“ข้าจะรู้สึกปลอดภัยกว่าถ้ามีอะไรติดตัวไปด้วย” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เคยรู้เลยว่านางจะโกหกเก่งถึงเพียงนี้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจ้องหน้านาง ก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ทันใดนั้นริมฝีปากบางของเขาก็กระตุกขึ้น ”ที่แท้เจ้าก็ต้องการสื่อว่าอยากให้ข้าไปกับเจ้านี่เอง”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : ….
“บังเอิญจริงๆ วันนี้ข้าพอจะมีเวลาพอดี บอกข้ามาสิว่าเจ้าอยากไปไหน” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโน้มตัวลงมา และใช้นิ้วยาวของตนสัมผัสเข้ากับปลอกคอบนลำคอของนางเบาๆ ราวกับว่าถ้าหากนางหาข้ออ้างไม่ได้ เขาจะเปลี่ยนมันเป็นอย่างอื่นที่สามารถล่ามนางเอาไว้ได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยที่ไม่ได้วางแผนว่าจะไปเดินเล่นจำเป็นต้องเลือกสถานที่ในสำนักไท่ไป๋ที่ห่างไกลจากเวยเจ๋อที่สุดเป็นคำตอบ ”เนินเขาด้านหลัง”
“เนินเขาด้านหลังหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขมวดคิ้ว ”ที่นั่นยุงเยอะเกินไป”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”ท่านจะกลัวยุงไปทำไมในเมื่อมีกิเลนอัคคีอยู่กับตัว” อีกอย่าง สิ่งมีชีวิตอ่อนแออย่างยุงพวกนั้นจะกล้าเฉียดเข้ามาใกล้ท่านด้วยหรือ พวกมันคงถูกท่านแช่เป็นน้ำแข็งก่อนจะทันได้ดูดเลือดเสียด้วยซ้ำ
“พวกเราไปเดินเล่นกันแค่สองคน ทำไมข้าถึงต้องพามันไปด้วยหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนางแล้วตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เห็นๆ กันอยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …
จะทำอย่างไรดี นางอับจนวาจา
“ถ้าอย่างนั้นเราไปที่ร้านหนังสือกันดีกว่า ปกติแล้วที่นั่นไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าเขาไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะๆ
คราวนี้องค์ชายไม่ได้แสดงความเห็นอะไร
อากาศในยุคโบราณนั้นสดชื่นทีเดียว โดยเฉพาะตอนกลางคืน ทิวทัศน์ก็จัดว่างดงาม อีกทั้งยังมีสายลมเย็นฉ่ำช่วยให้รู้สึกสบายใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าอาการกระสับกระส่ายในร่างของนางสงบลงอย่างมาก
เสียงแมลงดังแว่วมาจากทั่วทุกทิศ บริเวณพุ่มไม้มีแม้กระทั่งหิ่งห้อยโผบินออกมาให้เห็น
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ความเกียจคร้านฉายชัดอยู่ในดวงตาของนาง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชำเลืองมองนาง แล้วชี้ไปทางหลังคากระเบื้องสีเขียวของร้านหนังสือ ”เจ้าอยากขึ้นไปบนนั้นไหม”
“อยากสิ” เฮ่อเหลียนเวยเวยพยักหน้า แม้นางจะมาอยู่ที่ยุคนี้มานานแล้ว แต่นางก็ไม่เคยขึ้นไปบนหลังคาบ้านสมัยโบราณมาก่อน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยื่นแขนออกไปคว้าตัวนางไว้ แล้วแตะเท้าเล็กน้อย ออกแรงเพียงนิดเดียวเขาก็มาหยุดยืนอยู่บนหลังคาโดยที่มีเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ในอ้อมแขน ”ระวังด้วย มันลื่น”
“มืออาชีพถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะ นางเดินไปสองสามก้าว ก่อนจะนั่งลงตรงชายคา แล้วล้มตัวลงนอน
นางมองท้องฟ้ายามค่ำคืน พร้อมกับตบที่ว่างข้างตัว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านว่า ”มุมนี้เยี่ยมทีเดียว ท่านก็มานอนตรงนี้ด้วยกันสิ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยากจะบอกว่ามันสกปรก แต่เขาก็กลืนคำพูดนั้นกลับลงไปหลังจากได้เห็นรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของนาง
ร่างอันสูงส่งของเขาเอนกายลงนอน ท่าทางของเขาดูราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด
เฮ่อเหลียนเวยเวยจ้องมองเขา แล้วบ่นกับตัวเองในใจว่า บุรุษลักษณะนี้เกิดมาเพื่อบดขยี้หัวใจของสตรีชัดๆ
ราวกับรับรู้ว่านางกำลังมองเขาอยู่ จู่ๆ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่นอนอยู่ก็ใช้แขนข้างหนึ่งยันตัวขึ้น แล้วอวดรอยยิ้มเย่อหยิ่งอันยากจะได้เห็นไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย
“สบายจัง” เฮ่อเหลียนเวยเวยประสานมือไว้ที่ด้านหลังศีรษะระหว่างจ้องมองผืนฟ้ายามค่ำคืน ในยุคปัจจุบันนั้นไม่มีดวงดาวที่สว่างเจิดจ้าเช่นนี้ ”ข้าไม่ได้เห็นดาวหมีใหญ่มานานแล้ว ท่านหาสถานที่ดีๆ อย่างที่นี่เจอได้อย่างไรกัน”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหลับตาทั้งสองข้างลงระหว่างที่ฟังนางพูด แพขนตาสีดำยาวปิดลงและทิ้งเงาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า ”สมัยเด็กข้าปีนขึ้นมาบนหลังคาบ่อยๆ”
“ท่านน่ะหรือจะปีนขึ้นมาบนหลังคา” เรื่องนี้ดูไม่ใช่สิ่งที่องค์ชายจะทำเลยแม้แต่นิดเดียว เขาควรจะอยู่ในวังหลวงอันหรูหรา และง่วนอยู่กับการออกคำสั่งกับคนอื่นมิใช่หรือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตวัดสายตามองใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย เขารู้ได้ในทันทีว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ”ข้าก็เป็นมนุษย์ จำเป็นต้องพักผ่อนเหมือนกัน”
“พักผ่อนบนหลังคานี่น่ะหรือ” นี่มันงานอดิเรกประเภทไหนกัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองใบหน้าด้านข้างของนางอย่างชั่วร้าย ”ข้าชอบขึ้นมายืนบนที่สูงๆ”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : … สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์จริงๆ เกิดมาเพื่อปกครองคนอื่นโดยแท้
“ถ้าอย่างนั้นเวลาที่ท่านพักผ่อน ท่านชอบคิดถึงเรื่องอะไรหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหมุนแหวนยกสีดำที่นิ้วก้อย แล้วเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ”คิดว่าคราวหน้าจะฆ่าใครดี”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : … ท่านแน่ใจนะว่ากำลังพักผ่อนอยู่จริงๆ
“ทำไม เจ้ากลัวหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันใบหน้าดูดีของตนมาหานาง ริมฝีปากบางของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่ในดวงตาอันมืดมิดและลึกล้ำของเขากลับไม่มีอารมณ์ปรากฏให้เห็น
เฮ่อเหลียนเวยเวยบิดขี้เกียจอย่างไม่ใส่ใจ ”ตราบใดที่ท่านไม่ได้คิดที่จะฆ่าข้าละก็นะ แต่ที่ข้าสงสัยก็คือท่านไม่เหนื่อยหรือ ท่านคิดเรื่องฆ่าแกงอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนที่พักผ่อนด้วยหรือ”
“เหนื่อยรึ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มออกมาเล็กน้อยระหว่างใช้นิ้วเล่นกับเส้นผมของเฮ่อเหลียนเวยเวย ผมสีดำราวกับน้ำหมึกของนางพันอยู่รอบนิ้วสีซีดของเขา สร้างความแตกต่างให้เห็นอย่างชัดเจน ขณะที่สองสิ่งนั้นเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน ก็ยิ่งขับเน้นให้เห็นว่านิ้วของเขายิ่งดูซีดเซียว ขณะที่ผมของนางก็ยิ่งดูดำสนิท น้ำเสียงต่ำๆ อันอ่อนโยนดังขึ้นเป็นคำตอบ เสียงนั้นเหมือนกับค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นแต่ก็ยากจะเข้าใจได้ ”ก็ไม่เชิง มันเป็นการละเล่นที่น่าสนใจทีเดียว”
แต่หลังจากผ่านไปนานเข้ามันก็เริ่มน่าเบื่อ
เหยื่อของเขาน่าสนใจกว่าสิ่งนั้นเยอะ
ดังนั้นเขาจะให้นางรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาจะเป็นเช่นใดเวลาที่เขากลายเป็นคนโหดร้ายอย่างที่สุด…
“ทุกอย่างเป็นแค่การละเล่นสำหรับท่านสินะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยส่ายหน้า แล้วหาวออกมาอีกครั้ง
ทั้งสองพูดคุยกันต่อ จากนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ผล็อยหลับไปบนหลังคาโดยไม่รู้ตัว
ท้องฟ้าเพิ่งมีแสงสว่างรางๆ ตอนที่นางตื่น อากาศตอนกลางคืนนั้นทั้งหนาวเย็นและเต็มไปด้วยหมอก ดังนั้นทั้งสองจึงขยับมาอยู่แนบชิดกันเพื่อรักษาความอบอุ่น
อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปนี้เองที่ทำให้นางไม่แน่ใจว่าตัวเองกลับมาถึงห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ นางเดาว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยน่าจะพานางกลับมาที่ห้อง เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าสมองของนางจะเริ่มกลับมาทำงาน จากนั้นนางก็ตระหนักได้ว่านางกำลังจ้องมองเรือนร่างของชายคนนี้อยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้าไปอีกทาง แต่เป็นเพราะความสูงที่แตกต่างกัน ทำให้สายตาของนางหยุดลงที่อกของเขาพอดี
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้สวมเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว นอกจากนั้น… รูปร่างของเขาก็ยังดูดีไร้ที่ติ!
ผิวของเขาทั้งบอบบางและขาวผ่อง อีกทั้งยังเนียนนุ่มไปทั้งตัว เขาดูเหมือนหยกอันล้ำค่า แต่ก็ยังมีทุกอย่างที่ผู้ชายสมควรจะมีในเวลาเดียวกัน…
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวใจแทบจะระเบิดออกมากลางดึก ระหว่างที่มองดูเขา นางก็ตะโกนอยู่ในใจว่า หยุดมอง หยุดมองได้แล้ว!
แต่สายตาของนางก็อยู่เหนือการควบคุม มันเริ่มเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ
ผมสีดำยาวของเขาคลุมอยู่บนเตียงราวกับน้ำตก และพาดผ่านช่วงเอวของเขาไปเล็กน้อย เผยให้เห็นหน้าท้องรูปตัววีที่ทั้งน่ามองและสมบูรณ์แบบ ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าเขาจะมีผ้าห่มคลุมอยู่ แต่ขาเรียวยาวของเขาก็ยังโผล่ออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน…
เฮ่อเหลียนเวยเวยข่มความคิดชั่ววูบที่อยากจะขึ้นไปนั่งบนร่างของเขาเอาไว้ด้วยการหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามที่จะลุกขึ้นจากเตียง
แต่เขาก็ยื่นมือมากดนางกลับลงไปบนเตียงอีกครั้ง เขาก้มลงมองนาง ผมสีดำยาวของเขาให้ความรู้สึกเย็นชุ่มฉ่ำและนุ่มนวลราวกับสายน้ำที่ไหลลงมาบนคอ และช่วยชะล้างจิตใจของนางให้สดชื่น ริมฝีปากเจือด้วยสีจางๆ งดงามราวกับกลีบดอกไม้ยามเช้า สีสันอันหลากหลายในดวงตาของเขานั้นน่ามองยิ่งนัก…
เฮ่อเหลียนเวยเวยหายใจถี่กระชั้นขึ้น นางแทบจะยั้งตัวเองเอาไว้ไม่ไหวในตอนที่ได้เห็นใบหน้าของเขาจากระยะไกล แต่ตอนนี้นางกลับอยู่ใกล้ชิดกับเขาถึงเพียงนี้ นางรู้สึกว่าร่างกายของนางกำลังจะทนไม่ไหว!
หัวใจของนางเต้นระรัว แม้แต่เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของนางก็ร้อนระอุ
ในเวลานั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหมือนกับเจ้าชายปีศาจที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกพร้อมล่อลวงมนุษย์ให้มาติดกับ
อีกอย่าง ทำไมจู่ๆ เขาถึงมาอยู่ใกล้ขนาดนี้ได้ล่ะ
และในวินาทีต่อมา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เข้าใจ…
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง