กำลังจะมา หรือว่านี้เป็นเหตุผลที่ท่านเซียนบอกให้ข้าเดินท่องไปรอบ ๆ?

สมาชิกทั้งหมดของเครือข่ายข่าวสารระดับที่สามกลับมาแล้ว

เมื่อรู้ว่าหนานเจี๋ยตายแล้ว ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

หนานเจี๋ยมีความสามารถถึงขนาดนั้น เก่งกาจรอบด้าน ไม่เคยล้มเหลวในการทำงาน กลับถูกเปิดเผยตัวตนตั้งแต่เพิ่งเริ่มภารกิจและสิ้นชีพลง

ทว่าความจริงก็ยังคงเป็นความจริง พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธมันได้

พวกเขากลับไปปิดด่านทีละคนเพื่อรักษาแก่นกำเนิดชีวิตเอาไว้ ทั้งหมดต่างอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ แก่นชีวิตร่อยหรอเต็มที หากไม่หลับสนิทย่อมเป็นการผลาญพลังอย่างมาก

หนานเจี๋ยตายแล้ว งานนี้เกินกว่าความสามารถที่พวกเขาจะทำได้แล้ว

“ราคาที่ต้องจ่ายในการปลุกเครือข่ายข่าวสารระดับที่สี่นั้นสูงมาก แต่หากทำงานครั้งนี้สำเร็จก็นับว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป”

จากข้อมูลที่เขามีอยู่ คันศรในมือเซี่ยเหยียนนั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะยังไม่ทราบแน่นอนถึงระดับของคันศร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระดับของมันจะต้องสูงมากเป็นแน่!

เด็ก ๆ อย่างพวกอ้ายฉานเองก็ไม่ธรรมดา เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาบางอย่างที่ดูแล้วระดับสูงยิ่ง

เซี่ยเหยียนและพวกอ้ายฉานมีโอกาสอย่างมากที่จะได้รับโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ คันศรล้ำค่าและวิชาเหล่านั้นอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงออกมา พวกเขาอาจมีสมบัติอยู่กับตัวมากกว่านั้น

หากสามารถจัดการเซี่ยเหยียนและพวกอ้ายฉานได้ในคราวเดียว ราคาที่ต้องจ่ายในการปลุกเครือข่ายข่าวสารระดับที่สี่ก็นับว่าคุ้มค่า!

จ้าวตำหนักเก้าปลุกสมาชิกของเครือข่ายข่าวสารระดับที่สี่ขึ้นมามอบหมายงาน ก่อนจะเล่าทุกรายละเอียดให้ฟัง แล้วกำชับให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะเครือข่ายข่าวสารระดับที่สามประสบกับความล้มเหลวมาแล้ว

“หนานเจี๋ยถูกจับได้ไวปานนั้น?”

เมื่อสมาชิกของเครือข่ายข่าวสารระดับสี่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหนานเจี๋ย พวกเขาเองก็ตกตะลึงด้วยความไม่คาดคิด

หากผ่านมานานแล้วค่อยถูกจับได้ก็แล้วไป แต่นี่กลับถูกจับได้และสิ้นชีพลงเร็วเกินไปแล้ว!

หนานเจี๋ยเป็นผู้ที่สามารถด้านการรวบรวมข่าวสารยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก กระทั่งสมาชิกบางคนของเครือข่ายข่าวสารระดับสี่ยังด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย

ในความเป็นจริงแล้ว หนานเจี๋ยมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเลื่อนขึ้นไปเป็นสมาชิกเครือข่ายข่าวสารระดับสี่ แต่เครือข่ายข่าวสารระดับที่สามขาดผู้นำ ดังนั้นหนานเจี๋ยจึงรั้งอยู่เพื่อเป็นผู้นำของเครือข่ายข่าวสารลำดับที่สาม

หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ หนานเจี๋ยคงกลายเป็นเครือข่ายข่าวสารระดับที่สี่แล้ว

“ข้าจะไปสืบข้อมูลหลี่จิ่วเต้า ส่วนพวกเจ้าไปสืบข้อมูลคนอื่น พึงระลึกเอาไว้ว่าเครือข่ายข่าวสารระดับที่สามล้มเหลว พวกเขาจะต้องรับรู้เรื่องนี้แล้ว ดังนั้นต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง!”

มีคนกล่าวขึ้นมา

นามของเขาคืออู๋ฉี ผู้นำและสมาชิกที่โดดเด่นที่สุดในเครือข่ายข่าวสารระดับที่สี่

“รับทราบ!”

สมาชิกคนอื่นต่างตอบรับอย่างเคร่งขรึม ไม่มีใครกล้าประมาท ทุกคนดูจริงจังเป็นอย่างมาก

งานตรวจสอบครั้งนี้จะต้องเป็นงานที่ยากมากแน่

อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้เครือข่ายข่าวสารระดับที่สามก็ล้มเหลวไปแล้ว อีกฝ่ายสังเกตเห็นเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อย หากพวกเขาต้องการจะเข้าใกล้เป้าหมาย นับได้ว่าเป็นเรื่องยากไม่น้อย

ทว่าพวกเขาก็ไม่ประหวั่น

ในฐานะสมาชิกเครือข่ายข่าวสารระดับที่สี่ แต่ละคนต่างก็มีความเก่งกาจจนกล้าพอจะทำงานที่ยากเช่นนี้

หลังจากนั้น พวกเขาก็เดินทางมุ่งสู่แดนบูรพาทิศของเหยียนโจว

ณ แดนหยิน ชางโจว

ชายชราผู้หนึ่งเดินทอดน่องไปตามภูเขา ลำน้ำ และมหาสมุทร ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพไปตลอดทั้งเส้นทาง

เมื่อถึงเมืองอันเป็นสถานที่งดงามหรือสถานที่ที่เขาประทับใจ เขาก็มักจะหยิบกระดานและพู่กันออกมาวาดเก็บพวกมันทั้งหมดเอาไว้

รูปวาดบนกระดาษราวกับนำภาพทิวทัศน์เหมือนจริงมาทาบพิมพ์ลงไป คงไว้ซึ่งเสน่ห์ของทิวทัศน์อยู่เต็มเปี่ยม กล่าวได้ว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการวาดภาพอย่างแท้จริง

หากพินิจดูให้ดีก็จะพบว่าพู่กัน กระดานวาดภาพ และกระดาษล้วนไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ทั้งหมดต่างมีเต๋าสูงสุดไหลเวียนอยู่ชวนตื่นตะลึงยิ่งนัก

“คุณชายก็คือคุณชาย ช่างเก่งกาจยิ่งนัก ตอนแรกข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณชายจึงบอกให้ข้าท่องไปรอบ ๆ แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว”

ชายชราถอนหายใจกล่าวออกมา

เขาไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากผู้เฒ่าเมิ่งจีผู้เคยติดตามหลี่จิ่วเต้าอยู่ช่วงหนึ่ง

ในตอนแรกเขาก็อยู่ข้างกายของท่านเซียน แต่ต่อมาท่านเซียนกลับกล่าวว่าเขาจากบ้านมานานเกินไปแล้ว ควรกลับไปดูที่บ้านและเดินทางท่องไปรอบ ๆ

ยามนั้นเขาไม่เข้าใจคำพูดของท่านเซียน

แต่หลังจากนั้นเมื่อเขากลับไปยังนิกายลับสวรรค์ เขาก็พบว่าลูกชายของเขาออกไปเที่ยวเล่นและพลัดหลงเข้าไปในสถานที่อันตราย สาเหตุที่ท่านเซียนบอกให้เขากลับบ้านก็เพื่อช่วยเหลือลูกชายของเขา

หากเขากลับนิกายไปไม่ทันเวลา คงเกิดเรื่องกับลูกชายของเขาแล้ว กว่าที่ตัวเขาจะทราบถึงเรื่องนี้ เกรงว่าลูกชายของเขาก็คงต้องสิ้นชีพไม่อาจหวนคืนกลับมาจากสถานที่อันตรายแห่งนั้นได้

คำพูดของท่านเซียน แม้พูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องทั่วไป แต่กลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง!

หลังจากนั้นเขาก็ทำตามคำพูดของท่านเซียน โดยการเดินท่องไปทั่วทั้งแดนหยิน

แดนหยินมีทั้งหมดสิบแปดแคว้น นับรวมชางโจวที่เขาอยู่ตอนนี้ ตัวเขาก็เดินท่องมาแล้วสิบเจ็ดแคว้น เหลือเพียงจวินโจวแห่งเดียว

หลังจากเดินทางออกจากแคว้นนี้แล้ว เขาก็จะเดินทางต่อไปยังจวินโจว

ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล ทำให้เข้าใจถึงความหมายของท่านเซียนที่บอกให้เขาเดินทางท่องไปรอบ ๆ

เขาฝึกฝนเต๋าพยากรณ์ความลับสวรรค์ ระหว่างเดินทางท่องไปรอบ ๆ เขาได้ซึบซับความรู้สึกมากมายจนความรู้ความเข้าใจต่อเต๋าพยากรณ์ความลับสวรรค์พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ที่ได้ดียิ่งกว่าการตั้งอกตั้งใจฝึกฝนอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นอย่างมาก!

ท่านเซียนบอกให้เดินท่องไปรอบ ๆ ก็เพื่อตัวเขาเอง เพื่อให้เขาสามารถฝึกฝนเต๋าพยากรณ์ความลับสวรรค์ได้รวดเร็วและดียิ่งขึ้น

ขอบเขตในตอนนี้เขาสูงเป็นอย่างยิ่ง เขาได้จุดเพลิงเทวาขึ้นมากลายเป็นขั้นเทวา อยู่ห่างจากขั้นจ้าวเทวาเพียงหนึ่งก้าวแล้ว!

“ขั้นเทวา…เป็นขั้นที่ข้าไม่เคยกล้าคิดฝันมาก่อน!”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีอดกล่าวออกมาไม่ได้

ก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่ขั้นเทวาเลย กระทั่งบรรลุขอบเขตพรตเต๋าเขายังไม่กล้าคิดฝัน ในยุคปัจจุบันขอบเขตพรตเต๋าราวกับมีธารน้ำลึกขวางกั้นเอาไว้ มีเพียงสิ่งมีชีวิตจำนวนน้อยนิดที่สามารถข้ามผ่านไปได้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนติดอยู่ที่เดิม ไม่อาจบรรลุถึงขอบเขตพรตเต๋าได้

ฟันฝ่าเก้าขั้นของขอบเขตพรตเต๋าสำเร็จจึงจะสามารถกลายเป็นขอบเขตเทวาได้อย่างสมบูรณ์

สำหรับตัวเขาในอดีต ขั้นเทวานั้นช่างอยู่ไกลเกินเอื้อมจริง ๆ

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ไม่ต้องกล่าวถึงขั้นเทวา กระทั่งขอบเขตนักบุญ ขอบเขตสูงสุด และขอบเขตจักรพรรดิที่อยู่สูงกว่า ก็ไม่ใช่เพียงแค่ความฝันสำหรับเขาอีกต่อไป เขาล้วนสามารถบรรลุได้

ช่วงที่เขาได้อยู่ข้างกายท่านเซียน เขาได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาล ทุกด้านล้วนโดดเด่นอย่างถึงที่สุด เป็นเพียงเรื่องของเวลาที่เขาจะบรรลุถึงขั้นขอบเขตจักรพรรดิ

“ช่วงนี้วุ่นวายเป็นอย่างมาก จักรพรรดิจากยุคโบราณของตระกูลและกองกำลังต่าง ๆ โผล่ออกมาไม่หยุด กระทั่งยอดนิกายก็ปรากฏตัวขึ้น จะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นบนอาณาจักรแห่งนี้หรือไม่?”

ผู้เฒ่าเมิ่งจีรำพึง

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา “นี่อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่คุณชายบอกให้ข้าเดินท่องไปรอบ ๆ ก็เป็นได้”

จักรพรรดิโบราณจำนวนมากจากตระกูลและกองกำลังต่าง ๆ โผล่ออกมาเรื่อย ๆ กระทั่งยอดนิกายยังปรากฏตัวขึ้นทำให้เขาตระหนักขึ้นมาว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่บางอย่างขึ้นมา

ท่านเซียนเพียงแค่คิดก็สามารถหยั่งรู้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวทั้งหมดน่าจะอยู่ในการคาดการณ์ของท่านเซียนเช่นกัน ท่านเซียนบอกให้เขาเดินทางท่องไปรอบ ๆ เกรงว่าจะมีเหตุผลอยู่ในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

ผู้แข็งแกร่งจนน่าหวาดเกรงจำนวนมากปรากฏกายติดต่อกัน ไม่แคล้วเรื่องที่จะอุบัติขึ้นอาจไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก

ท่านเซียนเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา ไม่อาจทนเห็นกระทั่งปุถุชนเผชิญภัยร้ายจนต้องให้คนออกลงมือช่วยเหลือ พายุแห่งความวุ่นวายที่กำลังจะมาถึง รุนแรงประหนึ่งสามารถล่มภูเขาทลายลำน้ำ ท่านเซียนคงไม่อาจนิ่งดูดาย

ท่านเซียนน่าจะต้องการให้เขาเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้!

“ข้าจะต้องใส่ใจให้มากกว่าเดิม!”

เขากล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง เขาไม่สามารถทำอะไรผิดพลาดให้กระทบกับแผนการของท่านเซียนได้

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท