ฮ่องเต้ที่อยู่ภายในตำหนักได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าที่ดำทะมึนผงะไปเล็กน้อย…
“หญิงผู้นี้!” เขาตบพนักมือด้วยไฟโกรธและทำท่าจะลุกขึ้น
ขันทีจิ้นจงรีบขึ้นหน้าเกลี้ยกล่อม “ฝ่าบาท ช่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูตันจูกำลังแสร้งโง่พ่ะย่ะค่ะ”
หากเรียกนางเข้ามาย่อมต้องสิ้นเปลืองน้ำลาย
ฮ่องเต้พูดเสียงเย็น “ข้าไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองน้ำลายกับนางก็ย่อมได้”
เขาสามารถคาดโทษขับไล่ได้ทันที ไม่ใช่ทำไม่ได้
ขันทีจิ้นจงถอนหายใจ “ผู้ใดให้ฝ่าบาทเป็นจักรพรรดิผู้เที่ยงธรรม เหมือนดั่งที่องค์ชายหกตรัสเอาไว้ องค์ชายหกยอมใช้ความชอบทั้งหมดแลกกับรางวัลของคุณหนูตันจู ฝ่าบาทยอมแลกกับเขา คุณหนูตันจูชื่อเสียงเสื่อมเสีย ดวงตารอบด้านเหมือนดาบ แต่นางมีชีวิตอยู่ได้จนถึงบัดนี้ก็เพราะมีการคุ้มครองจากฝ่าบาท”
เขายื่นชาแก้วหนึ่งมา
“ฝ่าบาททรงระงับความโกรธ การเป็นเป็นจักรพรรดิผู้เที่ยงธรรมย่อมต้องถูกคนรังแกเช่นนี้”
ฮ่องเต้มองขันทีจิ้นจง ไม่ได้รับชาของเขา พูดเสียงเย็น “เรื่องใหญ่เพียงนี้ถูกเจ้าพูดจนกลายเป็นเรื่องขบขัน?…เจ้าก็รู้สึกว่าเขาน่าสงสาร?”
ขันทีจิ้นจงยิ้มขมขื่น “กระหม่อมมิบังอาจสงสารองค์ชายหก กระหม่อมก็ไม่อาจพูดว่าเป็นเรื่องขบขันแต่องค์ชายหกกระทำให้เป็นเรื่องน่าขัน บังอาจปิดบังฝ่าบาท แอบซ่อนกำลังคน สอดแนมราชวัง เพียงเพื่อถุงนำโชคของเขากับคุณหนูตันจู ช่างไม่รู้ว่าองค์ชายหกเสียสติไปแล้วหรือโง่เขลาไปแล้ว”
ตามหลักแล้วการแอบซ่อนกำลังคนย่อมต้องกลัวถูกพบเห็น แต่ฉู่อวี๋หยงกลับมีถุงนำโชคใบหนึ่งก็เปิดเผยทุกอย่างต่อหน้าฮ่องเต้ เขาไม่กลัวหรือไม่สนใจว่าฮ่องเต้จะระแวงเขา
ฮ่องเต้พูดเสียงเย็น “นับแต่รู้จักเฉินตันจู เขาก็กลายเป็นคนบ้าๆ บอๆ แล้ว”
ตอนนั้นวิ่งมาทูลฮ่องเต้ ให้ฮ่องเต้เสด็จเข้าเมืองอู๋แต่เพียงผู้เดียว สยบท่านอ๋องอู๋โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลังคน เวลานั้นฮ่องเต้แทบจะขับไล่เขาออกจากค่าย เขาคิดว่าฮ่องเต้เป็นอะไร! เป็นทหารหน้าม้าหรือ
ความคิดนี้มาจากเฉินตันจู!
“องค์ชายหกเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เด็ก” ขันทีจิ้นจงพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ตอนนั้นเขาจะไปค่ายทหาร เขาใช้กลอุบายมากน้อยเพียงใด ปิดบังฝ่าบาทกี่เดือน เรื่องแบบนี้องค์ชายใดกล้าทำบ้าง มีเพียงเขาต้องการสิ่งใดย่อมต้องได้สิ่งนั้น ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น”
ไม่สนใจสิ่งใด ฮ่องเต้จับพนักมือแน่น “เขากระทำการเหิมเกริมเช่นนี้ วันนี้สามารถไม่สนใจสิ่งใดเพื่อเฉินตันจู วันอื่นย่อมสามารถไม่สนใจเพื่อ…”
เพื่อผู้ใด ฮ่องเต้ไม่ได้พูดอีก ภายในใจของจิ้นจงกระจ่าง เพื่ออำนาจ เพื่อบัลลังก์โอรสแห่งสวรรค์…
องค์ชายมากมายไร้การไร้งาน อีกทั้งฮ่องเต้จงใจข่มเหงกักขัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองค์ชายหกที่ได้รับความสำคัญเสมอมา ช่างทำให้คนเกรงขามเสียเหลือเกิน
เคยครอบครองทหาร เชี่ยวชาญการรบ จะกลายเป็นองค์ชายผู้อ่อนแอหลังจากไม่เป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กแล้วได้อย่างไร
ดูเถิด วันนี้เขาก็เปิดเผยกรงเล็บออกมาเสียแล้ว ดุร้ายเพียงใด ไม่มีชื่อเสียงของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ไม่มีอำนาจจากตราพยัคฆ์ ถูกองครักษ์หลวงเฝ้าอย่างเข้มงวด ถูกกำแพงสูงปิดกั้น แต่ก็ไม่อาจส่งผลกระทบต่อการข่มขู่ท่านมหาราชครู หรือการหลอกล่อคนสนิทของพระสนมเสียน…
เขาเปรียบเสมือนเสือร้ายที่เลี้ยงไว้ในพระราชวัง แต่เติบโตอย่างอิสระในค่ายทหาร
องค์รัชทายาทมีพี่น้องแบบนี้อยู่ข้างกาย สิ่งสำคัญคือองค์รัชทายาทยังไม่รู้ ไร้ซึ่งการป้องกัน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาจะนอนหลับได้อย่างไร!
“ฝ่าบาท” ขันทีจิ้นจงพูดเสียงต่ำ “ก่อนหน้านี้องค์ชายหกบอกว่าจะเป็นองค์ชาย ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิหรือบิดา ฝ่าบาทล้วนไม่อาจซักถามด้วยความสงสัย ในเมื่อเวลานี้องค์ชายหกกระโดดออกมาเอง ทรยศต่อคำมั่นของตนเอง เช่นนั้นไม่ว่าฝ่าบาทจะเป็นจักรพรรดิหรือบิดา ล้วนย่อมต้องลงโทษเขาอย่างเข้มงวดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
อีกทั้งเมื่อผ่านเรื่องนี้ไป เชื่อว่าองค์รัชทายาทจะจับตาดูน้องชายที่กล้าทำเรื่องเหลวไหลนี้ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ดีร้ายเคียงข้างกัน อันที่จริงการเกิดปัญหาย่อมไม่ใช่เรื่องร้ายเสมอไป ฮ่องเต้ยกมือรับชาของขันทีจิ้นจง เขาให้องค์ชายหกอยู่ข้างกาย เดิมทีต้องการกักขัง เพียงแต่ในเมื่อเสือร้ายเปิดเผยกรงเล็บออกมาเอง เขาจะดึงกรงเล็บนั้นออก ขับไล่เนรเทศไปยังดินแดนห่างไกล อย่างนี้ บิดาพี่น้องย่อมปลอดภัย
“เรียกพวกเขาเข้ามาเถิด” ฮ่องเต้ทรงดื่มชา พลันตรัสขึ้น “ยังมีคนรออยู่มากมาย”
ขันทีจิ้นจงตอบรับ
ประตูตำหนักที่ปิดแน่นเปิดออก พระสนมเสียนและคนอื่นต่างหลั่งไหลเข้ามา หลังจากถวายบังคมไม่รอฮ่องเต้เปิดปาก เฉินตันจูก็ถามขึ้นอย่างรีบร้อน “ฝ่าบาท ถึงแม้องค์ชายหกจะกลั่นแกล้งหม่อมฉัน แต่เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยไปได้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเกียรติยศของฝ่าบาทนะเพคะ”
เฉินตันจูเพียงแค่พูดก็ทำให้คนโกรธได้ ไม่มีจุดไหนที่น่าเอ็นดูแม้แต่น้อย ยกเว้นใบหน้าของนาง แต่เมื่อได้ยินนางพูดฮ่องเต้ก็อยากหลับตาลง ใบหน้างดงามก็ไร้ประโยชน์
“เจ้าหุบปาก” ฮ่องเต้ตวาด “ข้าไม่ต้องให้เจ้ากังวล ข้าไม่กลัวเสียเกียรติ”
ภายในใจหัวเราะเย้ยหยัน กลั่นแกล้งอันใดกัน องค์ชายหกทำเรื่องแบบนั้น นางกลับบอกว่าเป็นการกลั่นแกล้ง?
อืม เฉินตันจูมีส่วนร่วมในเรื่องนี้หรือไม่ ทั้งสองคนร่วมมือกัน หรือเป็นความยินยอมของฉู่อวี๋หยงฝ่ายเดียว
สายตาของฮ่องเต้จ้องมองเฉินตันจูอย่างเยือกเย็น เฉินตันจูก้มหน้า พูดอย่างหวาดกลัว “หม่อมฉันมีความผิด” ก่อนจะไม่พูดสิ่งใดอีก
เมื่อเฉินตันจูไม่พูดแล้ว ฮ่องเต้ถึงได้ละความสนใจไปมองคนอื่นในตำหนัก เมื่อเห็นคนอื่นต่างมีสีหน้าวิตกกังวล ทำท่าทางราวกับมีความผิด นอกจากท่านอ๋องหลู…
ท่านอ๋องหลูที่เดิมทีหดหัวอย่างกล้าๆ กลัวๆ กลับเผยยิ้มในเวลานี้
เขาดีใจอันใด
แปลกประหลาด!
บุตรชายโง่เขลาเกินไปทำให้คนโกรธ บุตรชายฉลาดเกินไปก็ทำให้คนโกรธ!
“เสด็จพ่อ” ฉู่ซิวหยงเห็นว่าไม่มีผู้ใดในตำหนักพูด เขาจึงเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้พวกเราต่างรู้ดีว่าเป็นความทะเล้นของน้องหก แต่ที่คุณหนูตันจูพูดก็มีเหตุผล อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาผู้คน หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป อย่างไรงานเลี้ยงครั้งนี้ก็มีความบกพร่องแล้ว”
บุตรชายเหล่านี้ของเขา! ฮ่องเต้หัวเราะเสียงเย็นภายในใจ เขาเหลือบมองเฉินตันจู เห็นเฉินตันจูไม่ได้แสดงอาการเห็นด้วยทันที จากนั้นแสดงความขอบคุณต่อฉู่ซิวหยงอย่างเขินอายเหมือนก่อนหน้านี้ หากแต่ก้มหน้าราวกับยอมรับผิด…เงินสองแสนก้วนไม่เสียเปล่าเสียจริง
เฉินตันจู เจ้าอยากได้ถุงแห่งโชคนั้นจริงหรือ ฮ่องเต้จ้องมองเฉินตันจู
“ซิวหยงพูดมีเหตุผล” เขากล่าว “ถึงแม้ถุงแห่งโชคใบนี้เป็นฝีมือของฉู่อวี๋หยง แต่อย่างไรก็จับมันได้ท่ามกลางสายตาผู้คน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงทำให้งานสมรสของท่านอ๋องทั้งสามกลายเป็นเรื่องขบขัน ดังนั้นถุงแห่งโชคใบนี้ถือว่ามีผล เฉินตันจู เจ้าจับได้พุทธธรรมทั้งห้าใบ แสดงว่าเจ้ามีวาสนากับทั้งห้าคน ในห้าคนนี้…”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงตะโกนประหลาดหนึ่งดังขึ้น จากนั้นมีคนคุกเข่าลง
“เสด็จพ่อ” เสียงตะโกนประหลาดปนเสียงสะอื้นดังขึ้น “กระหม่อมถูกบังคับพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ผงะไป คนอื่นในตำหนักต่างก็มองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความผงะ เขาคือท่านอ๋องหลู
ท่านอ๋องหลูสีหน้าซีดเผือด สายตาหวาดกลัว
เกิดเรื่องใดขึ้น
แต่ก่อนท่านอ๋องหลูแค่โง่เขลา เหตุใดเวลานี้จึงแปลกประหลาด ฮ่องเต้ตวาดด้วยความโกรธ “เจ้าทำอันใด”
ท่านอ๋องหลูพูดอย่างรีบร้อน “เสด็จพ่อ คุณหนูตันจูต้องการแย่งชิงถุงแห่งโชคของกระหม่อม กระหม่อมยืนกรานไม่ยอม กระหม่อมกับคุณหนูตันจูบริสุทธิ์ต่อกันพ่ะย่ะค่ะ!”
คนทั้งตำหนักผงะ แม้แต่ขันทีจิ้นจงยังเบิกตาโต
ฮ่องเต้เอื้อมมือกุมขมับ หลับตาลง เขาทำบาปกรรมอันใดไว้กัน