บทที่ 395 ยังด้อยพลังอยู่ จ้าววิถีสูงสุดคือขีดจำกัดแล้ว!
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดเดือดดาลเหลือทน จิตสังหารพลุ่งพล่าน พลังของเขาน่าพรั่นพรึงยิ่ง ก้าวสู่ขอบเขตวิถีสูงสุดไปนานแล้ว สถานศึกษาเทียนตี้ตั้งอยู่ที่จวินโจว อยู่ห่างจากเหยียนโจวมากโข
ทว่าสำหรับเขา ระยะทางแค่นี้มิใช่เรื่องใหญ่อันใด
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดจากจวินโจวเดินทางมายังเหยียนโจวได้ในพริบตา จากนั้นก็มาถึงสำนักไท่หัวแห่งแดนบูรพาทิศในทันที
“เซี่ยเหยียนอยู่ที่ใด ไสหัวออกมารับความตายเสีย!”
เขาคำรามลั่น เสียงนั้นประหนึ่งอสนีบาตฟาดลงมา พาลให้ลูกศิษย์สำนักไท่หัวสะเทือนจนหูแทบดับ
“น่ากลัว…จริง!”
“ใครกันอีกล่ะนี่!?”
ลูกศิษย์แต่ละคนของสำนักไท่หัวตื่นตกใจแทบแย่ ร่างกายของแต่ละคนสั่นเหมือนเจ้าเข้า สะท้านไปทั้งดวงวิญญาณ
เสียงนั้นน่ากลัวเหลือเกิน!
อันที่จริง ผู้อาวุโสสิบเจ็ดสงวนพลังไว้บ้างแล้ว มิได้โถมพลังผ่านเสียงนี้มากนัก
หากเขาเปล่งพลังออกไปพร้อมกับเสียงนี้แม้แต่เสี้ยวเดียว คนทั้งสำนักไท่หัวคงได้ตายกันหมด!
จ้าววิถีสูงสุดพิโรธ ศพเกลื่อนนับล้าน
ประโยคนี้หาใช่คำล้อเล่นแต่อย่างใด เขาสังหารสิ่งมีชีวิตระดับยอดฝีมือนับล้านได้ในเสียงเดียว!
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดระงับพลัง ไม่ได้โถมพลังใส่ในเสียงทีเดียว มิใช่เพราะมีเมตตา แต่เพราะไม่อยากเห็นสายเลือดหลั่งเป็นลำธารในสำนักไท่หัว
ในสายตาของเขา คนในสำนักไท่หัวเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น ไฉนเลยต้องแยแสความเป็นความตายของมดปลวกด้วย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขามาพร้อมจิตสังหาร!
เขายิ่งไม่มีทางสนใจชีวิตของคนในสำนักไท่หัว
แต่เพราะกลัวว่าหากเขาเปล่งพลังไปกับเสียง อาจปลิดชีพเซี่ยเหยียนในทันใด!
เซี่ยเหยียนเล่นงานเสี่ยวเฟยจนอยู่ในสภาพอนาถปานนั้น หากฆ่านางง่าย ๆ จะมิสบายไปหรือ!
เขาต้องการให้เซี่ยเหยียนตายอย่างทุกข์ทรมาน!
นอกจากนี้ เขายังต้องการรู้เรื่องราวบางอย่างจากเซี่ยเหยียน จึงยิ่งไม่มีทางฆ่าเซี่ยเหยียนง่าย ๆ
คันศรวิเศษในมือเซี่ยเหยียนมิได้ปรากฏออกมาเอง เขาอยากรู้ว่าเซี่ยเหยียนได้คันศรวิเศษมาจากไหน บางทีอาจช่วยให้เขาได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น
“เจ้าเองหรือ!”
เวลานั้น เซี่ยเหยียนเหินออกมาจากสำนักไท่หัว
เมื่อนางได้เห็นผู้อาวุโสสิบเจ็ดก็จำได้ในทันที
อย่างไรก่อนหน้านี้นางก็เพิ่งกำจัดร่างอวตารของผู้อาวุโสสิบเจ็ดไป
“เหตุใดถึงยังมาอีก?”
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไป๋อวี่เฟยมิได้นำวาจาของข้าไปถ่ายทอดให้พวกเจ้าฟังหรือ”
เมื่อครั้งปล่อยไป๋อวี่เฟยไป นางเคยบอกไป๋อวี่เฟยให้กลับไปบอกคนในตระกูลไป๋ อย่าได้คิดอุตริอีก
ทว่าบัดนี้ดูแล้ว เหมือนว่าไป๋อวี่เฟยมิได้ส่งต่อคำพูดของนาง หรือตระกูลไป๋อาจไม่สนใจคำพูดของนาง ผู้อาวุโสสิบเจ็ดตรงหน้านี้มาไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด…
“วาจาอะไร!?”
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดเอ่ยเสียงกราดเกรี้ยว “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอยู่อีกหรือ เจ้าทำอะไรกับเสี่ยวเฟยกันแน่ หลังเขากลับไปแล้วเหมือนทำวิญญาณหลุดหายไปจากร่าง ไม่พูดไม่จาสักคำ!”
หลังกลับไปแล้วเหมือนทำวิญญาณหลุดหายไปจากร่าง?
เซี่ยเหยียนครุ่นคิด นางมิได้ทำอะไรไป๋อวี่เฟยเสียหน่อย แค่ต่อสู้กับไป๋อวี่เฟยยกหนึ่งในตอนท้าย เอาชนะไป๋อวี่เฟยด้วยวิชามวยแสนธรรมดา
“…”
คงมิใช่ว่าเพราะเหตุนี้กระมัง
เซี่ยเหยียนหมดคำพูด หากเป็นเพราะเหตุนี้จริง จิตใจของไป๋อวี่เฟยช่างเปราะบางยิ่งนัก
แพ้การต่อสู้ยกเดียว หทัยเต๋าก็แตกสลายเสียแล้วหรือ
นี่ก็เพราะไป๋อวี่เฟยไม่อยู่ที่นี่ หากไป๋อวี่เฟยอยู่ที่นี่ และล่วงรู้ความในใจของนาง คงต้องเอ่ยสักคำว่า พี่สาว มันใช่เรื่องแค่แพ้การต่อสู้หรือ?
เจ้าใช้วิชามวยธรรมดาเอาชนะสุดยอดวิชาระดับตี้จวินของตระกูลข้า ผู้ใดจะรับเรื่องสะเทือนใจเยี่ยงนี้ไหว!?
กระเทือนจิตใจเกินไปแล้ว!
“ในเมื่อไป๋อวี่เฟยมิได้บอกพวกเจ้า เช่นนั้นข้าขอพูดให้เจ้าฟังอีกครั้ง”
เซี่ยเหยียนมองผู้อาวุโสสิบเจ็ด “สิ่งที่ยอดนิกายแบกรับอยู่คือเกียรติยศมหาศาล และคือความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ หวังว่าพวกเจ้าจะให้เกียรติตนเอง อย่าสร้างมลทินแก่ยอดนิกาย!”
ในยุคโบราณ สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจุติ รบราฆ่าฟันคนในอาณาจักรนี้อย่างดุเดือด ยอดนิกายทั้งหลายก้าวออกมาต่อสู้ห้ำหั่น จนสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนล่าถอย
นี่คือความดีความชอบใหญ่หลวง เป็นคุณูปการต่อสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาจักรแห่งนี้
และเพราะเหตุนี้ นางถึงยอมปล่อยไป๋อวี่เฟยไป ยอมไว้ชีวิตเขา
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เด็กผู้หญิงฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ริอ่านสั่งสอนข้ารึ!”
ความโมโหบนใบหน้าผู้อาวุโสสิบเจ็ดยิ่งฉายชัด เขาเป็นตัวตนระดับไหน ไฉนเลยจะต้องให้เซี่ยเหยียนมาสั่งสอน?
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คิดว่ามีคันศรวิเศษในมือแล้วจะไร้เทียมทานในใต้หล้ารึ”
เขาเอ่ยเสียงเย็น ฝ่ามือข้างหนึ่งพุ่งไปหาเซี่ยเหยียน
“เจ้าต่างหากที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คิดว่าตัวเองเป็นจ้าววิถีสูงสุดแล้วจะบดขยี้ข้าได้ตามใจชอบรึ!?”
เซี่ยเหยียนตวาดเสียงเย็น ยกมือเรียกคันศรราชันออกมา ก่อนจะค้อมตัวดึงสาย ยิงศรเล่มหนึ่งใส่ผู้อาวุโสสิบเจ็ด!
ศรปีกอาบแสงพาดผ่านนภา ประดุจสายฟ้ากระหน่ำ ดังครืนครานไม่หยุด!
“เจ้าคิดอะไรอยู่!? ร่างจริงของข้ามาถึงนี่ เจ้ายังกล้าลงมือกับข้าอีกหรือ!?”
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดแค่นเสียงเย็น เขาเป็นถึงจ้าววิถีสูงสุด ใช่เด็กเมื่อวานซืนที่ไม่ทันแตะขอบเขตนักบุญอย่างเซี่ยเหยียนจะต่อกรด้วยได้ที่ไหน
ต่อให้เซี่ยเหยียนมีคันศรวิเศษในมือก็ไม่ได้!
ทว่าสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในไม่ช้า
ภาพที่เคยคุ้นปรากฏอีกครั้ง หลังจากฝ่ามือปะทะกับศรอาบแสง ฝ่ามือของเขาก็ถูกแทงทะลุในพริบตา เลือดสาดกระเซ็น!
ร่างอวตารของผู้อาวุโสสิบเจ็ดก็เป็นเช่นนี้ ถูกแทงทะลุในศรเดียว แม้กระทั่งร่างอวตารยังถูกทำลายราบคาบ!
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
หน้าตาเขาเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่อาจทำใจเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ลง
ราชันเทวาตนหนึ่งเท่านั้น เหตุไฉนถึงรีดเค้นพลังได้กล้าแกร่งจนน่ากลัวถึงเพียงนี้
เรื่องนี้เกินความรู้ที่เขามี
ยิ่งศาสตราวุธทรงพลังเท่าใด ยามรีดเค้นยิ่งเปลืองพลังเท่านั้น เซี่ยเหยียนเพิ่งจะอยู่ขอบเขตราชันเทวา ต่อให้ผลาญพลังในตัวจนเกลี้ยงก็ไม่อาจรีดเค้นพลังระดับนี้ออกมาได้!
มิหนำซ้ำเซี่ยเหยียนยังดูสบายเหลือแสน ไม่กดดันแม้แต่น้อย!
ทว่าเขาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เขาได้รับบาดเจ็บ โดยศรที่เซี่ยเหยียนยิงออกมา!
ทว่ายังดีที่เขาแข็งแกร่งกว่าร่างอวตาร แม้บาดเจ็บ แต่ก็ไม่สาหัสนัก ศรนี้ของเซี่ยเหยียนจึงยังไม่เพียงพอที่จะฆ่าเขาได้
‘นี่คงเป็นขีดจำกัดของข้าแล้วกระมัง…’
เซี่ยเหยียนคิดในใจ
การรีดพลังของคันศรราชันไม่เกี่ยวกับพลังในตัว แต่เกี่ยวกับวิถีธนู ยิ่งนางมีความสำเร็จด้านวิถีธนูสูงปานใด แสนยานุภาพที่สำแดงได้นั้นก็ยิ่งแข็งแกร่ง
ท้ายที่สุดแล้วนางยังด้อยพลังกว่าหลิงอินมาก
เมื่อครั้งหลิงอินอยู่ในขอบเขตราชันเทวา สามารถใช้คันศรยิงสิ่งมีชีวิตที่มีกำลังรบระดับมหาจักรพรรดิได้แล้ว
ส่วนนางยังห่างชั้นอยู่มาก อย่าว่าแต่กำลังรบระดับมหาจักรพรรดิเลย ลำพังจ้าววิถีสูงสุดนางในตอนนี้ก็ยากจะสังหารลงได้
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
พลังของทองไม้น้ำไฟดินซัดสาด ผู้อาวุโสสิบเจ็ดใช้มหาวิชาปัญจธาตุ
ไป๋อวี่เฟยเคยใช้มหาวิชาปัญจธาตุนี้เช่นกัน ทว่าเทียบกับผู้อาวุโสสิบเจ็ดแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับดิน!
คล้อยตามการสำแดงฤทธิ์ของมหาวิชาปัญจธาตุ พลังของผู้อาวุโสสิบเจ็ดเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ อย่าให้พูดเลยว่าน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานใด!
“วันนี้เจ้าไม่มีทางรอด!”
นัยน์ตาของเขาเย็นยะเยือก จิตสังหารท่วมท้นนภา วันนี้เขาจะปลิดชีพเซี่ยเหยียนให้จงได้!