หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1154 เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น!

บทที่ 1154 เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น!

เมื่อมองศิษย์พี่เฉินชิงจื่อ หวังเป่าเล่อก็คาดเดาไว้ในใจแล้วว่าปลาตัวใหญ่ที่ศิษย์พี่กล่าวถึงคงจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ หรือไม่ก็…

“เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงแผ่ว

ในพริบตาที่เขาเอ่ยออกมา ด้านนอกจักรวาลสีเทาเวลานี้ เรือรบยังคงพังทลายอย่างต่อเนื่อง ความเสียหายมากกว่าเกือบครึ่ง เกิดความโกลาหลขึ้น ณ ที่แห่งนั้น!

สีหน้าผู้ฝึกตนตระกูลหมื่นสำนักแต่ละคนราวกับเห็นศัตรูตัวฉกาจและเริ่มถอยร่นไปด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังพยายามส่งสารไปยังบรรดาศิษย์ที่เข้ามาในจักรวาลสีเทา

ทว่า…ก็เหมือนเช่นวัวโคลนลุยทะเล ไร้การตอบสนองใดๆ แต่นั่นกลับไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะภายในวงแหวนปราณนั้นตัดขาดการเชื่อมต่อ การเปลี่ยนแปลงของตระกูลไม่รู้สิ้นในตอนนั้นยังทำให้ผู้ฝึกตนตระกูลหมื่นสำนักรู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย

ขณะเดียวกันผู้นำตระกูลไม่รู้สิ้นในครั้งนี้อย่างจักรพรรดิสวรรค์เสวียนหัวก็มีสีหน้าบิดเบี้ยว เมื่อมองลงไปยังจักรวาลสีเทาเบื้องล่าง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นที่หายไปจำนวนมาก และเห็นเรือรบไม่รู้สิ้นที่พังทลาย ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว และทำให้แผนการของเขาหยุดชะงักลง

เดิมทีแผนของเขาคือใช้พลังปราณเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นปะทะกับพลังแห่งวงแหวนปราณ ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการสยบเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดที่ฟื้นคืนชีพอยู่ภายใน

เช่นนั้นแล้วด้วยสภาวะของเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นในตอนนี้จะต้องสยบได้แน่ และถึงแม้จะไม่เห็นผลในทันทีก็สามารถทำให้พลังแห่งวงแหวนปราณอ่อนแอลงได้ ขณะเดียวกันการผสานพลังปราณเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นอยู่ภายในก็ช่วยให้จักรพรรดิเดือนแยกที่กำลังต่อสู้กับเฉินชิงจื่อจนอยู่ในสภาวะวิกฤต

นี่เป็นแผนการแรกของตระกูลไม่รู้สิ้นในครั้งนี้

ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกแผนหนึ่ง นั่นก็คือการ…จับปลา!

ล้อมจับสถานที่แห่งนี้ ล้อมจับเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดที่ฟื้นคืนกลับมา และล้อมจับเฉินชิงจื่อ ทำให้เศษซากที่เหลือของสำนักแห่งความมืดที่ซ่อนตัวอยู่ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นถูกหาพบและดึงดูดเข้ามา

ตระกูลไม่รู้สิ้นเชื่อว่ายิ่งภัยพิบัติในสถานที่แห่งนี้มากเท่าไร ก็จะยิ่งดึงดูดเศษซากที่เหลือของสำนักแห่งความมืดได้มากเท่านั้น!

นอกจากนี้พวกเขายังมีเป้าหมายที่สาม นั่นคือสร้างความเกลียดชังให้สำนักแห่งความมืดอีกครั้ง สาเหตุที่ไม่ขัดขวางผู้ฝึกตนตระกูลหมื่นสำนักที่เข้ามา และยังแจ้งภัยให้รับรู้เป็นเพราะต้องการให้พวกเขาตายอยู่ที่นี่ ยิ่งตายมากเท่าไร ความเกลียดชังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น การฟื้นคืนชีพของสำนักแห่งความมืดก็จะไม่มีทางสำเร็จ

ทว่า…เป้าหมายทั้งสามอย่าง นอกจากเป้าหมายสุดท้ายแล้ว อย่างอื่นล้วนพลิกผัน และการพลิกผันทั้งหมดล้วนเป็นเพราะพลังปราณเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นในวงแหวนปราณหายไปจำนวนมาก

“บ้าจริง ข้างในนั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” เสวียนหัวขมวดคิ้วมุ่น กำลังจะกล่าวบางอย่าง ทว่าในตอนนั้นเอง…ก็ดูเหมือนว่าจะมีเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากส่วนลึกของจักรวาล

การปรากฏของเสียงราวกับกระตุ้นจิตใจให้ผู้ฝึกตนตระกูลหมื่นสำนักทั้งหมดในที่แห่งนี้ ไม่ว่าฐานการฝึกฝนจะอยู่ชั้นใด ดวงวิญญาณเทพล้วนสั่นคลอน

แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์เสวียนหัวก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย เขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวบนเรือรบตระกูลไม่รู้สิ้นที่เหลืออยู่กำลังรวมตัวกัน ดังนั้นเขาจึงรีบตะโกนขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ถอย!”

หลังจากเสวียนหัวเอ่ยปาก เสียงนั่นก็ดังสะท้อนออกมาอีกครั้ง แม้ไม่เต็มใจแต่สุดท้ายก็จากไปช้าๆ อีกทั้งพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวที่รวมตัวอยู่บนเรือรบไม่รู้สิ้นเหล่านั้นก็ค่อยๆ จางหาย

ขณะเดียวกันในจักรวาลสีเทา เฉินชิงจื่อที่เงยหน้าขึ้นพร้อมหวังเป่าเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นในทันที

“ศิษย์น้อง ยังดูดซับอยู่ได้หรือไม่”

“ได้แน่นอน!” หวังเป่าเล่อคลี่ยิ้ม ร่างพลันวาบไปยังเตาหลอมที่เจ็ดอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันก็ยกมือชี้ไปยังเตาที่แปด ทันทีที่ดึงดูดเตาหลอมทั้งสองเข้ามา ลำแสงฝักกระบี่เจ้าชะตาตรงหน้าก็กะพริบ ฉับพลันกฎแตกกระจายในเตาทั้งสองพลันปะทุพุ่งเข้าใส่ฝักกระบี่เจ้าชะตาราวกระแสน้ำเชี่ยว

เพราะกายเนื้ออันแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อ เมื่อได้พลังเสริมจึงดูดซับได้เร็วยิ่งขึ้น กระบวนการทั้งหมดกินเวลาสิบกว่าอึดใจ ในฉับพลันที่พลังปราณอันน่าสยดสยองจากโลกภายนอกกำลังจะสลายไปจนหมดสิ้น กฎแตกกระจายในเตาหลอมที่เจ็ดและแปดก็ว่างเปล่า ไอลีนโนเวล

จากนั้นก็กลายเป็นหลุมดำยักษ์สองหลุมแผ่พลังดูดกลืนมหาศาลออกมาทำให้เส้นไหมสีเขียวเส้นบางรอบด้านส่งเสียงคำรามอีกรอบราวกับถูกบีบจนแห้งเหี่ยว เส้นไหมสีเขียวครามเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นที่เหลืออยู่ในจักรวาลสีเทาแห่งนี้ถูกดึงดูดเข้ามาอีกครั้ง

จำนวนทะลุหลักแสนในชั่วพริบตา และในไม่ช้าก็เป็นสองแสน สามแสน สี่แสน ห้าแสน…จนถึงหนึ่งล้านอีกครั้ง!!

และยังถูกบีบจนแห้งเหี่ยว!

ในพริบตาที่เส้นไหมสีเขียวปรากฏขึ้น ก็พุ่งเข้าหาฝักกระบี่เจ้าชะตาของหวังเป่าเล่อ มันดูดซับอย่างบ้าคลั่ง

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างเฉินชิงจื่อก็ยังเหลือบมองฝักกระบี่เจ้าชะตาของหวังเป่าเล่ออย่างชื่นชม ก่อนจะถอนสายตาและเพ่งมองขึ้นไปด้านบน

ราวกับสายตาของเขาสามารถมองทะลุผ่านจักรวาลไปเห็นโลกภายนอกได้

ขณะที่ฝักกระบี่เจ้าชะตาของหวังเป่าเล่อดูดซับพลังปราณเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นอย่างบ้าคลั่งอยู่นั้น ที่โลกภายนอกพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวซึ่งหายไปแล้วจากคำสั่งของเสวียนหัวพลันปั่นป่วนขึ้นมาใหม่ พร้อมกับแผดเสียงคำรามออกมาจากส่วนลึกของจักรวาล

จากนั้นพลังปราณนี้ก็ปรากฏขึ้นบนเรือรบไม่รู้สิ้นด้านนอกจักรวาลสีเทาอีกครั้ง ภาพนั้นทำให้เสวียนหัวหน้าเปลี่ยนสี เขากำลังจะเอ่ยปาก…ทว่า ตอนนั้นเองภายในจักรวาลสีเทา หวังเป่าเล่อได้โบกมือเรียกเจ้าปลาดำ เจ้าลาน้อยและอู๋น้อยออกมา

ทันทีที่ทั้งสามปรากฏกาย สังเกตเห็นเส้นไหมสีเขียวรอบตัวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที พวกเขาแบ่งออกไปสามทางราวกับกลายเป็นหลุมดำสามหลุมดูดกลืนมันพร้อมกัน!

นั่นทำให้เส้นไหมสีเขียวในที่แห่งนี้หายไปเร็วขึ้นอีก!

ปริมาณนับล้านลดน้อยลงเหลือแปดแสน เจ็ดแสน ห้าแสนอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า…กระทั่งถึงสามแสน ด้านนอกจักรวาลสีเทาพลันเกิดเสียงคำรามสะเทือนฟ้า ไม่ว่าเสวียนหัวจะทำอย่างไรก็ดูไร้ประโยชน์ พลังปราณบนเรือรบไม่รู้สิ้นพลันระเบิดออกมาโดยไม่สนสิ่งใด

อีกทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันยิ่งน่าตกใจขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมเจำต้องถอยร่นออกไปอีกครั้ง ขณะกำลังอกสั่นขวัญแขวน พวกเขาก็เห็น…เรือรบตระกูลไม่รู้สิ้นดูจะมาถึงขีดจำกัดแล้วและไม่อาจทนต่อไปได้อีก ก่อนจะพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที

ขณะที่มันพังทลาย พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวก็รวมตัวกันถึงระดับหนึ่งและก่อตัวขึ้นเป็นเงาลวงตาอยู่เหนือเรือรบตระกูลไม่รู้สิ้นที่พังทลายลง!

นั่นคือด้วงทองยักษ์!

มันเป็นสีทองทั้งตัวซึ่งเดิมทีควรจะศักดิ์สิทธิ์ แต่รูปลักษณ์อันน่าสยดสยองและดวงตาไร้ความรู้สึกนั้นทำให้มันดูดุร้าย โดยเฉพาะกลิ่นคาวเลือดที่แผ่ออกมาจากตัว ราวกับเพิ่งกินเลือดสดเข้าไปนั้นให้ความรู้สึกไม่น่าเฉียดกรายเข้าไปใกล้เลยสักนิดเดียว

รูปร่างหน้าตาของมันคล้ายกับเรือรบของตระกูลไม่รู้สิ้นมาก ราวกับเกิดมาจากที่แห่งเดียวกัน แท้จริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น เรือรบทั้งหมดของตระกูลไม่รู้สิ้นมาจากด้วงทองยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า เพราะมันคือ…เต๋าสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้น!

มันเกิดจากการกลืนกินเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดในตอนนั้น ปัจจุบันได้สยบทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ควบคุมกฎและกฎหมายไร้ที่สิ้นสุด…เต๋าสวรรค์!

สิ่งที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ร่างแท้จริงของมัน แต่เกิดจากการรวมร่างที่แตกสลายออกจากกันขึ้นมาใหม่ ทว่าก็ยังแข็งแกร่งมาก มากจนเพิกเฉยต่อคำสั่งการของเสวียนหัว ด้วงทองยักษ์แผดเสียงกรีดร้องก่อนจะพุ่งไปยังจักรวาลสีเทาและจมหายไปในทันที

เสวียนหัวสีหน้าบิดเบี้ยว ร่างพลันสั่นไหวและก้าวตามเข้าไป

ขณะเดียวกันเฉินชิงจื่อที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ก็เผยแสงเจิดจ้าในดวงตา

“ติดกับแล้ว เป่าเล่อ ตามข้ามา!” เฉินชิงจื่อหัวเราะ แขนเสื้อสะบัดรับหวังเป่าเล่อ ร่างของเขาถอยตรงไปยังใจกลางเตาหลอมอย่างรวดเร็ว

อู๋น้อยกับเจ้าลาน้อยก็รีบตามมาทันที ด้านเจ้าปลาดำนั้นตัวสั่นเทา ดวงตาเผยความตื่นตระหนก ขณะเดียวกันก็ยังมีความใคร่รู้แฝงอยู่ด้วย แต่แล้วในตอนที่กำลังจะหันไปมองกลับถูกเฉินชิงจื่อคว้าตัวพากลับมา

ตอนนั้นเอง เมื่อเฉินชิงจื่อและหวังเป่าเล่อเข้าไปในใจกลางเตาหลอม จุดที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้พลันเกิดเมฆหมอกพลิกไหว แผดเสียงคำรามก้อง!

เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นจุติแล้ว!

…………………………………………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท