ภายในตำหนัก ฉู่อวี๋หยงกำลังเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เพื่อคุณหนูตันจูพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มองเขาไม่พูดสิ่งใด
ฉู่อวี๋หยงหยุดยิ้ม
“เสด็จพ่อ กระหม่อมไม่ได้โกหก” เขาเอ่ยเสียงเบา “นับแต่ก่อนหน้านี้กระหม่อมเคยทูลต่อเสด็จพ่อ ยอมใช้ความชอบทั้งหมดแลกกับการที่เสด็จพ่อทรงปฏิบัติดีต่อเฉินตันจูนั้น เรื่องที่กระหม่อมทำทั้งหมดล้วนทำเพื่อคุณหนูตันจู”
ฮ่องเต้ยิ้ม “เจ้าโกหก เจ้าทำเพื่อเฉินตันจูนับตั้งแต่ไม่ได้เป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กใช่หรือไม่”
ฉู่อวี๋หยงยิ้ม “เป็นหนึ่งในเหตุผล แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ ไม่เป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นแผนการของกระหม่อมแต่แรก ถึงจะไม่มีคุณหนูตันจู กระหม่อมก็จะไม่เป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กอีก”
ไม่รอฮ่องเต้ได้เอ่ย เขาก็พูดต่อ
“ก่อนหน้านี้เจตนาของกระหม่อมอาจปิดบังเอาไว้ ไม่เคยทูลต่อเสด็จพ่อ แต่เพราะกระหม่อมอยากเปิดเผยเจตนาต่อคุณหนูตันจูอาจต้องใช้เวลา อย่างไรแล้วสำหรับคุณหนูตันจู กระหม่อมเป็นแค่คนแปลกหน้า”
“ดังนั้นจึงเกิดการบังเอิญพบคุณหนูตันจูที่หน้าสุสานท่านแม่ทัพ ให้คุณหนูตันจูส่งกระหม่อมเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในพระราชวัง ถึงได้ให้องครักษ์ไปแสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าคุณหนูตันจู ให้คุณหนูตันจูคุ้นเคยกับกระหม่อม”
“งานเลี้ยงในคราวนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับกระหม่อม ดังนั้นจึงมอบถุงแห่งโชคให้คุณหนูตันจู”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮ่องเต้ตรัสเสียงเย็น “อย่างนั้นเจ้าก็มอบพุทธธรรมของเจ้าเอง เหตุใดต้องเขียนของผู้อื่น”
ฉู่อวี๋หยงทูลด้วยรอยยิ้ม “หากเขียนแค่ของกระหม่อม เกรงว่าจะทำให้คุณหนูตันจูตกใจ ของพี่ๆ ทั้งสามมีคนเขียนแล้ว หากคุณหนูตันจูได้ไป เสด็จพ่อก็คงไม่อนุญาต”
ฮ่องเต้ส่งเสียงในลำคอ พินิจรอยยิ้มเขินอายบนใบหน้าขององค์ชายอายุน้อย “เจ้าคิดแค่ว่าจะทำให้คุณหนูตันจูตกใจ แต่ไม่คิดว่าการกระทำของเจ้าจะทำให้ข้า ทำให้ท่านอ๋องทั้งสามตกใจต่อหน้าแขกเหรื่อมากมาย”
ฉู่อวี๋หยงพูด “ไม่พ่ะย่ะค่ะ มันสามารถเป็นบุญบารมีเหมือนที่คุณหนูตันจูพูด”
“นางมีบุญบารมี!” ฮ่องเต้ตวาดเสียงดัง “เฉินตันจูมีหน้าพูดถึงบุญบารมีด้วยหรือ”
“เพียงแค่นางเป็นองค์หญิงที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้ง” ฉู่อวี๋หยงก็เสียงดังขึ้นเล็กน้อย “นางหยิบได้ถุงแห่งโชคที่มีบุญบารมีที่สุดก็ไม่มีผู้ใดกล้าขัด ไม่ว่านางจะมีชื่อเสียงเสื่อมเสียเพียงใด แต่ก็ไม่มีผู้ใดบังอาจสงสัยโชคที่ฝ่าบาทพระราชทานให้นาง”
ขันทีจิ้นจงที่ยืนอยู่ด้านข้างก้าวขึ้นหน้ามาในเวลานี้ จากนั้นหยุดลง มองพ่อลูกสองคนในตำหนักด้วยสีหน้าซับซ้อน
เวลานี้พวกเขาไม่เหมือนพ่อลูก แต่เหมือนขุนนางกับจักรพรรดิ
ชายหนุ่มที่ปลดเสื้อผ้าที่หนาลง ไร้ซึ่งผมขาวยังคงมีความน่าเกรงขามของแม่ทัพ
ตอนที่เขาครอบครองกองทัพทั้งสาม แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่อาจสั่งการได้ เมื่อเขาคิดว่าถึงเวลาแห่งการรบ เขายังขอให้ฮ่องเต้เชื่อฟังคำสั่งของเขา
ฮ่องเต้เองก็เหม่อลอยเล็กน้อย เขาประหลาดใจ แต่ก็…ไม่ประหลาดใจ บอกว่าไม่เป็นแม่ทัพจะเป็นบุตร แต่บุตรที่เคยเป็นแม่ทัพจะยอมเป็นบุตรที่เชื่อฟังได้อย่างไร
“ฉู่อวี๋หยง เจ้าพูดผิดแล้ว” ฮ่องเต้พิงอยู่บนบัลลังก์มังกร ตรัสเสียงเรียบ “ไม่ใช่ข้าแต่งตั้งให้นางเป็นองค์หญิงตันจู หากแต่เป็นเจ้ามอบให้นาง”
ฉู่อวี๋หยงถวายบังคม “ไม่มีน้ำพระทัยของฝ่าบาท นางก็ไม่ได้”
“ไม่ต้องพูดดีกับข้า” ฮ่องเต้ยิ้ม “ข้าไม่ได้ใจกว้าง แต่มันแลกมาด้วยความชอบและความลำบากของเจ้า”
ฉู่อวี๋หยงเอ่ย “แต่มันก็เป็นน้ำพระทัยของฝ่าบาท ยอมให้กระหม่อมใช้ความชอบและความลำบากแลกรางวัลให้หญิงสาวผู้หนึ่ง”
ตอบโต้กันไปมา ไม่มีถดถอย ตรงไปตรงมา ไม่ตื่นตระหนก ยิ่งไม่กลัว
ฮ่องเต้มองฉู่อวี๋หยง ยิ้มเยาะเย้ยตนเอง “เจ้ามักหาเรื่องมาพูดได้ นับแต่เล็กจนโตเจ้าเป็นเช่นนี้เสมอ ฉู่อวี๋หยง เจ้าพูดจาไพเราะ แต่ไม่ได้นำทุกสิ่งออกมาแลกกับความใจกว้างของข้า”
เขาลุกขึ้นยืน มองชายหนุ่มที่โน้มตัวตรงหน้าจากที่สูง
“การขอถุงแห่งโชค และมอบถุงแห่งโชคที่เป็นเรื่องง่ายสองเรื่องนี้ เจ้าใช้กำลังคนมากเท่าใดกัน”
ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องธรรมดาสองเรื่อง เกี่ยวข้องกับคนสองคน แต่ความเป็นจริงแล้ว หากจะทำให้สองเรื่องนี้ราบรื่น ไม่อาจใช้คนแค่สองคน
“จับตาดูในวังนอกวัง จับตาดูวัดถิงอวิ๋น จับตาดูข้า จับตาดูองค์รัชทายาท อีกทั้งยังมีพระสนมเสียนกับพระสนมสวี จับตาดูงานเลี้ยง จับตาดูสวนดอกไม้ ไม่อาจขาดไปได้แม้แต่ขั้นตอนเดียว”
สำหรับองค์ชายธรรมดาคนหนึ่ง แม้จะเป็นองค์รัชทายาท หากต้องการทำถึงขั้นนี้ย่อมไม่ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นแค่องค์ชายที่ถูกขังไว้ในจวน ก่อนจะถูกขังไว้ในตำหนักบรรทมของฮ่องเต้
เขาเป็นองค์ชายหรือ เขายังคงเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ในมือถืออำนาจ สามารถกอบกุมเมืองหลวงไว้ในมือ
“ฉู่อวี๋หยง เจ้าเป็นคนบอกว่าจะเป็นองค์ชาย ไม่เป็นขุนนาง ข้าเชื่อเจ้า เจ้าเล่า คิดว่าข้าเป็นอะไร”
บรรยากาศภายในตำหนักชะงัก ขันทีจิ้นจงก้มหน้ากลั้นหายใจ
ฉู่อวี๋หยงมองฮ่องเต้ สายตาไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย ทูล “กระหม่อมไม่ได้ละทิ้งทั้งหมดจริง เพราะว่าเป้าหมายของกระหม่อมยังไม่บรรลุ ย่อมต้องมีหลักประกันที่เพียงพอ”
ฮ่องเต้ขบขันเล็กน้อย “เป้าหมาย? เฉินตันจูหรือ”
ฉู่อวี๋หยงสีหน้าราบเรียบ
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมชอบเฉินตันจู เป้าหมายก็คือรักใคร่ชอบพอกับคุณหนูตันจู”
“แต่กระหม่อมรู้ว่าการรักใคร่ชอบพอกับเฉินตันจูยากเพียงใด คุณหนูตันจูชื่อเสียงเสื่อมเสียในสายตาผู้คน ทุกคนต่างกลัวนาง แต่ทุกคนก็คิดจะทำร้ายนาง ฝ่าบาททรงเห็นหรือไม่ว่าคุณหนูตันจูกังวลเพียงใดกับการเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้”
“ในสวนดอกไม้ เพียงแค่นางในแปลกหน้าคนหนึ่งเรียกขานนาง ก็ทำให้นางตกใจกลัวจนวิ่งหนี นางหลีกเลี่ยงผู้คน หลบซ่อนตัวเอาไว้เพื่อรอคอยงานเลี้ยงจบสิ้น”
“ฝ่าบาทพระราชทานฐานันดรองค์หญิงให้นาง แต่นางกลับใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว ดังนั้นกระหม่อมจึงอยากมอบถุงแห่งโชคให้นาง ให้นางมีศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้คน ให้นางมีบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ ให้นางมีวาสนากับองค์ชายของฝ่าบาท”
“เสด็จพ่อ หากเป็นแค่องค์ชายหก กระหม่อมไม่อาจคลี่คลายสถานการณ์อันยากลำบากให้นางได้ แม้แต่เข้าใกล้นางยังทำไม่ได้ กระหม่อมเคยชินกับการทำสงครามแบบมีแผนการ เฉินตันจูเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของกระหม่อม เมื่อสงครามนี้ยังไม่จบสิ้นลง กระหม่อมไม่อาจละทิ้งทุกอย่าง”
ฉู่อวี๋หยงพูดจบก็ถวายบังคมอีกครั้ง
“กระหม่อมจะยอมละทิ้งทั้งหมดเพื่อให้เสด็จพ่อทรงอนุญาต”
เขาคือบุตรชายของตนเองหรือ? ฮ่องเต้มองชายหนุ่มที่โน้มตัว เขาเลี้ยงบุตรชายอันใดกัน
“ทหาร” ฮ่องเต้ตรัส “นำตัวลงไป”
…
ประตูตำหนักเปิดออก ขันทีจิ้นจงขานเรียกทหารเสียงดัง องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกประตูเดินเข้าไป จากนั้นจับ…จับจริงๆ องครักษ์จับแขนของฉู่อวี๋หยงไว้คนละข้าง เดินออกมา มุ่งหน้าไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
คนด้านนอกตำหนักต่างผงะ เฉินตันจูส่งเสียงทักท้วง ยกเท้าวิ่งไปทางนั้น นางเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ฉู่ซิวหยงเอื้อมมือคว้าเอาไว้ได้เพียงชายเสื้อ หญิงสาวพุ่งตรงไปทางนั้นราวกับสายลม…
“เกิดอันใดขึ้น” เฉินตันจูพลางวิ่งพลางถาม ก่อนจะตะโกนเรียกฉู่อวี๋หยง “องค์ชายหก องค์ชายหก ท่านทำให้ฝ่าบาททรงโกรธหรือ”
แต่เฉินตันจูไม่อาจเข้าใกล้ได้ เหล่าองครักษ์ที่เฝ้าอยู่รั้งนางเอาไว้ ตำหนิ “ต่อหน้าฝ่าบาทอย่าได้โหวกเหวก”
เฉินตันจูทำได้เพียงมองฉู่อวี๋หยงยิ้มให้นาง บอกให้นางไม่ต้องเป็นกังวลอย่างไร้เสียง จากนั้นหายลับไปในมุมพระตำหนัก
เรื่องแบบนี้จะไม่กังวลได้อย่างไร ถึงแม้เรื่องนี้ทำให้นางสับสน แต่นางก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก
ทำอย่างไรดี ไม่อาจให้ฉู่อวี๋หยงรับผิดชอบแล้วนางจะไม่สนใจไม่ถาม เฉินตันจูจับแขนเสื้อแน่น
“ฝ่าบาท” นางตะโกนไปทางตำหนักบรรทมของฮ่องเต้ “เกิดเรื่องใดขึ้นเพคะ ถุงแห่งโชคของหม่อมฉันยังมีผลอยู่หรือไม่เพคะ”