รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 404 ผิดหวังมาก ผิดหวังอย่างถึงที่สุด!

บทที่ 404 ผิดหวังมาก ผิดหวังอย่างถึงที่สุด!

บทที่ 404 ผิดหวังมาก ผิดหวังอย่างถึงที่สุด!

“อย่าประมาทนาง!”

“นางบอกว่าตนเองเป็นคนทำร้ายผู้อาวุโสสิบเจ็ด!”

คนตีกลองรบรีบเอ่ยอธิบายสถานการณ์ รู้ดีว่าเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาถึงจะเข้าใจผิด

“นางพูด พวกเจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ?”

“คิดว่าจะเป็นไปได้หรือ?”

เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาต่างไม่เชื่อ

จะเชื่อได้อย่างไร?

ราชันเทวาผู้หนึ่งกลับสามารถกำราบขั้นวิถีสูงสุดได้?

คิดได้อย่างไร!

“เป็นเรื่องจริง! รีบช่วยข้าเร็วเข้า! พวกเจ้ามัวแต่อ้อยอิ่งอะไรกันอยู่!”

ผู้อาวุโสสิบเจ็ดแทบจะร่ำไห้ออกมา

พี่น้องร่วมตระกูลทั้งหลาย ไม่เห็นหรือว่าเขาอ่อนแอจนอาจสิ้นชีพลงได้ทุกเมื่อ? เหตุใดจึงยังคงโต้เถียงกันว่าราชันเทวาสามารถโจมตีวิถีสูงสุดจนบาดเจ็บสาหัสได้หรือไม่!

“อะไรนะ! เป็นเรื่องจริงหรือ?”

“เป็นไปไม่ได้!”

แม้พวกเขาจะได้ยินคำตอบจากปากของผู้อาวุโสสิบเจ็ด แต่ก็ยังคงยากที่จะเชื่อ

ขั้นราชันเทวาเป็นไปไม่ได้กระทั่งมดปลวกต่อหน้าขั้นวิถีสูงสุด เหตุใดจึงสามารถทำให้ขั้นวิถีสูงสุดบาดเจ็บหนักได้?

เรื่องนี้ช่างน่าอัศจรรย์เกินไป ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อได้ลง!

“จริงหรือ?”

ชายชราผมขาวหน้าแดงผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมา ภายในดวงตาของเขาราวเป็นฉากดวงดาราที่เคลื่อนไหวทุกครั้งที่กะพริบตา ปราณที่แผ่ออกมาน่ากลัวยิ่ง เขาเป็นถึงมหาจักรพรรดิผู้หนึ่ง คนผู้นี้คือผู้อาวุโสแปดแห่งตระกูลไป๋

เขากล่าว “ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ก็นำตัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดกลับมาก่อนเถอะ ปล่อยให้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ทรุดลงบนพื้นเช่นนั้น ช่างดูไม่งามยิ่ง!”

“ใช่แล้ว!”

ขอบเขตนักบุญผู้หนึ่งตอบกลับ ก่อนจะก้าวไปด้านหน้าหมายจะพาตัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดกลับมา

สีหน้าของเซี่ยเหยียนยังคงเรียบนิ่ง นางเรียกคันศรขึ้นมาบนมือก่อนรั้งสาย ศรแสงพุ่งตรงไปปักด้านหน้านักบุญที่ก้าวเข้ามา ระลอกพลังอันแข็งแกร่งกระแทกคนผู้นั้นจนกระเด็นออกไป

“นี่มัน…คันศรอะไรกัน!?”

“ทรงพลังยิ่งนัก!”

สายตาของคนตระกูลไป๋ทั้งหมดจับจ้องรวมกันไปยังคันศรราชันที่ถูกเรียกออกมา

เต๋าที่ไหลเวียนบนคันศรลึกล้ำไพศาล จนแม้แต่ผู้อาวุโสแปดที่เป็นถึงมหาจักรพรรดิก็ยังคงตกตะลึงเป็นอย่างมาก ภายใต้เต๋าในคันศร เขาเป็นได้เพียงฝุ่นธุลีอันไร้ค่าเท่านั้น

“ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะกระจ่างชัดเจน พวกเจ้าไม่สามารถพาตัวเขาไปได้”

เซี่ยเหยียนกล่าว

“โจมตีผู้อาวุโสตระกูลไป๋จนบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังลงมืออย่างกำเริบเสิบสานในแดนตระกูลไป๋ เจ้าเอาศักดิ์ศรีของตระกูลไป๋ไปไว้ที่ใด?”

ผู้อาวุโสแปดตวาดออกมาอย่างเย็นชา ไม่ว่าเรื่องนี้ใครจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด แต่การกระทำของเซี่ยเหยียนก็ถือเป็นการหยามเกียรติและยั่วยุตระกูลไป๋อย่างแรง!

“แค่นี้ก็โกรธแล้วอย่างนั้นหรือ?”

เซี่ยเหยียนถามออกมา

“นี่คือสิ่งที่คนตระกูลไป๋ของพวกเจ้าทำต่อหน้าข้า!”

หญิงสาวกล่าว “เริ่มจากไป๋อวี่เฟยจากตระกูลไป๋ของพวกเจ้าไปที่สำนักไท่หัวของข้าด้วยความหยิ่งผยอง ทั้งดูถูกและเหยียดหยามข้า แถมยังมีความคิดให้ข้ายอมส่งมอบคันศรราชัน มิเช่นนั้นจะสังหารข้าและคนสำนักไท่หัวทั้งหมด!”

นางพูดต่อ “ข้าจำได้ว่ายอดนิกายเคยหลั่งโลหิตเพื่อโลกใบนี้ สร้างคุณูปการครั้งใหญ่ จึงไม่ได้คิดติดเอาความแล้วปล่อยไป๋อวี่เฟยไป”

เซี่ยเหยียนหยุดไปชั่วอึดใจ สบตาเข้ากับผู้อาวุโสแปดก่อนจะกล่าวต่อ “แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้นปู่ของไป๋อวี่เฟยก็มาเยือน เขาต้องการจะสังหารฆ่าโดยไม่พูดไม่จาสิ่งใด ไม่สนใจกระทั่งความเป็นตายของเหล่าคนในสำนักไท่หัว ถึงกับปล่อยปราณวิถีสูงสุดปกคลุมสำนักไท่หัว!”

“ด้วยการกระทำและพฤติกรรมเช่นนี้ ข้าจะถามพวกเจ้าตระกูลไป๋สักหนึ่งคำถาม ว่านี่เป็นสิ่งที่ยอมรับได้หรือไม่?”

แม้นางจะเป็นสตรี ทั้งยังเยาว์วัย แต่กลับดูสง่างามและหาญกล้าเยี่ยงวีรชนยามเอ่ยถามผู้อาวุโสแปด

“พี่แปด มันไม่ใช่ความจริง เรื่องจริงคือเสี่ยวเฟยได้รับมอบหมายให้ไปเชิญนางเข้าร่วมสถานศึกษาที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมา ทว่านางกลับวางท่าดูหมิ่นเหยียดหยามจนถึงขั้นลงมือใส่เสี่ยวเฟย ทั้งยังทำลายร่างอวตารที่ข้าทิ้งเอาไว้ในตัวเสี่ยวเฟย!”

ผู้อาวุโสสิบเจ็ดรีบกล่าวต่อ “ข้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเสี่ยวเฟย จึงรีบใช้ร่างจริงตรงไปที่นั่นทันที หลังจากที่ข้าไปถึง แม้ว่าเสี่ยวเฟยจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เหมือนตายไปแล้ว สูญเสียจิตวิญญาณ สีหน้าว่างเปล่าประหนึ่งคนโง่ง่ม!”

เขายังคงกล่าวต่อไป “ข้าไปถามหาเหตุผลจากนาง แต่นางกลับไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา ยังไม่ทันที่จะได้กล่าวถึงสิ่งใด นางก็ใช้คันศรในมือยิงข้าแล้วบังคับพามายังตระกูลไป๋ ตั้งใจจะโอ้อวดสำแดงความแข็งแกร่งของนางต่อหน้าตระกูลไป๋ของพวกเรา!”

ยังโชคดีที่เป็นผู้อาวุโสแปด!

หลังจากกล่าวจบแล้ว ผู้อาวุโสสิบเจ็ดก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

กฎตระกูลไป๋นั้นเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง หากสิ่งที่เขากับเสี่ยวเฟยกระทำลงไปถูกเปิดเผย เกรงว่าพวกเขาทั้งสองคนจะถูกลงโทษอย่างหนัก หากไม่ตายก็ปางตาย!

ทว่าหลังจากเห็นพี่แปดเป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็รู้ถึงโล่งอกขึ้นมา

หากเป็นผู้อาวุโสท่านอื่น เขาคงไม่กล้าพูดออกมาเช่นนี้ ได้แต่ยอมรับความจริงออกมา

ในตระกูลไป๋มีกระจกเผยวิญญาณอยู่ มันมีความสามารถในการเปิดเผยความทรงจำของดวงวิญญาณได้ หากเป็นผู้อาวุโสท่านอื่นคงต้องนำกระจกเผยวิญญาณออกมาสืบสาวหาความจริง

เมื่อกระจกวิญญาณถูกนำออกมา เรื่องราวความจริงทั้งหมดจะถูกเปิดเผยด้วยตัวเอง เขาโกหกไปก็ไร้ความหมาย

แต่พี่แปดเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องราวในครั้งนี้ เขาจะไม่ได้เผชิญเรื่องอะไร

เขากับพี่แปดมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก พี่แปดจะไม่มีทางนิ่งดูดาย ยื่นมือช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน!

“…”

เซี่ยเหยียนที่ฟังจนจบแล้วถึงกับพูดสิ่งใดไม่ออก

ตาแก่สารเลวผู้นี้ยังหน้าไม่อายได้มากกว่าเดิมอีกหรือ?

กำลังพูดจาไร้สาระอะไรอยู่!

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น!

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ!

ความเย่อหยิงไร้ยางอายของไป๋อวี่เฟยล้วนเรียนรู้มาจากผู้เป็นปู่!

“โอ้อวดสำแดงความแข็งแกร่ง?”

เป็นดังที่คาดไว้ ผู้อาวุโสแปดไม่ได้สนใจความจริงอะไรเลย เขาเพียงยึดถือตามคำพูดของผู้อาวุโสสิบเจ็ด

เขามองไปที่เซี่ยเหยียนก่อนกล่าวออกมา “แม้ว่าคันศรในมือของเจ้าจะไม่ธรรมดา แต่ยังห่างไกลที่จะทำให้เจ้าไร้ผู้เทียบเคียงในใต้หล้า!”

เขาขยับเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น ก่อนจะตะโกนออกคำสั่งเสียงดัง “จัดการนางเสีย! ทำร้ายผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ทั้งยังหาญกล้ามาทำตัวกำเริบเสิบสานในแดนตระกูลไป๋ ความผิดทั้งหมดล้วนไม่อาจให้อภัย สมควรถูกกำจัด!”

ผู้แข็งแกร่งตระกูลไป๋ส่วนใหญ่ที่เป็นคนของผู้อาวุแปด เมื่อได้ยินคำสั่งของเขาแล้วก็เริ่มลงมือโจมตี ระดมกำลังสังหารเซี่ยเหยียน

ทว่าก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ยังคงรู้สึกติดใจสงสัย แต่พวกเขาก็ถูกผู้อาวุโสแปดข่มเอาไว้ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

ยิ่งตระกูลเก่าแก่และใหญ่โตมากเพียงใด รากฐานยิ่งสลับซับซ้อน กระทั่งตระกูลไป๋เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ภายในถูกแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายมากมาย

“นี่คือโฉมหน้าที่แท้จริงของยอดนิกายหรือ?”

ใบหน้าของเซี่ยเหยียนเย็นชา นางผิดหวังกับตระกูลไป๋เป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่านางกับผู้อาวุโสสิบเจ็ดจะไม่ลงรอยกัน ตระกูลไป๋ก็ควรจะพูดคุยตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดกก่อนไม่ใช่หรือ?

ทว่าผู้อาวุโสแปดกลับไม่ต้องการจะสืบหาความจริง เมินเฉยต่อคำพูดของนาง เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะช่วยเหลือผู้อาวุโสสิบเจ็ดโดยการฆ่าปิดปากนาง!

นางผิดหวังมาก ผิดหวังมากอย่างถึงที่สุด

ยอดนิกายที่ครั้งหนึ่งเคยต่อสู้หลั่งโลหิตเพื่อโลกใบนี้ สร้างคุณูปการอันหยิ่งใหญ่ ไม่สมควรจะเป็นเช่นนี้

เซี่ยเหยียนยกคันศรในมือนาง แววตาทอประกายเฉียบคมขึ้นมา “พวกเจ้าเห็นว่าข้ามีตัวคนเดียวเลยสามารถระรานได้ง่ายอย่างนั้นหรือ? ช่างมันเถอะ ถือโอกาสให้ข้าได้จัดการเหล่าคนที่ใช้ชื่อเสียงหลอกลวงผู้อื่นอย่างพวกเจ้าเสีย!”

“เจ้ายังกล้าบังอาจมาท้าทายตระกูลไป๋อีก? สังหารนางเสีย!”

ผู้อาวุโสแปดตะโกนออกคำสั่งสังหารด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท