รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 400 ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็…ตายเสียเถอะ!

บทที่ 400 ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็...ตายเสียเถอะ!

บทที่ 400 ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็…ตายเสียเถอะ!

ลมปราณของขั้นนภาสูงสุดหนักหน่วงและกดดันเป็นอย่างมาก อย่าว่าแต่จะต่อสู้ เพียงแค่ปราณขั้นนภาสูงสุดถูกปล่อยออกมาผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวและชิงหนิวผู้แข็งแกร่งก็ไม่อาจต้านทานได้ ช่องว่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชิงหนิวผู้แข็งแกร่ง สภาพของมันเลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับโดนกดลงล้มบนพื้น ไม่ว่าจะพยายามเท่าใดก็ลุกไม่ขึ้น

มันอยู่ในขั้นราชันนักบุญ จะสามารถต่อต้านได้อย่างไร ต่อหน้าขั้นนภาสูงสุดแล้ว มันอ่อนแอเสียจนไม่อาจจะนับเป็นสิ่งใดได้

โฮ่ววว!

ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าชิงหนิวคำราม ทั่วร่างของมันบังเกิดแสงเจิดจ้า ทว่าก็ถูกระงับลงไปอย่างรวดเร็ว ประกายแสงแตกกระจาย ก่อนมันจะถูกกดดันจนล้มลงพื้น

ดวงตาของมันเผยให้เห็นความไม่ยินยอมอย่างมาก แม้มันจะชราแต่ก็ยังไม่คิดยอมแพ้ หลังจากมันโดนกดดันจนล้มลงกับพื้น มันก็ดิ้นรนพยายามลุกกลับขึ้นมา

เวลาไร้ความปรานี มันแก่ชรามากเกินไป ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที ไม่เช่นนั้นมันคงไม่อยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้ ถูกกำราบเสียก่อนจะทันได้ลงมือเสียด้วยซ้ำ

สายเลือดของเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก การต่อสู้ข้ามขั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวเมื่อครั้งยังอยู่ช่วงรุ่งโรจน์ ไม่เพียงแต่สามารถต่อกรกับขั้นนภาสูงสุดได้ ยังเคยกระทั่งสังหารขั้นนภาสูงสุดมาแล้ว

น่าเสียดาย ที่ตอนนี้มันอ่อนแอเกินไป พลังเข้าสู่ช่วงโรยรา ไม่สามารถกระทั่งต้านทานลมปราณที่แผ่ออกมาจากขั้นนภาสูงสุด

“น่าขันนัก ถึงขนาดนี้แล้วยังจะกล้าต่อต้านพวกข้าอีก?”

สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเผ่ามนุษย์ยิ้มเย้ย นี่เหลืออดเสียจริง ยังไม่ทันได้ลงมือ ชิงหนิวเบื้องหน้าเขาก็ถูกกดดันจนล้มลงไป ยังจะกล้ามาต่อต้านพวกเขาอีก!

“ต่อให้ตายพวกข้าก็ไม่มีทางยอมเป็นทาสของพวกเจ้า!”

ผู้อาวุโสสูงสุดชิวหนิวกู่ร้อง กระตุ้นพลังในร่างกาย ต้องการจะระเบิดตัวเอง

ชิงหนิวผู้แข็งแกร่งด้านข้างเองก็ทำเช่นเดียวกัน มันพยายามกระตุ้นพลังในร่างกายตนเอง หวังระเบิดตัวตาย

พวกมันมีเกียรติและความผยองในศักดิ์ศรี ต่อให้ต้องตายก็จะไม่ละทิ้งเกียรติ์และศักดิ์ศรี

สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเผ่ามนุษย์เพียงโบกมือเบา ๆ หนึ่งครี่ง เกิดระลอกพลังพัดปัดเป่าพลังที่ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวและชิงหนิวผู้แข็งแกร่งรวบรวมออกไปทันที จนไม่สามารถกระตุ้นพลังให้ระเบิดตนเองได้

“คิดจะตาย? ไม่มีทางเสียหรอก!”

สีหน้าของเขาไม่แยแสระหว่างกล่าวออกมา “ตั้งแต่พวกเขามายังที่แห่งนี้ ชีวิตของพวกเจ้าก็ไม่ใช่ของพวกเจ้าอีกต่อไป แต่เป็นของพวกข้า!”

“สารเลว!”

ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวกู่ร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเหล่า แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ เพียงแค่สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเผ่ามนุษย์โบกมืออีกครั้ง พลังในร่างกายทั้งหมดก็ถูกผนึกลงทันที

เช่นเดียวกับชิงหนิวผู้แข็งแกร่งด้านหน้าที่เผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน

“พวกเจ้าทำเช่นนี้ทำไม!?”

เสี่ยวหยาผู้มีจิตใจดีงาม ไม่อาจทนเห็นเรื่องเช่นนี้ได้ นางจึงก้าวไปด้านหน้าแล้วพูดขึ้นมา “พวกเขาไม่ต้องการ ไยพวกเจ้าจึงยังยืนกรานจะบีบบังคับพวกเขา!”

“หืม!?”

สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเผ่ามนุษย์หันกลับมาพร้อมแววตาประหลาดใจ

ปราณขั้นนภาสูงสุดถูกปลดปล่อยออกมา กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าชิงหนิวก็ไม่สามารถหยุดยั้ง แต่สามคนนี้กลับสามารถต้านทานได้อย่างไร?

สตรีที่เป็นคนเอ่ยปากพูดขอบเขตขั้นต่ำที่สุด อยู่เพียงขอบเขตพรตเต๋าเท่านั้น

ส่วนของคนด้านหลัง ผู้ที่ยังดูเยาว์วัยมีขอบเขตสูงสุดอยู่ที่ขั้นราชันนักบุญ ขณะที่ผู้ดูมีอายุอยู่ในขั้นนักบุญ

ด้วยขอบเขตที่อ่อนแอ่เช่นนี้ เหตุใดจึงสามารถต้านทานพลังปราณที่แผ่ออกมาจากขั้นนภาสูงสุดสามคนได้?

เขาคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง

ใช่แล้ว

หลังจากกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงเลื่อนขั้น ยิ่งทำให้มันน่าอัศจรรย์ใจขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังมีพลังจากชานมไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเสี่ยวหยา ทำให้ขอบเขตของนางพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าแล้ว

ส่วนหลินอินนั้น แม้ขอบเขตของนักบุญจะก้าวข้ามขั้นเป็นเรื่องลำบากยากเย็นอย่างยิ่ง ทว่านางก็ได้รับความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ทะลวงผ่านขอบเขตนักบุญไปสองขั้น เลื่อนกลายเป็นขั้นราชันเทวา

แต่หากพวกนางต้องการจะต่อต้านแรงกดดันของขั้นนภาสูงสุดด้วยขอบเขตเพียงแค่นี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้

แต่เสี่ยวหยานั้นมีฉินปี้เทียนชางไห่อยู่กับตัว นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้นางสามารถต้านทานแรงกดดันของขั้นนภาสูงสุดได้

ส่วนหลิงอินนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง บนร่างของนางมีทั้งหยกคุ้มภัย ฉินเฟิ่งหมิงและคันศร จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่แรงกดดันจากขั้นนภาสูงสุดจะส่งผลกระทบต่อนาง

สำหรับจ้าวหุบเขา เป็นเพราะหลิงอินยืนอยู่ด้านหน้าและหยุดยั้งแรงกดดันของขั้นนภาสูงสุดให้นาง

มิเช่นนั้น จ้าวหุบเขาคงไม่อาจยืนอยู่ได้และล้มลงไปกองกับพื้นตั้งนานแล้ว

“พวกเจ้าเป็นใคร?”

สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเผ่ามนุษย์ถามขึ้นมา เดิมทีเขาไม่สนใจพวกหลิงอิน แต่ในตอนนี้เขาเกิดความสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ด้วยความสามารถในการต้านทานแรงกดดันจากขั้นนภาสูงสุดที่พวกเขาปล่อยออกมา พวกหลิงอินย่อมต้องไม่ธรรมดาสามัญ อาจมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างอยู่กับตัว

ไม่เช่นนั้น ด้วยขอบเขตของพวกหลิงอิน เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถต้านทานแรงกดดันของพวกเขาได้

“พวกเราเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือพวกเจ้าควรออกไปจากที่นี่…”

หลิงอินกล่าวออกมาเรียบ ๆ ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

ทว่าจ้าวหุบเขาที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง

นางย่อมไม่กังวลว่าสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเบื้องหน้าทั้งสามตนจะสามารถคุกคามหลิงอินได้

ตลกน่า จักรพรรดิบุปผาที่ขอบเขตเหนือยิ่งกว่ายังถูกหลิงอินสังหารลงได้ในท้ายที่สุด สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดขั้นนภาสูงสุดจะสามารถคุกคามอีกฝ่ายได้อย่างไร

สิ่งที่นางกังวลก็คือแดนต้องห้ามที่อยู่เบื้องหลังพวกมันทั้งสาม ซากสุสานอัมพร!

หลิงอินผูกความแค้นกับทะเลต้องห้ามเอาไว้แล้ว ตอนนี้หากเพิ่มซากสุสานอัมพรเข้าไป นางยังจะสามารถต่อกรได้อยู่อีกหรือไม่?

นี่เป็นถึงแดนต้องห้ามสองแห่ง!

เป็นระยะเวลาแสนนานมาแล้ว ที่ไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตใดสามารถสั่นคลอนแดนต้องห้ามได้!

“ออกไป? เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่!?”

แววตาน่าสยดสยองฉายวาบในดวงตาของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเผ่ามนุษย์ขณะจับจ้องไปที่หลิงอิน

เห็นได้ชัดว่าหลิงอินไม่ธรรมดาสามัญ ไม่เช่นนั้นนางจะเอาสิ่งใดมากล้าพูดจาเช่นนี้?

ทว่าเบื้องหลังของเขาคือซากสุสานอัมพร ทั้งฝ่ายเขายังมีขั้นนภาสูงสุดถึงสามคน พวกเขาจะหวาดกลัวจนจากไปเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไม่มีทางเสีย!

“ข้าไม่อยากจะผูกแค้นกับซากสุสานอัมพรของพวกเจ้า หากออกไปตอนนี้ ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไปแต่โดยดี ไม่เช่นนั้น… ต่อให้พวกเจ้าอยากจากไปก็ไม่อาจทำได้!”

หลิงอินเรียกคันศรออกมาในมือ ทั่วทั้งคันศรเปล่งประกายไหลเวียนด้วยเต๋าขั้นสูงสุด

เมื่อสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทั้งสามเห็นคันศรในมือของหลิงอิน ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายร้อนแรง

นี่มันคันศรอะไรกัน?

สัมผัสเต๋าที่ไหลเวียนอยู่ลึกซึ้งมากเสียจนไม่อาจจินตนาการถึง!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ย่อมต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างถึงที่สุด!

เพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็เกิดความโลภ ต้องการจะได้รับคันศรล้ำค่ามาไว้ครอบครอง

“ฆ่า!”

พวกเขาตัดสินใจสังหารหลิงอินอย่างเด็ดขาดโดยไม่คิดจะพูดจาอะไรให้มากความ ทั้งสามลงมือพร้อมกัน ระดมพลังโจมตีสังหารหญิงสาวจากทิศทางที่ต่างกัน

ยิ่งอาวุธวิเศษทรงพลังมากเพียงใด ยิ่งต้องใช้พลังงานมากเท่านั้น พวกเขาไม่เชื่อว่าหลิงอินจะทรงพลังมากพอที่จะใช้งานคันศรได้

ทว่าพวกมันก็ยังคงไม่ประมาท ลงมือโจมตีพร้อมกันอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสทำสิ่งใด!

ถึงอย่างไรหลิงอินก็ควรจะทำอะไรสักอย่างได้ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับขั้นนภาสูงสุดสามคน

พวกมันไม่รั้งรอ พุ่งเข้าไปหมายสังหาร เสียงระเบิดสะเทือนสั่นกลางอากาศ ความผันผวนของพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาสะท้านฟ้าดิน!

“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็…ตายเสียเถอะ!”

หลิงอินยังคงมีสีหน้าเฉยเมย ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งมีชีวิตที่มาจากแดนต้องห้าม

นางขึ้นคันศรในมือ ลูกศรแสงสามดอกควบแน่นบนสายคันศรทันที

หลังจากนั้น ศรแสงสามดอกก็เรืองรองด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขตยิงใส่สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทั้งสามตน!

ศรแสงทั้งสามถูกยิงออกไปพร้อมกัน ศรแต่ละดอกแฝงด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทาน ทำลายได้กระทั่งอากาศ ประหนึ่งเป็นศรที่พุ่งออกมาจากฟ้าสวรรค์ เปี่ยมด้วยกฎมหาเต๋าไหลเวียน!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสำเร็จในวิถีธนูสูงขึ้นไปอีกขั้นแล้ว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท