แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 428 ซีม่านเล่นสกปรกเหรอ?

ตอนที่ 428 ซีม่านเล่นสกปรกเหรอ?

ตอนที่ 428 ซีม่านเล่นสกปรกเหรอ?

เมื่อได้ยินว่าแม่หรงจนปัญญาถึงขั้นไล่ตัวเองไปบอกให้ลูกชายถอนคำรับสารภาพเสีย แม่ตู้จึงประเมินว่าครอบครัวของอีกฝ่ายคงไม่มีปัญญาหาเงินห้าพันหยวนมาจ่ายให้ในคราวเดียวจริง ๆ

แต่วันนี้นางจะกลับบ้านด้วยเงินแค่หนึ่งพันหยวนไม่ได้

จึงโพล่งขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นผ่อนสามงวดก็ได้ แต่พวกเธอจะต้องจ่ายเงินงวดแรกให้ฉันสามพันหยวน!”

พ่อหรงและแม่หรงพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้แม่ตู้ยอมเปลี่ยนใจ

แม่ตู้ไม่เพียงไม่ใจอ่อน แต่ยังคิดจะพาบรรดาลูกสาวไปลงไม้ลงมือกับสมาชิกครอบครัวของหวังหรงทั้งสามคนอีกด้วย

พ่อหรงและแม่หรงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับคำขอของนางด้วยสีหน้าโศกเศร้า

ส่วนเงินอีกสองพันหยวนที่เหลือ แม่ตู้ยังคิดจะให้พ่อหรงกับแม่หรงร่างสัญญากู้ยืมขึ้นอีกด้วย จะได้ไม่ต้องกลัวอีกฝ่ายเบี้ยวหนี้ในภายหลัง

พ่อหรงพูดอย่างโกรธเคือง “พวกคุณมารีดไถเรา เรายอมประนีประนอมด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังจะให้เราร่างสัญญากู้ยืมอีก! ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปบอกให้ลูกชายตัวเองถอนคำรับสารภาพเถอะ เราจะได้ไปแจ้งความคุณกับลูกสาวบ้างที่มาขู่กรรโชกทรัพย์ ถึงตอนนั้นพวกคุณได้ติดคุกหัวโตแน่!”

พอเห็นว่าพ่อหรงยืนกรานจะต่อสู้กับตัวเองให้ตายกันไปข้าง แม่ตู้ก็ฉุกคิดถึงเงินชดเชยจำนวนสามพันหยวนที่จะได้รับในวันนี้ จึงไม่คิดสร้างปัญหาให้เกินตัวอีก

นางพยักหน้า “งั้นก็ไม่เป็นไร ขึ้นอยู่กับพวกคุณ ถ้าถึงวันนัดหมายแล้วผิดคำพูดขึ้นมา คอยดูแล้วกันว่าฉันจะสร้างปัญหาให้พวกคุณยังไงบ้าง!”

แม่หรงขอให้แม่ตู้และลูกสาวรอสักครู่

จากนั้นก็ฉุดแขนหวังหรงเข้าไปในห้อง พูดกับหล่อนด้วยความลำบากใจ “แม่ไม่มีเงินเลย พวกนั้นเรียกจากเราตั้งสามพันหยวน… ลูก… ช่วยจ่ายให้แม่ก่อนได้ไหม?”

หวังหรงมองผู้เป็นแม่ด้วยสายตาซับซ้อน

ตอนที่กวนหย่งหัวแวะมาที่บ้านเพื่อขอแต่งงาน แม่หล่อนเป็นคนเก็บเงินของขวัญจำนวนสองพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนเอาไว้ แต่ตอนนี้กลับอ้างว่าไม่มีเงินเสียอย่างนั้น!

หล่อนตอกตะปูบนหัวอีกฝ่ายทันที “เงินของขวัญแต่งงานของฉันแม่ก็เป็นคนเก็บไม่ใช่เหรอ? จะไม่มีเงินได้ยังไงกัน?”

แม่หรงได้ยินคำพูดของลูกสาวก็ถึงกับสะอึก ถึงอย่างนั้นก็ระงับความไม่พอใจเอาไว้ ตอบกลับด้วยความอดทน “ของขวัญก็ส่วนของขวัญสิ แม่ยังต้องเก็บไว้เป็นสินสอดของลูกอยู่นะ”

แม่หรงอ้างไปอย่างนั้น เพื่อไม่ให้ถูกหวังหรงตำหนิ

หล่อนตั้งใจจะเก็บเงินส่วนนั้นไว้ให้ลูกพี่ลูกน้องของหวังหรงต่างหาก

ลูกชายฝ่ายนั้นโดนลูกสาวทำลายชีวิตถึงขนาดนั้น ดังนั้นก็ควรให้บางอย่างเป็นการปลอบขวัญเขา

แต่แม่หรงไม่กล้าบอกหวังหรงไปตรง ๆ เพราะกลัวว่าอาจทำให้หล่อนขุ่นเคืองใจ

ตอนนี้หล่อนกับสามีมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็เพราะพึ่งพาลูกสาว ดังนั้นจึงไม่กล้าขัดใจอะไรมากนัก

ทันใดนั้นสีหน้าของหวังหรงก็อ่อนลง ยอมหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ยื่นเงินค่าบ้านที่ยังไม่ได้ซื้อให้กับแม่หรง

แม่หรงรับเงินสามพันมาจากหวังหรง ก่อนจะส่งมอบให้กับแม่และลูกสาวตระกูลตู้

ทันทีที่แม่ตู้กับลูกสาวจากไป แม่หรงก็หันขวับกลับมาถามทันควัน “หรงหรง ทำไมคุณกวนเขาถึงให้เงินลูกมากมายขนาดนี้?”

แม้กวนหย่งหัวจะดูรักใคร่หวังหรงขนาดนั้น แถมยังชอบซื้อข้าวของราคาแพงและให้เงินไว้ใช้จ่ายอยู่เนือง ๆ แต่เงินสดจำนวนมากแบบนี้ ดูไม่เหมือนของที่จะให้กันง่าย ๆ

หวังหรงไม่สบายใจขึ้นมาทันที ตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก “เงินนั่น… ไม่ใช่ของหนูหรอกค่ะ แต่เป็น… เงินที่พี่กวนให้ไว้ซื้อบ้านต่างหาก”

สีหน้าของพ่อหรงและแม่หรงเปลี่ยนไปทันที

โดยเฉพาะแม่หรง ตอนนี้ใบหน้าหล่อนมืดสนิทด้วยความโกรธ “แกเอาเงินสำหรับซื้อบ้านของเราจ่ายให้นังหมาบ้าแซ่ตู้ง่าย ๆ แบบนั้นได้ยังไง?”

หวังหรงพูดย่างสมเพชตัวเอง “ถ้าฉันไม่เอาเงินค่าบ้านจ่ายไปก่อน แล้วพวกเขาจะยอมกลับไปดี ๆ ไหมล่ะ?”

พ่อหรงคืนสีหน้ากลับมาสู่สภาวะปกติ “ถึงยังไงก็จ่ายให้พวกเขาไปแล้ว จะโกรธไปทำไม? ถึงเงินค่าบ้านจะไม่เหลือแล้ว ให้หรงหรงไปขอคุณกวนใหม่ก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่!”

แม่หรงได้ยินแบบนั้นก็สงบสติอารมณ์ลงมาก

กวนหย่งหัวเต็มใจควักเงินซื้อบ้านให้หล่อนกับสามี ก็เพราะเห็นแก่หน้าตาของลูกสาว

ถ้าพวกเขาตำหนิลูกสาวตัวเอง จนหล่อนเกิดความรำคาญ แล้วย้ายไปอยู่กับกวนหย่งหัวโดยตรง บางทีกวนหย่งหัวอาจจะเปลี่ยนใจไม่ซื้อบ้านให้พวกเขาแล้วก็ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงการขาดทุนครั้งใหญ่

น้ำเสียงหล่อนอ่อนลงจากเดิมมาก “พ่อลูกพูดถูก ถึงเงินจะสูญไป แต่ลูกยังไปขอจากคุณกวนใหม่ได้”

หวังหรงตีหน้าเศร้า “หนูจะไปขอเงินจากพี่กวนได้ยังไงคะ? หนูเล่าความจริงให้เขาฟังไม่ได้ซะหน่อย”

ถ้าหล่อนเล่าให้เขาฟังตามจริง แล้วเขารู้ว่าหล่อนกับตู้กวงฮุยเคยคบหากันมาก่อน เขาจะยังต้องการหล่อนอยู่ไหม?

พ่อหรงกระแอมสองครั้ง “ถ้าลูกไปเจอคุณกวนในวันพรุ่งนี้ ลูกก็แค่บอกเขาว่าถูกโจรขโมยเงินไประหว่างเดินกลับบ้าน เรายังพอโกหกเขาได้ไม่ใช่เหรอ? จากนั้นพอได้เงินก้อนใหม่จากคุณกวนมาแล้ว เราก็ค่อยออกไปซื้อบ้านในอีกสองวันให้หลัง เพื่อไม่ให้เจ้าของบ้านขายบ้านให้คนอื่น”

หวังหรงนิ่งเงียบ

ช่วงนี้กวนหย่งหัวอารมณ์ไม่ค่อยดี หล่อนไม่ควรเอ่ยปากขอเงินเขาในเวลานี้

ถึงอยากได้แค่ไหน ก็ต้องรอจนกว่ากิจการของเขาจะกลับมาฟื้นตัว

เมื่อแม่หรงเห็นว่าหวังหรงไม่ยอมพูดอะไร สีหน้าก็กลับมาบูดบึ้งอย่างน่าเกลียด “ลูกไม่คิดจะขอเงินจากคุณกวนเพื่อเอามาซื้อบ้านให้พ่อแม่ตัวเองหรือไง?”

หวังหรงขมวดคิ้วมุ่น พูดด้วยความกระวนกระวาย “แม่ อย่ากดดันกันไปหน่อยเลย ฉันสัญญาว่าจะซื้อบ้านให้ทันก่อนวันชาติแน่นอน”

หลังจากนั้นพ่อหรงและแม่หรงจึงยอมหุบปาก ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สบายใจอยู่บ้าง

พ่อหรงลูบจมูก พูดอย่างระมัดระวัง “หรงหรง ลูกช่วยคุยกับคุณกวนให้เขารับพ่อเข้าทำงานในโรงงานของเขาหน่อยสิ พ่อไม่หวังตำแหน่งสูงมาก ขอเป็นแค่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการก็พอแล้ว”

พ่อหรงเพิ่งจะอายุสี่สิบเศษ ปัจจุบันมีสถานะว่างงาน ถึงแม้ในอนาคตจะมีลูกเขยคอยเลี้ยงดู แต่เขาก็ไม่อยากโดนใครดูถูกเหยียดหยามหรือถูกมองว่าเป็นคนไร้ประโยชน์

แม่หรงเองก็อยากกลับไปทำงานเหมือนกัน ก่อนหน้านี้หล่อนเคยมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า จึงรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้ชี้นิ้วสั่งผู้ใต้บังคับบัญชารอบ ๆ เท่านั้น

แม่หรงก็หันไปพูดกับหวังหรงด้วยสีหน้าคาดหวัง “หรงหรง พาแม่เข้าไปทำงานที่โรงงานของคุณกวนในฐานะหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการด้วยคนนะ”

หรงหรงตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย “ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะค่ะ ช่วงนี้ธุรกิจโรงงานตัดเสื้อของพี่กวนเริ่มซบเซา เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่!”

พ่อหรงและแม่หรงตกตะลึงพร้อมกัน

แม่หรงอดแปลกใจไม่ได้ “ไม่กี่วันก่อนลูกเพิ่งเล่าให้พวกเราฟังว่ากิจการของคุณกวนเป็นไปด้วยดีไม่ใช่เหรอ แถมยังไล่คู่แข่งอย่างร้าน Unique ของนังหลินม่ายออกจากห้างไปได้แล้วด้วย มาวันนี้ลูกกลับบอกว่ากิจการโรงงานของเขาซบเซาซะอย่างนั้น!”

หวังหรงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “นังสารเลวนั่นเข้าพบเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯ ประจำมณฑล ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ก็เลยไม่กล้าไล่ที่หล่อน นอกจากนี้หล่อนยังจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายเยอะแยะ แถมเสื้อผ้ายังขายถูกกว่าร้านซีม่านของพี่กวน พอยอดขายสู้ร้าน Unique ของนังนั่นไม่ได้ ธุรกิจก็เลยซบเซาลง”

พ่อหรงกับแม่หรงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล้มเลิกความคิดที่จะเข้าทำงานในโรงงานตัดเสื้อซีม่านไปก่อน

แต่แม่หรงกลับวางแผนอย่างลับ ๆ ว่าจะไปที่ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง เพื่อดูว่าเสื้อผ้าแบรนด์ Unique ของหลินม่ายจะขายดีสักแค่ไหนกันเชียว

หลังจากอ่านหนังสือเรียนติดต่อกันนานหลายชั่วโมง หลินม่ายก็เหลือบมองนาฬิกาปลุกขนาดเล็กบนโต๊ะ เห็นว่าเป็นเวลาสี่โมงกว่าแล้ว

เธอลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะยืดเส้นยืดสายเพื่อบิดขี้เกียจ เสียงโทรศัพท์ข้างเตียงก็ดังขึ้น

หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของโรงงานที่ชื่อติงไห่เฟิง ซึ่งเป็นลูกน้องของเฉินเฟิงอีกทีโทรมา

หลินม่ายอดประหลาดใจไม่ได้ เพราะร้อยวันพันปีติงไห่เฟิงไม่เคยโทรหาเธอเลย

หรือว่า…

หลินม่ายถามเสียงขรึม “คนของซีม่านเริ่มเคลื่อนไหวแล้วเหรอ?”

นับตั้งแต่เธอรู้ว่าหวังหรงอาศัยมือของกวนหย่งหัวเพื่อแทงข้างหลัง หลินม่ายก็เริ่มพิจารณาถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น จนถึงระดับที่เลวร้ายที่สุด

หลังจากนั้นเธอก็จัดทีมงานไว้เพื่อรับมือกับการแข่งขันทางธุรกิจโดยเฉพาะ

เธอยกเรื่องความปลอดภัยของโรงงานให้เป็นหน้าที่ของติงไห่เฟิง ผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย

หวังหรงต้องขอความช่วยเหลือจากกวนหย่งหัวเพื่อทำลายกิจการโรงงานของเธอแน่ ไม่แน่ว่าหล่อนอาจเล่นสกปรกถึงขั้นทำลายอุปกรณ์การผลิตซะ โดยลักลอบจุดไฟเผาโกดัง

ถ้าผ้ามูลค่าเรือนแสนในโกดังของเธอถูกเผาจนไม่เหลือชิ้นดี เธอคงต้องหาซื้อผ้าราคาแพงมาผลิตเสื้อผ้าขาย

พอต้นทุนเพิ่ม กำไรก็ถูกบีบอัด ความได้เปรียบทางด้านราคาก็จะหายไป

คราวนี้คงกลายเป็นเรื่องยากแล้วที่ Unique จะกดคู่แข่งอย่างซีม่านลงได้

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงมอบหมายงานให้ติงไห่เฟิงอย่างลับ ๆ ให้คอยจับตามองเป็นพิเศษ เฝ้าระวังความปลอดภัยไว้ให้ดี

ถ้ามีอะไรน่าสงสัยให้รีบโทรมารายงานเธอโดยด่วน

ดังนั้นเมื่อติงไห่เฟิงโทรมา สิ่งแรกที่เธอนึกถึงคือซีม่านเริ่มเล่นสกปรกกับเธอแล้ว

อีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์ ติงไห่เฟิงบอกว่า “เมื่อกี้นี้ สหายน้องชายของผมคนหนึ่งมารายงานให้ผมฟังว่า มีคนแปลกหน้ามาถามว่าผ้าในโรงงานของเราซื้อมาจากที่ไหน”

หลินม่ายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพื่อเสริมความปลอดภัยให้แข็งแกร่งขึ้น ช่วงนี้เราต้องจ้างงานเฉพาะคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น เผื่ออีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อติดสินบนคนวงในให้ก่อวินาศกรรมในโรงงาน โดยเฉพาะจุดไฟเผาโกดัง”

ติงไห่เฟิงตอบรับคำสั่งอย่างเคร่งขรึม

พอต่างฝ่ายต่างวางสาย หลินม่ายก็วางหูโทรศัพท์ลงกับแป้น แล้วลุกขึ้นยืน

ยังไม่ทันจะ ‘หมุนซ้ายสามรอบ หมุนขวาสามรอบ ส่ายก้นไปมา เอียงคอไปมา’ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย คราวนี้ใครโทรมาอีกล่ะ

เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อรับสาย เสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของหนิวลี่ลี่ก็ดังขึ้นจากปลายสาย “ม่ายจื่อ ข่าวดี ข่าวดีมาก ๆ!”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นนังหรงก็ลำบากเหมือนกันนะ พ่อกับแม่มีแต่จะเกาะตัวเองกิน แต่ช่วยไม่ได้มันเป็นผลที่หล่อนทำตัวเอง

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท