ตอนที่ 431 แม่หรงจ้องจับผิด
หลินม่ายมาที่สำนักหนังสือพิมพ์เพื่อร้องทุกข์
เสื้อผ้าแบรนด์ Unique ไม่ได้ลอกเลียนแบบเสื้อผ้าของแบรนด์ซีม่าน แบรนด์ซีม่านต่างหากที่ลอกเลียนแบบเสื้อผ้าแบรนด์ Unique ของเธอ
เธอขอให้ทางหนังสือพิมพ์ออกประกาศชี้แจง ไม่อย่างนั้นจะไปขึ้นศาลเพื่อฟ้องร้องสำนักหนังสือพิมพ์
หนิวลี่ลี่ให้ความร่วมมือกับเธอ พูดพลางผายมือออก “ฉันแค่รายงานเนื้อหาการสัมภาษณ์ตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง เปล่าเขียนข่าวเกินจริง และแทบไม่ได้เขียนความคิดเห็นหรือจุดยืนของตัวเองลงไปเลย แถมฉันยังขยี้แนบท้ายบทความไปว่า นายกวนหย่งหัวเชื่อว่าแบรนด์ Unique ก๊อปปี้แบรนด์ซีม่าน ไม่ใช่สำนักพิมพ์เสียหน่อยที่เชื่อแบบนั้น ถ้าคุณอยากฟ้องร้อง ก็ควรไปฟ้องกวนหย่งหัว อย่าเล่นงานผิดคนเชียว”
หลินม่ายแสร้งทำเป็นเข้าใจ ขอตัวไปศาลเพื่อยื่นฟ้องกวนหย่งหัวในข้อหาหมิ่นประมาท
หนิวลี่ลี่จึงอาสาไปศาลพร้อมกับเธอ
เพราะมีบทความของหนิวลี่ลี่เป็นหลักฐาน ศาลจึงรับคดีของหลินม่ายไว้ทันที
เมื่อออกจากศาล หลินม่ายกับหนิวลี่ลี่ก็แยกทางกัน เธอตรงไปที่โรงงานตัดเสื้อก่อนอื่น
จากนั้นก็ทำการถ่ายเอกสารการยอมรับพิจารณาคดีของศาลไว้หลายพันชุด แล้วไปที่ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง
เธอวางแผนว่าจะแจกจ่ายสำเนาการยอมรับพิจารณาคดีของศาลจำนวน 500 ชุดให้กับพนักงานส่งเสริมการขายของร้านแต่ละสาขา
ทันทีที่เห็นลูกค้าก็ให้แจกเอกสารต่างใบปลิวทันที เพื่อให้ผู้บริโภครู้ความจริงของเรื่องนี้มากที่สุด
ทันทีที่มาถึงห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง เธอก็เห็นสาวสวยคนหนึ่งที่นุ่งน้อยห่มน้อยและแต่งหน้าหนาเตอะ ประดับริบบิ้นที่มีคำว่า ‘ซีม่าน’ ไว้บนไหล่ กำลังโต้เถียงกับพนักงานส่งเสริมการขายจากร้านของเธอ แถมยังมีผู้ชมอีกจำนวนมากยืนมุงดู
สาวสวยคนนั้นแสดงท่าทางก้าวร้าว ชี้หน้าพนักงานส่งเสริมการขายของหลินม่ายจนต้องเป็นฝ่ายถอย
หลินม่ายใช้แรงทั้งหมดตบไปที่นิ้วของหญิงสาวหน้าลอยคนนั้นซึ่งกำลังชี้มาทางพนักงานขายของตัวเอง
จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วตำหนิ “แม่คุณไม่เคยอบรมสั่งสอนหรือไง ว่าการชี้หน้าคนอื่นเป็นการกระทำที่ไม่สุภาพ! หน้าตาก็ออกจะขาวสวย ทำไมถึงได้ทำตัวไร้การศึกษาแบบนี้!”
สาวสวยตะโกนอย่างไม่ยอม “คุณเป็นใคร คิดจะมาสั่งสอนฉัน คิดว่าตัวเองแก่มาจากไหน?”
หลินม่ายพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “ฉันยังไม่แก่หรอกนะ แต่ก็มีคุณสมบัติมากพอที่จะสั่งสอนมารยาทให้คุณ!”
พนักงานส่งเสริมการขายของเธอเชิดคางขึ้น ก่อนจะตอกหน้ากลับไปอย่างเย่อหยิ่ง “คุณหลินเธอเป็นผู้จัดการโรงงานของเรา!”
พอสาวสวยได้ยินแบบนั้น ความโกรธทั้งหมดก็จางลงไปมาก พูดด้วยเสียงกระซิบ “ผู้จัดการโรงงาน Unique ของหล่อนจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว!”
พนักงานขายของหลินม่ายสวนกลับ “จะเก่งหรือไม่เก่ง ยังไงก็ดีกว่าหล่อนแน่ย่ะ!”
หลินม่ายห้ามปรามพนักงานขาย “เอาล่ะ อย่าโต้เถียงกับคนไร้มารยาทแบบนั้นเลย ได้ไม่คุ้มเสียหรอก”
พนักงานส่งเสริมการขายยอมปิดปากเงียบ
หลินม่ายถาม “คุณเถียงกับหล่อนเรื่องอะไรล่ะ?”
พนักงานขายสาวพูดด้วยความเจ็บใจ “หล่อนมาแย่งลูกค้าของฉันน่ะสิคะ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีลูกค้าเข้าหาฉัน หล่อนจะเอาแต่บอกพวกเขาว่าเสื้อผ้าแบรนด์ Unique ของเราลอกเลียนแบบมาจากเสื้อผ้าแบรนด์ซีม่านของพวกเขา และห้ามไม่ให้ลูกค้าไปซื้อของจากร้าน Unique”
พนักงานขายสาวสวยจากฝั่งซีม่านพูดย้ำด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ทุกอย่างที่ฉันพูดเป็นความจริง”
หลินม่ายหยิบเอกสารปึกใหญ่ในมือยื่นให้พนักงานขายของตัวเอง กำชับให้หล่อนช่วยแจกจ่ายให้กับผู้ชมทุกคนในที่นี้
จากนั้นก็หันหน้ากลับไปตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชากับพนักงานขายสาวสวยจากร้านคู่แข่งว่า “ทุกอย่างที่คุณพูดเป็นความจริงงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าคือแบรนด์ซีม่านของคุณลอกเลียนแบบเสื้อผ้าแบรนด์ Unique ของเราต่างหาก! ฉันยื่นฟ้องคุณกวนฐานหมิ่นประมาทต่อศาลแล้ว เอกสารที่พนักงานขายของฉันกำลังจะแจกจ่ายให้กับทุกคนในตอนนี้ก็คือสำเนาการรับฟ้องของศาล คุณกลับไปบอกให้คุณกวนเตรียมขอโทษฉันผ่านทางหนังสือพิมพ์ได้เลย!”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหลายคนถูกพนักงานส่งเสริมการขายของร้านซีม่านโน้มน้าวจนเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าร้าน Unique ลอกเลียนแบบเสื้อผ้าแบรนด์ซีม่าน ทำให้ความนิยมที่มีต่อร้าน Unique ลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งเวลานี้ทุกคนได้ยินคำพูดของหลินม่าย และได้อ่านเอกสารการรับพิจารณาคดีที่เธอนำมาแจก ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าใครเลียนแบบใครกันแน่?
พอเห็นแบบนั้น พนักงานขายจากร้านซีม่านก็ไม่กล้าโพนทะนาว่าร้านเสื้อผ้า Unique ลอกเลียนแบบร้านเสื้อผ้าซีม่านของตัวเองอีก
ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าฟ้องร้องต่อศาล บางทีเจ้านายของหล่อนอาจลอกเลียนแบบเสื้อผ้าแบรนด์ Unique จริง ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นกิจการก่อนก็คือ Unique ไม่ใช่หรือ?
แม้แต่พนักงานส่งเสริมการขายของร้านซีม่านยังคิดแบบนี้ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเองก็คิดแบบนั้นไม่ต่างกัน
เมื่อเห็นว่าสำเนาเอกสารการยอมรับพิจารณาคดีของศาลถูกแจกจ่ายให้ผู้คนทั้งหลายรู้ความจริงโดยทั่วกันแล้ว หลินม่ายก็ตั้งใจว่าจะขอให้เถาจืออวิ๋นช่วยถ่ายเอกสารเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นชุดในภายหลัง แล้วจัดหาคนมาแจกในห้างสรรพสินค้ารายใหญ่
ตอนนี้เธอต้องขึ้นไปบนชั้นสองของห้างเจียงเฉิงเพื่อตรวจสอบยอดขายของร้าน
พอขึ้นมาถึงขั้นสอง ยังไม่ทันเดินไปถึงหน้าร้าน ก็เห็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังโต้เถียงกับพนักงานขายหลายคนในร้านอย่างดุเดือด
ผู้หญิงวัยกลางคนสองสามคนที่ดูเหมือนเป็นเพื่อนของหล่อน รวมถึงลูกค้าหลายคนต่างยืนดูทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันด้วยความสนใจ
หลินม่ายเห็นเข้าก็จำได้ทันทีว่าหญิงวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้าสีฉูดฉาดคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแม่ของหวังหรง
ทันทีที่แม่หรงเห็นหลินม่าย สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนไปทันที ตั้งท่าจะเผ่นแนบออกไปจากที่นี่
หลินม่ายก้าวยาว ๆ เข้าไปประชิดตัวหล่อนในสองก้าวเพื่อขวางหล่อนไว้ “ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนไปไหนสิคะป้า”
แม่หรงแสร้งทำเป็นใจกว้าง “ช่างเถอะ ฉันไม่อยากเถียงกับพวกคุณแล้ว”
พนักงานขายของหลินม่ายโต้กลับ “ไม่อยากเถียงกับพวกเราแล้วเนี่ยนะ? คุณบ้าไปแล้วรึไง ก่อนหน้านี้คุณพยายามสร้างปัญหาให้พวกเราเป็นชั่วโมง ๆ อยู่ดี ๆ ดันมาบอกว่าไม่อยากยุ่งแล้วซะงั้น!”
หลินม่ายพูดกับแม่หรง “ตอนฉันยังไม่มา คุณดูเก่งเหลือเกินนะ แต่พอฉันมาถึง คุณกลับร้อนรนจะไปจากตรงนี้ให้ได้ เห็นฉันแล้วทำไมต้องพยายามหลบหน้าด้วยล่ะ? กลัวอะไรกัน?”
ฝูงชนหลายคนหันไปกระซิบกระซาบกัน
“ฉันว่าป้าคนนี้ดูกินปูนร้อนท้องแปลก ๆ นะ”
“ต้องกลัวอะไรสักอย่างแน่ หรือไม่ก็จงใจมาสร้างปัญหา”
แม่หรงหน้าแดงก่ำจนถึงใบหู เถียงคอเป็นเอ็น “ใครหลบหน้ากัน?”
หลินม่ายเหยียดยิ้ม “ในเมื่อคุณไม่คิดจะหลบหน้า ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งรีบไปสิคะ”
เพื่อน ๆ ของแม่หรงยอมตามมาเพราะอยากดูเรื่องน่าขัน ดังนั้นจึงช่วยกันห้ามหล่อนอีกแรง
เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเป็นกลาง “เธอมาโวยวายอยู่หน้าร้านเขานานแล้ว เปลืองน้ำลายเปลืองพลังงานไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ มาทั้งทีก็อย่าให้เสียเปล่าสิ ขอคำอธิบายด้วยตัวเองไปเลย!”
คนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าหงึกหงัก
เพื่อนสองสามคนเหล่านี้ ต่างก็มีสถานะเป็นเพื่อนบ้านของแม่เฒ่าหวังอีกทีหนึ่ง สนิทสนมกับแม่หรงแค่ในระดับปานกลาง เคยพบปะทักทายกันบางครั้ง
เช้าตรู่วันนี้ พวกหล่อนถูกแม่หรงแวะมาหาถึงบ้านแล้วลากออกไปช้อปปิ้ง ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมาก
จนกระทั่งกลุ่มของพวกหล่อนมาถึงห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง ทุกคนถึงรู้ว่าแม่หรงลากตัวเองมาซื้อของด้วยจุดประสงค์อะไร
หล่อนต้องการให้พวกหล่อนผสมโรงสร้างปัญหาให้กับร้าน Unique
เพื่อนบ้านทุกคนต่างก็อยู่ในวัยสี่สิบถึงห้าสิบกันแล้ว ใครบ้างไม่มีประสบการณ์ทางสังคม ใครบ้างจะยอมถูกหลอกใช้เป็นมือปืน!
ไม่เพียงไม่ช่วยสนับสนุนแม่หรงเท่านั้น พวกหล่อนยังเอาแต่ยืนดูอยู่เฉย ๆ
ในที่สุดทุกคนก็จะได้เห็นแม่หรงหน้าแตกยับเยินแล้ว ดังนั้นจึงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปง่าย ๆ
ผู้ชมหลายคนต่างก็โห่ร้อง ไม่ยอมปล่อยให้แม่หรงสะบัดก้นจากไปเช่นเดียวกัน
แม่หรงขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ จำเป็นต้องอยู่ต่อ
หลินม่ายหันไปถามพนักงานขายของตัวเองว่าแม่หรงมาสร้างปัญหาอะไรให้กับร้าน Unique กันแน่
พนักงานขายคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “ป้าคนนี้บอกว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองซื้อไปจากร้าน Unique มีคุณภาพแย่ไม่สมราคา พวกเราเลยแนะนำว่าถ้าไม่พอใจตัวสินค้าสามารถนำมาเปลี่ยนหรือคืนได้ แค่หล่อนไม่ยอมเชื่อ ก็เลยเอาแต่โวยวายเสียงดังอยู่หน้าร้านนี่แหละค่ะ!”
แม่หรงได้ทีก็เย้ยหยัน “ฉันอยู่มาจนอายุสี่สิบ ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนว่าร้านไหนยอมให้ลูกค้าเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหรือจ่ายเงินซื้อสินค้าคืน!”
ยังไม่ทันที่หลินม่ายจะพูดอะไร ผู้สังเกตการณ์คนหนึ่งก็ตะโกนแทรกขึ้นมา “นั่นเป็นเพราะป้าแก่แต่ตัว สมองไม่ได้แก่ตามยังไงล่ะ นอกจากเสื้อผ้าของร้าน Unique จะไม่มีปัญหาด้านคุณภาพแล้ว ยังมีบริการคืนเงินและเปลี่ยนคืนสินค้า ถ้าป้าไม่ชอบเสื้อแบบที่ตัวเองซื้อไป ตราบใดที่ยังไม่ได้สวมใส่จริงจัง ก็สามารถเอามาเปลี่ยนคืนที่ร้านภายในเจ็ดวันได้”
แม่หรงตอบกลับ “เขาจ้างคุณมาเท่าไหร่ล่ะ ถึงได้แก้ตัวให้อย่างออกหน้าออกตาแบบนี้?”
ลูกค้าคนนั้นโกรธมากจนอยากด่าแม่หรงกลับ
หลินม่ายห้ามปรามเธอไว้ แล้วเจรจากับแม่หรง “ฉันเข้าใจว่าคุณอาจไม่ไว้ใจในบริการของเรา ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอให้เจ้าพนักงานจากสำนักงานพาณิชย์มาที่นี่ แล้วรับคืนสินค้าจากคุณต่อหน้าพวกเขา แบบนี้ดีไหมคะ?”
สีหน้าแม่หรงซีดเผือดลงทันที “ฉันทิ้งเสื้อตัวนั้นไปนานแล้ว จะไปหาจากไหนมาเปลี่ยนคืนกับคุณล่ะ?”
หลินม่ายเยาะเย้ย “ครอบครัวคุณนี่รวยจริงนะ แม้แต่เสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อยังโยนทิ้งได้ลง!”
แม่หรงสวนกลับ “แฟนของลูกสาวฉันเป็นนักธุรกิจชาวฮ่องกง แน่นอนว่าเขารวยมาก เขาให้เงินฉันไว้ใช้จ่ายทีละเยอะ ๆ เป็นเรื่องปกติ จะทิ้งเสื้อผ้าไปสองสามชุดก็ไม่เห็นแปลก!”
หลินม่ายเหยียดยิ้ม “อ๋อ ฉันจำคุณได้แล้ว คุณป้าคนนี้คือว่าที่แม่ยายของเจ้าของโรงงานตัดเสื้อซีม่านนี่เอง มิน่าล่ะคุณถึงได้พยายามจะจับผิดเราอย่างไร้เหตุผล ที่แท้ก็เป็นเพราะคุณออกหน้ายืนหยัดเพื่อลูกเขยในอนาคตของตัวเองนี่เอง ว่าที่ลูกเขยคุณลอกเลียนแบบเสื้อผ้าร้านฉัน แถมยังหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ฉันยื่นฟ้องเขาต่อศาลเรียบร้อยแล้ว คุณจงใจมาฟ้องผิดธุรกิจของฉันโดยเจตนาแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน คงจะเกี่ยวดองเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ได้สินะ”
ไม่เพียงแต่ผู้ชมโดยรอบเท่านั้น แม้กระทั่งเพื่อนบ้านที่แม่หรงลากมาด้วยต่างก็แลบลิ้นเบะปาก มองหล่อนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
แม่หรงไม่กล้าสู้หน้าใครอีก รีบหนีไปจากที่นี่ด้วยความอับอาย
หลินม่ายยื่นฟ้องกวนหย่งหัวต่อศาล หล่อนต้องรีบไปรายงานให้เขารู้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หาเรื่องเข้าบ้านไม่หยุดเลยยัยป้านี่ ที่ยัยหรงมันสร้างเรื่องได้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ก็เป็นเพราะได้เชื้อมาจากป้าสินะ สมเป็นแม่ลูกกันจริงๆ
ไหหม่า(海馬)