รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 401 อย่ามาหลอกล่อคน…ไม่สิ…อย่ามาหลอกล่อชิงหนิวเช่นนี้!

บทที่ 401 อย่ามาหลอกล่อคน...ไม่สิ...อย่ามาหลอกล่อชิงหนิวเช่นนี้!

บทที่ 401 อย่ามาหลอกล่อคน…ไม่สิ…อย่ามาหลอกล่อชิงหนิวเช่นนี้!

เมื่อศรแสงสามดอกถูกยิงออกไป สีหน้าของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทั้งสามจากซากสุสานอัมพรก็พลันแปรเปลี่ยนไปทันที

หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบหันตัวกลับ วิ่งหนีไปอย่างขวัญกระเจิง!

พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่บรรจุอยู่ด้านในศรแสง พลังนั้นอย่าว่าแต่พวกเขาเลย กระทั่งมหาจักรพรรดิก็ยังไม่อาจต้านทานได้!

บัดซบ!

ราชันนักบุญผู้หนึ่งสามารถปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะต้องมาเสียใจภายหลังอย่างสุดซึ้ง ถ้าหากว่ารู้เช่นนี้ตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ตอนที่หลิงอินปล่อยพวกเขาไป พวกเขาก็ควรจากไปอย่างไม่ลังเล!

ตอนนี้เป็นเช่นไร แม้พวกเขาต้องการก็ไม่สามารถจากไปได้!

ศรแสงสามดอกเล็งเป้าพวกมันเอาไว้แล้ว เพียงพริบตาเดียว พวกเขาไม่มีเวลากระทั่งจะกล่าวร้องขอความเมตตา ก็ถูกศรแสงยิงเข้าใส่

หลังจากนั้นก็เกิดเสียงดังลั่น ร่างกายและวิญญาณของพวกเขาระเบิดออกแตกเป็นเสี่ยง ๆ ตายไปโดยสิ้นเชิง!

คนหนุ่มสาวช่างใจร้อนเสียเหลือเกิน!

เหตุใดจึงไม่ให้โอกาสพวกเขาพูดเป็นครั้งสุดท้าย ให้พวกมันได้กล่าวถึงภูมิหลังอันน่ากลัวและข่มขู่อีกฝ่าย

หากข่มขู่ไม่สำเร็จค่อยสังหารพวกเขาก็ได้!

พวกเขารู้สึกอึดอัดใจ ตายลงไปด้วยความคับข้องใจเป็นอย่างยิ่ง

“นี่!”

ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวถลึงกว้างจนแทบจะหลุดออกมา

ขั้นนภาสูงสุดสามตน…กลับถูกสังหารลงไปในทันที!?

คนผู้นี้เป็นใครกัน จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

นอกจากนี้ภายในใจของมันยังประหลาดใจเป็นอย่างมากว่าหลิงอินทำได้อย่างไร?

ราชันนักบุญผู้หนึ่งกลับสามารถปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้ สิ่งนี้ห่างไกลจากความรู้ความเข้าใจของมันมากเกินไปจนมันไม่เคยแม้แต่จะคาดถึง

อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของชิงหนิวผู้แข็งแกร่งเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ คาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน

หลิงอินที่อยู่เบื้องหน้าดูเหมือนกับหญิงสาววัยเพียงประมาณยี่สิบปี กลับสามารถลงมือสังหารขั้นนภาสูงสุดสามตนพร้อมกันได้ ช่างทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ เสมือนเป็นเพียงความฝัน

“แดนต้องห้ามทั้งสองแห่ง แม่นางหลิงอินจะสามารถต่อกรได้หรือ?”

จ้าวหุบเขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าขมฝาด

หญิงสาวกล่าวขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม “จะเป็นแดนต้องห้ามสองแห่งได้อย่างไร? ผู้ที่มาจากซากสุสานอัมพรทั้งสามต่างตายตกไปแล้ว ผู้ใดจะรู้กันว่าเป็นข้าที่ลงมือ?”

นางสังหารผู้ที่มาจากซากสุสานอัมพรทั้งสามทิ้ง ไม่ปล่อยให้ผู้ใดเหลือรอดไปบอกค่าย ก็เนื่องจากสาเหตุเช่นนี้

ในเมื่อตายไปหมดแล้ว ซากสุสานอัมพรก็จะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด

จ้าวหุบเขาชะงัก ก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “เป็นเช่นนั้นเอง”

“ขอบคุณแม่นางเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยชีวิตพวกข้าเอาไว้!”

ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวเดินเข้ามาก่อนพูดกับหลิงอินด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

ตัวมันใช้ชีวิตมายาวนานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่มันกล่าวขอบคุณคนจากเผ่ามนุษย์ ทั้งยังเป็นแม่นางน้อยอายุเพียงราว ๆ ยี่สิบปีผู้หนึ่ง…

มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสักวันที่ตัวของมันถูกแม่นางน้อยอายุเพียงยี่สิบปีผู้หนึ่งช่วยเหลือเอาไว้

“เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องสุภาพถึงเพียงนั้น”

หลิงอินยิ้ม

เรื่อง…เล็กน้อย?

ผู้เฒ่าสูงสุดชิงหนิวกล่าวในใจว่าขอบเขตแท้จริงของแม่นางน้อยผู้นี้สูงเป็นอย่างยิ่ง การสังหารขั้นนภาสูงสุดสามตน…เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย!

หากเปลี่ยนเป็นมันที่สามารถลงมือสังหารขั้นนภาสูงสุดสามตนได้เพียงพริบตา มันคงจะตื่นเต้นไปอีกหลายเดือน!

“นับเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับท่าน ทว่าสำหรับพวกเราแล้วนับเป็นบุญคุณครั้งใหญ่ในการช่วยชีวิต!”

ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม “พวกเราจะจดจำความเมตตาครั้งนี้เอาไว้ หากต้องการจะให้พวกเราทำสิ่งใด พวกเราก็จะทำอย่างสุดชีวิตไม่ปริปากบ่น!”

หากครั้งนี้หลิงอินไม่ลงมือ เกรงว่าชะตากรรมของพวกมันจะต้องเลวร้ายเป็นอย่างมากหลังจากถูกสิ่งมีชีวิตจากสุสานอัมพรพาตัวไป

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเป็นถึงขั้นบุญคุณชีวิต

หญิงสาวยิ้ม “บังเอิญ ข้าก็มาพบพวกเจ้าเพราะเรื่องบางอย่าง”

หืม!?

ดูเหมือนจะได้ตอบแทนในทันที!

ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวกล่าวขึ้นมาในใจว่าหลิงอินช่างตรงไปตรงมาเหลือเกิน มันเพิ่งพูดจบ นางก็กล่าวเรื่องนี้ขึ้นมาเสียแล้ว

“มีเรื่องอะไรท่านก็กล่าวมาเถิด”

ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหลิวสุภาพและให้เกียรติกับหลิงอินเป็นอย่างมาก

“ได้ยินมาว่าเผ่าเจ้ามีสมาชิกเกิดใหม่ เดิมทีข้ามาที่นี่ก็เพื่ออยากจะขอนมจากเจ้า ทว่าตอนนี้ ข้าอยากให้พวกเจ้าทั้งหมดมากับข้า…”

หลิงอินกล่าว

สิ่งมีชีวิตจากซากสุสานอัมพรสิ้นชีพลงที่นี่ ซากสุสานอัมพรย่อมไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน หากเผ่าชิงอสูรฟ้าชิงหนิวยังคงอยู่ไม่ไปจากที่นี่ ซากสุสานอัมพรจะต้องกลับมาหาพวกเขาอีกครั้งอย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่ชิงอสูรฟ้าชิงหนิวจะตกอยู่ในอันตราย นางเองก็จะถูกเปิดเผยตัวตน จนต้องเผชิญหน้ากับซากสุสานอัมพร

ตัวนางย่อมไม่กลัวซากสุสานอัมพร แต่หากต้องเผชิญหน้าจริง ๆ แล้ว จะเป็นเรื่องยุ่งยากมากอย่างแน่นอน นางไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยากเช่นนั้น จึงต้องการจะนำตัวชิงหนิวทั้งสี่ไปด้วย

เมื่อทำเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับซากสุสานอัมพรแล้ว

นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

ผู้อาวโสสูงสุดชิงหนิวรู้สึกหนักอึ้ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลิงอินเองก็ต้องการให้พวกมันกลายไปเป็นทาสเช่นเดียวกับผู้ที่มาจากซากสุสานอัมพร

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว มันก็รู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมาก

เหตุใดเผ่าอสูรฟ้าชิงหนิวจึงต้องพบกับความยากลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากผู้ที่ต้องการจะจับพวกมันไปเป็นทาส

“ไปกับท่าน? ไปที่ใด?”

ทว่าหลิงอินยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวจึงยังคงอดทน ไม่เอ่ยตั้งคำถามอีกฝ่ายโดยตรง กล่าวออกมาอย่างให้เกียรติ

หากไม่มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตพวกมันเอาไว้ มันคงไม่มีทางให้เกียรติหลิงอินเช่นนี้ แม้ว่านางจะสามารถสังหารขั้นนภาสูงสุดได้ภายในพริบตาก็ตาม!

พวกมันมีความภาคภูมิใจและเกียรติยศอยู่ในสายเลือด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถนำพวกมันไปเป็นทาสได้!

“ไปสถานที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง ขอโทษที่ไม่สามารถบอกอะไรกับเจ้าได้มากกว่านี้ แต่ข้าสามารถบอกได้ว่าที่แห่งนั้นยอดเยี่ยมเกินกว่าที่พวกเจ้าจะสามารถจินตนาการถึง!”

หลิงอินกล่าว

“ยอดเยี่ยมเพียงนั้นเชียว? ใช่ภพเซียนหรือไม่?”

น้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวค่อย ๆ เย็นเยียบลง หลิงอินกำลังพยายามหลอกล่อพวกมัน ให้พวกมันยอมตามไป หลังจากนั้นจึงค่อยล้อมคอกมันใช่หรือไม่?

จะยอมให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!

มันไม่มีวันยอม!

หญิงสาวยังคงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “อืม ที่แห่งสามารถเรียกได้ว่าภพเซียน อาจเหนือยิ่งกว่าภพเซียนเสียด้วยซ้ำ”

เป็นเช่นนั้นจริง

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวถูกต้องแล้ว

นางต้องการจะพาเหล่าชิงอสูรฟ้าชิงหนิวกลับไปยังเมืองชิงซาน แล้วมอบพวกมันให้กับท่านเซียน

ส่วนลานเล็ก ๆ ของท่านเซียนจะเรียกว่าภพเซียนก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง!

“แม่นาง เจ้าต้องการจะล่อลวงชิงหนิวชราผู้นี้หรือไม่”

น้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดเย็นชามากยิ่งขึ้น เขาเรียกหลิงอินโดยตรงด้วยคำว่า…เจ้า

ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าภพเซียน?

หลิงอินกล้าพูดขึ้นมาเช่นนี้ได้อย่างไร!

มันยังไม่ได้แก่จนเลอะเลือน!

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างฝ่าฟันที่จะบรรลุสู่แดนเซียน จะมีสถานที่ดีกว่าภพเซียนอยู่บนอาณาจักรแห่งนี้ได้อย่างไร?

คิดอะไรอยู่!

อย่ามาหลอกล่อคน…ไม่สิ…อย่ามาหลอกล่อชิงหนิวเช่นนี้!

“บุญคุณช่วยชีวิตยิ่งใหญ่เท่าฟ้า แต่พวกเราเองก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีของตนเอง หากแม่นางต้องการจะเลี้ยงดูพวกเราให้เป็นทาส ข้าแนะนำให้แม่นางล้มเลิกความคิดนี้เสีย! ต่อให้พวกเราต้องตายก็ไม่ยอมอย่างแน่นอน!”

ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าชิงหนิวกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น

“ถูกต้อง! ถ้าหากเจ้าต้องการนม พวกเราก็สามารถให้ได้ แต่หากต้องการให้พวกเราไปด้วย ย่อมไม่มีทางอย่างแน่นอน แม้ว่าจะสังหารพวกเราทั้งหมดก็ไม่สามารถ!”

ชิงหนิวผู้แข็งแกร่งที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวออกมาอย่างหนักแน่นเช่นเดียวกัน

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท