ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขาจูบต้นคอขาวนวลของนางอย่างรวดเร็วและแผ่วเบาราวกับกำลังลิ้มรสขนมที่หวานที่สุดอยู่ก็ไม่ปาน
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สามารถควบคุมนิ้วของตัวเองได้ นิ้วของนางเริ่มสั่นน้อยๆ จากกระแสความอบอุ่นที่ชวนให้เสียววาบนั้น แต่นางก็รู้ตัวว่าเวลานี้นางไม่ควรที่จะเข้าไปใกล้ชิดกับเขา นางพลิกตัวแล้วลุกขึ้นจากเตียง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้ว แล้วมองเด็กสาวตรงหน้าเขา นางบริสุทธิ์แต่ก็แข็งแกร่ง นางกำลังใช้ดวงตากระจ่างใสของตนจ้องมองมาที่เขา และทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว ความมืดปรากฏขึ้นภายในดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาอยากคุยกับนาง
แต่เขาอยากเห็นนางตัวสั่นมากกว่า
เขาห้ามใจไม่ให้ขยับเข้าไปหานางไม่ได้ เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ และอยากจะกอดนางให้แน่นยิ่งขึ้น…
หึ
คืนนี้คงจะถึงเวลาแล้ว
เขาอยากจะรู้นักว่านางจะทนได้อีกนานเพียงใด
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มออกมาเล็กน้อย บริเวณหางตาและดวงตาที่หรี่เข้าหากันของเขาเผยให้เห็นความปรารถนาอันชั่วร้าย…
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอีกต่อไป ทุกอย่างที่นางต้องการก็คือการไปพบเฮยเจ๋อและพาสาวใช้ที่จะสามารถปกป้องนางจากความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้
“ข้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้เจ้าพร้อมแล้ว” รอยยิ้มของเฮยเจ๋อดูมีเลศนัย ”แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าอยากผ่านคืนนี้ไปด้วยตัวคนเดียว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยส่งเสียงตอบรับครั้งหนึ่ง แล้วเริ่มจัดทุกอย่างที่ตัวเองต้องใช้ลงถุงผ้า
เฮยเจ๋อมองไปที่ด้านหลังของนาง เขาเลิกคิ้วแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย ”ดูเหมือนจะมีใครบางคนไม่เห็นด้วยนะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง
มือข้างหนึ่งคว้าเข้าที่ข้อมือของนาง แล้วกระชากนางไปทางด้านหลังอย่างแรง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ข้างหลังนาง เขาพูดกับเฮยเจ๋อด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ”จากนี้ไปจงอยู่ให้ห่างจากนางซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าเองก็คงรู้ดีว่าข้าจะใช้วิธีการได้จัดการกับเจ้า โดยเฉพาะกับเหมยเขียวม้าไผ่ ของเจ้าด้วย”
เฮยเจ๋อพูดไม่ออก บัดซบ อยู่เฉยๆ ก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วยเสียอย่างนั้น!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพาตัวเฮ่อเหลียนเวยเวยออกไป ก่อนผลักนางเข้าไปในมุมหนึ่ง แล้วใช้แขนของตนค้ำกำแพงเอาไว้ สายตาของเขาดูเคร่งเครียดเล็กน้อย ”ไหนบอกข้ามาสิว่าทำไมเจ้าถึงอยู่กับเฮยเจ๋ออยู่เรื่อย”
“มีธุระกันนิดหน่อย” เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบข้อมือที่เริ่มเจ็บขึ้นมา ”ข้าบอกให้เขาช่วยหาสาวใช้มาให้ข้าสักสองสามคน คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ข้าจำเป็นต้องใช้พวกนาง”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแทบจะเดือดดาลด้วยความอิจฉา เขากัดฟัน ”บนร่างของเจ้ามีร่องรอยของข้าอยู่ แต่เจ้ากลับนำเรื่องการเสพสังวาสไปคุยกับชายอื่นหรือ”
“ข้าก็แค่ขอให้เขาช่วยเท่านั้น” คำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวยฟังดูขาดความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ตาด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร นางกล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร
บางทีเขาอาจจะยังแสดงให้นางเห็นไม่ชัดเจนพอกระมัง
“ดี ดียิ่งนัก”
เขาอยากเห็นว่าสมองโง่เง่าของนางจะเข้าใจเขาได้เมื่อใด
เขาคงใจดีกับนางเกินไปจริงๆ
เขาลืมไปได้อย่างไรว่าคนบางประเภทก็จำเป็นต้องเจ็บตัวก่อน ถึงจะคิดได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเดินหนีไปหลังจากพูดประโยคนั้นจบ
แต่เมื่อถึงเวลามื้อเที่ยง ข้างกายขององค์ชายสามผู้มักจะเสวยมื้อเที่ยงเป็นการส่วนตัวกลับมีเด็กสาวสองคนร่วมโต๊ะด้วย
เด็กสาวทั้งสองรูปร่างหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเป็นอย่างยิ่ง พวกนางอาจจะรู้สึกว่าวันนี้องค์ชายสามค่อนข้างเป็นมิตรทีเดียว เพราะเขายิ้มให้กับทุกคนทันทีที่เดินเข้ามา
ดังนั้นพวกนางจึงอดใจไม่ได้ที่จะพูดคุยกับเขา อย่างไรเสียการคัดเลือกพระสนมก็กำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ตอบพวกนาง แต่เขาก็ไม่ได้ไล่พวกนางไปเช่นกัน
เด็กสาวเหล่านั้นคิดว่ามันเป็นโอกาสของนาง ดวงตาของทั้งสองหวานเชื่อม แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นภาพนี้ตอนที่นางเดินเข้ามา ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่งอยู่ตรงข้ามเด็กสาวทั้งสองราวกับพระจันทร์ที่ถูกล้อมรอบด้วยดวงดาว
นางฝืนข่มกลั้นความอึดอัดใจไว้ภายใน
นางรับตะเกียบไม้ไผ่ที่เฮยเจ๋อส่งมาให้ แล้วคีบข้าวเข้าปาก แต่นางรู้สึกไม่อยากอาหารนัก
แต่นางรู้ว่านางต้องกินข้าว ไม่อย่างนั้นนางจะมีเรี่ยวแรงต้านทานคืนพระจันทร์เต็มดวงได้อย่างไร
เฮยเจ๋อเท้าคาง มือข้างหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ แล้วมองมาตรวัดความเย็นชาของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่ค่อยๆ สูงขึ้นด้วยความสนใจ เขามองตามสายตาของนางไปพบกับองค์ชายสาม จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าแม้องค์ชายสามจะกำลังคบค้าสมาคมกับคนอื่นด้วยท่าทางใจเย็น แต่สายตาของเขาก็จ้องมองมาที่เฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างไม่วางตา…
ริมฝีปากบางของเฮยเจ๋อกระตุกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้ม น่าสนใจ… เรื่องนี้น่าสนใจจริงๆ
แต่เขาก็ไม่อยากปล่อยให้เฮ่อเหลียนเวยเวยสังเกตเห็นอะไรมากนัก วิธีการที่องค์ชายสามใช้นั้นขี้โกงเกินไป
เขาไม่สามารถปล่อยให้เฮ่อเหลียนเวยเวยตกหลุมพรางของอีกฝ่ายเช่นนั้นได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่านางจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์ของตนลง หลังจากจัดการอาหารของตนเสร็จ นางก็หยิบเบ็ดตกปลาที่นางทำเองขึ้น แล้วตรงไปยังเนินเขาที่อยู่ด้านหลัง นางกำลังเตรียมเหยื่อสำหรับล่อปลาในบ่อน้ำอยู่
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยเห็นนาง เขาเดินเข้าไปหานางด้วยขาเล็กๆ ของตน ”พี่สะใภ้สาม ท่านทำอะไรอยู่หรือขอรับ”
“ตกปลาอยู่” เฮ่อเหลียนเวยเวยดึงเบ็ดตกปลาขึ้นมาครั้งหนึ่ง ”แปลกจัง ข้าตกปลามาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ปลาเลยสักตัว”
“พี่สะใภ้สาม ขอข้าลองได้ไหมขอรับ” องค์ชายเจ็ดตัวน้อยมีสีหน้ามั่นใจมาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยส่งเบ็ดตกปลาให้เขา
จากนั้นไม่ถึงหนึ่งวินาที
เขาก็ตกปลาขึ้นมาได้ตัวหนึ่ง มิหนำซ้ำยังเป็นปลาตัวใหญ่และอ้วนพีเสียด้วย!
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองไปที่ปลาตัวนั้นขณะเมฆที่มืดครึ้มเข้าแทนที่สีหน้าเกียจคร้านที่นางเคยมี ปลาตัวเขื่องตัวแล้วตัวเล่าถูกโยนลงในถังที่เดิมเคยว่างเปล่า พวกมันกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขอยู่ในถัง ปากของพวกมันอ้าบ้างหุบบ้างต่อกันราวกับกำลังเยาะเย้ยนาง
หึ มีอะไรน่าภูมิใจนักหนาหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนตัวเข้าไปมองปลาตัวใหญ่ที่กระโดดไปมาในถังใส่ปลาใบนั้น มุมปากของนางกระตุกขึ้นเล็กน้อย ”ปลาอย่างพวกเจ้านี่ช่างใจง่ายนัก เห็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักหน่อยเดียวก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่เสียแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่พวกเจ้าจะกลายเป็นอาหารของคนอื่นเช่นนี้” ระหว่างที่พูด นางก็ตบบ่าเจ้าเจ็ดด้วยสีหน้าจริงจัง ”ไม่เลว เจ้ารู้จักโปรยเสน่ห์ได้ดีทีเดียว”
เจ้าเจ็ด : …
เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบคางเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นนางก็ยิ้มออกมา ”เจ้าเจ็ด ไปเอาระเบิดที่ข้าทำเมื่อวันก่อนมาสักสองลูกสิ”
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงระเบิดก็ดังสนั่นไปทั่ว
เสียงระเบิดอันน่าอึดอัดนั้นดังขึ้นต่อกันสองครั้งที่บริเวณใกล้ๆ กับเนินเขาด้านหลังของสำนักไท่ไป๋ องครักษ์เงาสองสามคนของเฮ่อเหลียนเวยเวยปรากฏตัวขึ้นเพราะเสียงนั้น กลิ่นดินปืนฉุนๆ ลอยเข้าจมูก ขณะที่พวกเขามองไปทางบ่อน้ำ และเห็นภาพปลาจำนวนหนึ่งกระโดดขึ้นจากผิวน้ำเพราะความตกใจอย่างกับว่าพวกมันเพิ่งได้พบเจอกับปีศาจมาหมาดๆ
พระชายามองบ่อน้ำด้วยความพอใจ ขณะที่องค์ชายเจ็ดกำลังมองนางด้วยความเคารพนับถือ!
เหงื่อเย็นๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าผากขององครักษ์เงา พวกเขาคิดโดยพร้อมเพรียงกันว่าดูเหมือนวันนี้พระชายาจะอารมณ์ไม่ดี…
“อารมณ์ไม่ดีหรือ” ไป๋หลี่เจียเจี๋ยเอนตัวพิงพุ่มไม้พลางฟังรายงานจากข้ารับใช้ของเขา ริมฝีปากบางของเขาโค้งขึ้น จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปหาเฮ่อเหลียนเวยเวยที่เพิ่งจัดการกับถังใส่ปลาเสร็จ
แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีคนตามนางมา นางหยุดเดิน แล้วหันกลับไปมองเขา ”ทำไมฝ่าบาทไม่ไปเลือกพระสนม แต่กลับมาเดินตามข้าแทนล่ะ”
“ข้าไม่มีสนม” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยฟังดูเหมือนไม่ใส่ใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”ไม่ได้มีแล้วสองคนหรอกหรือ”
“พวกนางเสนอตัวมาเอง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูคล้ายกับกำลังหัวเราะอยู่ในตอนที่เขาเอ่ยปากพูด ”เห็นทีใครบางคนคงต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้แน่นแล้วกระมัง มิฉะนั้นตำแหน่งของนางอาจจะถูกแย่งไปได้”