เฉินตันจูหรือ
เฉินตันจูอยู่ด้านหลังเถาวัลย์ มองนางในทั้งสอง ก่อนหน้านี้นางลุกขึ้นมาเกือบครึ่งตัวแล้ว ยืนนิ่งไม่กล้าขยับอีกแม้แต่น้อย เวลานี้เมื่อได้ยิน ร่างกายของนางสั่นไหวเล็กน้อย ข้างกายมีมือข้างหนึ่งยื่นมาประคองแขนของนาง ไม่รู้เป็นเพราะแรงมาก หรือว่าความอบอุ่นของฝ่ามือทำให้คนวางใจ นางประคองตัว ฟังเสียงตกตะลึงของนางในด้านนอก…
“เป็นไปไม่ได้กระมัง!”
นางในอีกคนรีบตีนาง “เจ้าเบาเสียงหน่อย…เป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร”
“เฉินตันจูดุเพียงนั้น จะยอมอภิเษกกับองค์ชายห้าหรือ” นางในก่อนหน้านั้นกดเสียงต่ำ
“ดุ? ผู้ใดจะดุกว่าฝ่าบาท” นางในอีกคนส่งเสียงไม่พอใจ “สองปีนี้ฝ่าบาทอารมณ์ดีเกินไปใช่หรือไม่ ทุกคนต่างลืมว่าพระองค์คือฝ่าบาท อีกอย่างองค์ชายห้าก็เป็นองค์ชาย สตรีชั้นสูงจากเมืองอู๋เก่าอย่างนางเป็นพระชายาขององค์ชายได้ก็ดีแล้ว องค์ชายห้าไม่มีทางถูกขังไปตลอดชีวิต ย่อมต้องถูกสถาปนาเป็นท่านอ๋อง องค์รัชทายาทเป็นพี่ชายร่วมมารดาขององค์ชายห้า…องค์ชายห้าเองก็มีคนจำนวนมากอยากอภิเษกด้วย”
นางในคนก่อนหัวเราะ “เจ้าก็อยากใช่หรือไม่”
นางในอีกคนรีบร้อง ราวกับเขินอาย แต่ก็ราวกับกล้าหาญ “ข้าย่อมอยาก อย่าว่าแต่พระชายาขององค์ชาย แม้แต่ภรรยารับใช้ข้าก็ยอม”
นางในทั้งสองผลัดกันหัวเราะจนชนเข้ากับราวดอกไม้เสียงดัง เสียงดังนี้ทำให้พวกนางตกใจจนรีบมองซ้ายมองขวา ด้านหน้ามีเสียงหัวเราะของหญิงสาวลอยมา ราวกับมีความคึกคักที่มากขึ้นบางอย่าง
นางในสองคนจึงเลิกคุยเล่น เดินจากไปก่อนหลังตามลำดับ
เฉินตันจูรู้สึกถึงแรงที่ส่งมาจากแขน ราวกับยกพยุงนางให้นั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ
นางนั่งลงบนพื้น ส่งเสียงพลันหันไปมองฉู่อวี๋หยง “มันเป็นความโชคดีหรือโชคร้าย”
โชคดีหมายถึงบังเอิญให้นางได้ยิน โชคร้ายหมายถึงเนื้อหาที่ได้ยินหรือ
สีหน้าของหญิงสาวไม่มีความหวาดกลัวหรือโกรธเคือง มีเพียงความตกตะลึง ฉู่อวี๋หยงพยักหน้าพลางพูด “ย่อมเป็นความโชคดี เพียงแค่รู้ก่อนเรื่องเกิดล้วนเป็นเรื่องที่โชคดี”
ก็จริง รู้แล้วแต่ยังไม่เกิด ย่อมมีโอกาสและหนทางแก้ไข เฉินตันจูพยักหน้า พลันยิ้ม “องค์ชายหก หม่อมฉันพบว่าสิ่งที่ท่านพูด ตรงมาก”
พบ? คงไม่ได้พบว่าเขารู้เรื่องนี้ก่อนแล้ว อีกทั้งยังจัดเตรียมทั้งสองครั้งถึงทำให้คนเปิดเผยความจริงนี้กับนาง?
นางในคนแรกยังไม่ทันเข้าใกล้ เฉินตันจูก็วิ่งหนีแล้ว
เขาทำได้เพียงเตรียมการอีกครั้ง
ฉู่อวี๋หยงมองหญิงสาวตรงหน้า พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าพูดใช้ได้หรือไม่”
เฉินตันจูพูด “ก่อนหน้านี้ท่านขอให้หม่อมฉันมีเงินมากยิ่งขึ้น ต่อจากนี้หม่อมฉันจะรวยแล้วจริงๆ”
องค์ชายห้าหรือ แต่สถานการณ์ขององค์ชายห้าแตกต่างจากองค์ชายสาม ฉู่อวี๋หยงถาม “เจ้าคิดจะทำอย่างไร คุณหนูตันจูคงไม่ได้อยากอภิเษกกับพี่ห้าของข้าใช่หรือไม่”
ฟังดูแล้ว เขาราวกับไม่เห็นด้วยนัก เฉินตันจูมองเขาด้วยรอยยิ้ม “อภิเษกกับพี่ห้าของท่าน ไม่ดีหรือ”
ฉู่อวี๋หยงส่ายหน้า “ย่อมไม่ดี พี่ห้าไม่คู่ควรกับคุณหนูตันจู”
เฉินตันจูหัวเราะอีกครั้ง “อันที่จริงคนที่คิดเช่นนี้มีไม่มาก”
ถึงแม้เขารู้ว่าองค์ชายห้าทำเรื่องเลวร้ายใด เป็นคนเลวร้ายเพียงใด แต่ในสายตาของทุกคน เขายังคงเป็นองค์ชาย กำเนิดจากฮองเฮา เป็นน้องชายร่วมมารดาเพียงคนเดียงขององค์รัชทายาท ถึงแม้เวลานี้ยังไม่ถูกสถาปนาเป็นท่านอ๋อง อีกทั้งยังถูกกักบริเวณ แต่ในอนาคตหากองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ท่านอ๋องทั้งสามก็ไม่อาจเทียบตำแหน่งขององค์ชายห้าได้…อย่างไรก็ดีกว่าสตรีชั้นสูงจากเมืองอู๋เก่าที่มีชื่อเสียงป่นปี้อย่างนางมาก คนในต้าเซี่ยที่อยากอภิเษกกับองค์ชายห้าก็มีมากมาย
คนที่พูดว่าองค์ชายห้าไม่คู่ควรกับเฉินตันจูอย่างไม่ลังเล คงมีเพียงคนที่ชอบนางเพียงไม่กี่คน หลิวเวย หลี่เหลียน องค์ชายสาม โจวเสวียน รวมทั้งหากแม่ทัพหน้ากากเหล็กยังอยู่ ย่อมต้อง…หากแม่ทัพหน้ากากเหล็กยังอยู่ คงไม่มีผู้ใดมีความคิดเช่นนี้ ดวงตาของเฉินตันจูฉายแววเศร้าโศก ก่อนจะถูกบดบังไปทันที นางเป็นคนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง นางไม่อนุญาตให้ตนเองคิดในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อีกทั้งโจวเสวียนและองค์ชายสามปฏิบัติต่อนางเช่นนี้เพราะความรัก แต่องค์ชายหกที่เพิ่งพบหน้ากันสองสามครั้งนี้เล่า
“ถึงแม้พวกเราเพิ่งพบกันไม่กี่ครั้ง” ฉู่อวี๋หยงมองออกถึงความคิดของหญิงสาว “แต่ข้าได้ยินเรื่องของคุณหนูตันจูมานาน อีกทั้งข้าเชื่อในการตัดสินของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ท่านแม่ทัพคิดว่าคุณหนูตันจูดีมาก ควรค่าแก่สิ่งที่ดีที่สุด”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เฉินตันจูดวงตาร้อนผ่าว ทั้งตกตะลึงทั้งเกือบเสียท่าที ท่านแม่ทัพชื่นชมนางเพียงนี้หรือ
เวลาปกติ ท่านแม่ทัพพูดกับนางน้อยมาก พูดจาเฉยชา บางครั้งยังไม่เหลือเยื่อใย ไม่คิดว่า…
อืม อันที่จริงนางก็ควรนึกถึง ถึงแม้ท่านแม่ทัพพูดกับนางน้อยมาก แต่เรื่องที่นางขอ ท่านแม่ทัพล้วนทำ เรื่องใหญ่อย่างการร่วมมือกับนางให้ฝ่าบาทเจรจาเรียกคืนเมืองอู๋กับท่านอ๋องอู๋ เรื่องเล็กอย่างให้องครักษ์ปกป้องนาง ดูแลครอบครัวของนาง…
เฉินตันจูสูดลมหายใจเข้า เผยยิ้มให้ฉู่อวี๋หยง “ใช่ เป็นเช่นนี้ หม่อมฉันดีเพียงนี้ องค์ชายห้าไม่คู่ควรกับหม่อมฉัน”
ฉู่อวี๋หยงเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปในชั่วพริบตาของหญิงสาว คำพูดนี้ของนางเพื่อแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ไม่ทรยศต่อคำชมของเขา มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “อันที่จริงคนจำนวนมากล้วนรู้ ฝ่าบาทย่อมรู้ดีที่สุด”
เฉินตันจูพยักหน้า “ใช่ ฝ่าบาทรู้นิสัยของหม่อมฉันดีที่สุด อีกอย่างองค์รัชทายาทไม่โง่ ความแค้นระหว่างเขากับหม่อมฉัน เขาจะเสนอให้หม่อมฉันอภิเษกกับองค์ชายห้าได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการแก้แค้นไม่ใช่หรือ”
มองหญิงสาวพูดว่าองค์รัชทายาทไม่โง่ รวมทั้งมีความแค้นกับนางอย่างไม่ปิดบัง รอยยิ้มของฉู่อวี๋หยงยิ่งมากขึ้น เกรงว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่สังเกตตัวเอง นางผ่อนคลายไร้ความระวังตัวเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“องค์รัชทายาทจะทำอย่างไร ข้ารู้” เขาพูด
“ใช่ องค์รัชทายาทจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรล้วน…เอ๊ะ?” เฉินตันจูยังคงพึมพำ ก่อนจะตั้งสติได้ มองฉู่อวี๋หยงอย่างเหลือเชื่อ “องค์ชายท่านตรัสว่าอย่างไร ท่านรู้?”
ฉู่อวี๋หยงพยักหน้า “ใช่ ข้ารู้”
เขาไม่ได้ถูกขังไว้ในจวนองค์ชายหก ก็ถูกขังในตำหนักบรรทมของฮ่องเต้ ไม่พบคน อีกทั้งไม่ไปมาหาสู่กับคน เหตุใดจึงรู้ เฉินตันจูมองเขา “องค์ชายท่านรู้ได้อย่างไร”
ฉู่อวี๋หยงพูด “เสด็จพ่อบอกข้า”
…
มองดูบรรดาขันทีรายล้อมพระสงฆ์รูปหนึ่งเดินมาอย่างเชื่องช้า องค์หญิงจินเหยาที่กำลังจะออกจากทางเดินภายใต้ตำหนักด้านหน้าชะงักลง
“อาจารย์จากวัดถิงอวิ๋นหรือ” นางพูด
ขันทีที่นำองค์หญิงมาตอบรับ “อาจารย์ฮุ้ยจื้อส่งของขวัญเฉลิมฉลองให้ท่านอ๋องทั้งสาม”
องค์หญิงจินเหยาสงสัย “อาจารย์ส่งสิ่งใดมา”
ขันทีเร่งเร้าด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวองค์หญิงก็ทรงรู้แล้ว รีบกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงจินเหยาส่งเสียงไม่พอใจ “เสด็จพ่อเรียกข้ามา ให้ข้ารออยู่ครึ่งวัน สุดท้ายบอกไม่พบข้าแล้ว”
ขันทีพูดด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมเข้าไปทูล ฝ่าบาทตรัสว่าให้องค์หญิงกลับไปก่อน คงเป็นเพราะด้านในมีเหล่านายน้อยมากเกินไป ฝ่าบาทไม่อยากให้พวกเขาเห็นองค์หญิง”
แล้วเขาดูเองไม่รำคาญหรือ องค์หญิงจินเหยาส่งเสียงไม่พอใจ แต่ไม่ได้ยืนกราน นางเองก็ไม่อยากเข้าไป รีบเดินไปทางสวนดอกไม้ ตันจูยังรอนางอยู่อย่างน่าสงสาร
องค์หญิงจินเหยาจากไป พระสงฆ์เดินเข้าตำหนักใหญ่อย่างไร้อุปสรรค ทูลเสียงดังว่าอาจารย์ฮุ้ยจื้อมีของขวัญมามอบให้
บทสนทนาภายในตำหนักใหญ่ชะงักลง ฮ่องเต้พูดกับพระสงฆ์ด้วยรอยยิ้ม “เร็ว ให้ข้าดูว่าท่านมหาราชครูเตรียมสิ่งใด”
องค์ชายทั้งสามต่างยืนขึ้น มองถุงแห่งโชคสามใบที่พระสงฆ์หยิบออกมาจากกล่อง
“ถุงแห่งโชคนี้เป็นสิ่งที่อาจารย์เตรียมไว้ให้ท่านอ๋องทั้งสาม” เขาพูดเสียงดัง “ด้านในมีบทสวดที่ขอมาจากพระพุทธเจ้า”