บทที่ 414 เทียนตี้นับว่าเป็นการดูหมิ่น คนผู้นี้เป็นถึงท่านเซียน!
ผู้นำตระกูลไป๋เดินมาถึงด้านหน้าร้านของหลี่จิ่วเต้า จากนั้นทั้งร่างก็นิ่งค้างอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง
นี่…นี่เป็นเพียงร้านเล็ก ๆ ของปุถุชนทั่วไปผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ?
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ เมื่อมองไปบนแผ่นป้ายหน้าร้าน เขาตกใจจนพูดไม่ออก หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง
แม้พลังจะถูกผนึก ไร้ซึ่งประสาทสัมผัสจักรพรรดิ
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้นำตระกูลไป๋ เป็นตี้หวงผู้หนึ่ง ย่อมยังคงมีความตระหนักรู้ที่ควรจะมี
คำว่า ‘เต๋า’ บนแผ่นป้ายถูกเขียนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบและเป็นธรรมชาติ แม้เขาจะไม่สามารถสัมผัสเต๋าได้ แต่ก็รับรู้ได้ถึงหลักเต๋าสูงสุดได้!
เพียง ‘เต๋า’ หนึ่งคำ เปี่ยมด้วยหลักเต๋าอันไร้ที่สิ้นสุด เต๋าสามพันวิถีเมื่อมาอยู่เบื้องหน้าล้วนเล็กจ้อยเหมือนเส้นผม
เขาไม่สงสัยเลยว่าหากเขาสามารถนำคำว่า ‘เต๋า’ ไปฝึกฝนได้ ไม่ต้องพูดถึงการก้าวหน้าขึ้นไปหนึ่งขั้นจนเป็นตี้จวินเลย กระทั่งขั้นเทียนตี้เขายังมีความมั่นใจว่าจะต้องสามารถบรรลุได้!
แผ่นป้ายจารึกคำว่า ‘เต๋า’ อันมีค่าเกินประมาณกลับถูกแขวนเอาไว้หน้าร้านเล็ก ๆ ของปุถุชนผู้หนึ่ง…
จะเป็นไปได้อย่างไร!?
ไม่ต้องใช้หัวคิดก็รู้ได้เลยว่าที่แห่งนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
เจ้าของร้านอย่างหลี่จิ่วเต้า มีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นเพียงปุถุชน!
เดี๋ยวก่อน…
แล้วเหตุใดต้นหลิวกับก้อนหินจึงบอกว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาทั่วไปผู้หนึ่ง?
เขาจำได้ว่าเขาเคยถามเรื่องนี้กับต้นหลิวและเจ้าก้อนหินมาแล้ว
ในตอนนั้นต้นหลิวและเจ้าก้อนหินเรียกหลี่จิ่วเต้าด้วยความเคารพว่าคุณชาย ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกใจ คิดว่าหลี่จิ่วเต้าอาจเป็นผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง
แต่ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินกลับปฏิเสธคำพูดของเขา
‘ปุถุชนที่อาศัยอยู่ในเมืองปุถุชน…’
เขาขมวดคิ้วแล้วทบทวนข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้า
“ข้า…ข้าเข้าใจแล้ว!”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับรับรู้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
นี่คือผู้อาวุโสที่เดินทางไปท่องไปในโลกด้วยฐานะปุถุชน!
คำว่า ‘เต๋า’ บนป้ายที่แขวนอยู่หน้าร้าน ผู้คนรอบกายหลี่จิ่วเต้าที่โดดเด่นผิดปกติ ทั้งยังครอบครองสมบัติล้ำค่าอันไม่อาจประเมินได้
อย่างเช่นเซี่ยเหยียน ในมือของนางไม่ได้มีเพียงคันศร แต่ยังมีพลังลึกลับที่คอยปกป้องนางจนสามาถเดินไปทั่วแดนตระกูลไป๋ได้โดยไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวาง
นอกจากนี้ยังมีต้นหลิวและเจ้าก้อนหินที่อยู่ระดับขั้นอย่างน้อยก็ตี้จวินขึ้นไปคอยปกป้องอยู่ด้านนอกเมืองชิงซาน
หลี่จิ่วเต้าจะเป็นปุถุชนธรรมดาได้อย่างไรกัน?
คิดดูแล้ว การที่ต้นหลิวและก้อนหินกล่าวปฏิเสธคำพูดของเขา น่าจะเป็นเพราะทั้งสองไม่กล้าจะเปิดเผยตัวตนของหลี่จิ่วเต้า
“ปรากฏว่าข้าคิดถูก แต่ก็ยังคงคิดผิด!”
ผู้นำตระกูลไป๋พึมพำออกมาหลังจากเห็นภาพเขียนที่แขวน มองเข้าไปเห็นหยกแกะสลักและภาพเขียนที่ถูกแขวนเอาไว้ในร้าน ภายในใจเขาตกตะลึงอย่างสุดขีด!
เทียนตี้!?
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหลี่จิ่วเต้าอาจจะอยู่ในขั้นเทียนตี้
แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้ว่าตนเองคิดผิด การคาดการณ์ว่าเป็นขั้นเทียนตี้นับเป็นการดูหมิ่นหลี่จิ่วเต้า!
สวรรค์ ภาพวาดและตัวอักษรต่าง ๆ ภายในร้านล้วนแต่เปี่ยมด้วยเต๋าสูงสุดอย่างไม่อาจจินตนาการถึง เป็นเต๋าสูงสุดที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ห่างไกลเกินความรู้ความเข้าใจของเขา!
ตระกูลของพวกเขาเคยมีเทียนตี้ ย่อมมีหลักเต๋าของเทียนตี้สืบทอดต่อมา
แต่ต่อหน้าภาพวาดเหล่านี้ หลักเต๋าของเทียนตี้กลับดูอ่อนแอจนไม่อาจเปรียบเทียบได้แม้แต่น้อย!
เทียนตี้ที่ไหนกัน นี่มันท่านเซียนชัด ๆ!
“เซียน!”
ทั้งร่างของเขาสะท้าน ริมฝีปากสั่นเทา เขาไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าบนโลกแห่งนี้จะมีเซียนอยู่!
เขาตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
มีท่านเซียนดำรงอยู่ หายนะที่จะเกิดขึ้นยังจะนับว่าเป็นหายนะอีกได้หรือ?
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจะนับเป็นภัยคุกคามได้อีกหรือ?
เขาไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นได้ เดิมทีเขายังเศร้าโศกที่ไร้หนทางหยุดยั้งต้านทานการรุกรานของสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน
แต่ตอนนี้เมื่อล่วงรู้ว่ามีท่านเซียนดำรงอยู่บนโลกใบนี้ เขาก็ไร้ซึ่งความเศร้าโศกกังวลใจอีกต่อไป
ไม่มีสิ่งใดยอดเยี่ยมไปกว่าเซียน!
ไม่ต้องพูดถึงอาณาจักรตอนกลางอย่างอาณาจักรเทียนหยวน กระทั่งอาณาจักรเก้าตอนบนก็เป็นได้เพียงเศษธุลีเบื้องหน้าเซียนที่สามารถดลบรรดาลทุกสิ่งได้ในหนึ่งความคิด
ทว่าเพียงไม่นานก็เหมือนมีแอ่งน้ำเย็นราดใส่หัวใจของเขาทำให้ความตื่นเต้นมอดดับลงไปหมดสิ้น
ถึงท่านเซียนจะอยู่ในดินแดนแห่งนี้ แต่อะไรจะมายืนยันว่าท่านเซียนจะยืนมือช่วยเหลือพวกเขา?
สำหรับตัวตนเช่นเซียนแล้ว การล่มสลายของดินแดนแห่งหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
“ไม่ได้ ข้าจะต้องขอร้องให้ท่านเซียนลงมือช่วยเหลือโลกใบนี้เอาไว้!”
เขาหมายมาดวางแผนของร้องให้ท่านเซียนออกโรงช่วยเหลือเอาไว้ในใจ ก่อนจะยกเท้าขวาเตรียมก้าวเข้าไปในร้าน
ทว่าพริบตาต่อมา เขาก็คล้ายจะพึ่งรู้สึกตัว วางเท้าที่ยกขึ้นกลับที่เดิม
ต่อหน้าท่านเซียนแล้ว เขานับเป็นสิ่งใดได้?
เขาไปขอร้องท่านเซียนแล้วท่านเซียนจะตอบรับหรือ?
ตัวตนสูงส่งเช่นท่านเซียน จะถูกคนอย่างเขาเปลี่ยนความคิดได้อย่างไร?
ถ้าหากเขาไปขอร้องท่านเซียนทั้งเช่นนี้ มีโอกาสอย่างมากที่จะทำให้ท่านเซียนเกิดความรู้สึกไม่พอใจ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องท่านเซียนจะช่วยปกป้องอาณาจักรแห่งนี้ เกรงว่าท่านเซียนจะลงมือทำลายอาณาจักรแห่งนี้ทิ้งทันที!
“ใจเย็น สงบนิ่งเข้าไว้ หากท่านเซียนต้องการจะลงมือ ข้าไม่จำเป็นต้องร้องขอ ท่านเซียนก็จะลงมือ แต่ถ้าท่านเซียนไม่เต็มใจ ต่อให้ข้าตายไปต่อหน้า ท่านเซียนก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ”
เขากล่าวให้ตนเองสงบลง ไม่กระทำการผลีผลาม
ในตอนนั้นเองที่เขาหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ ภายในใจเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ยังดีที่เขาตื่นตัวทัน แล้วไม่ทำเรื่องผลีผลาม ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่อยากจะคาดคิดถึงผลที่ตามมา!
เขาเกือบจะทำอะไรลงไป เขาถึงกับต้องการจะชี้แนะว่าท่านเซียนควรลงมือทำสิ่งใด!
สิ่งที่เขาเกือบจะลงมือทำนับว่าอันตรายเกินไปแล้ว!
“ตอนนี้ท่านเซียนเป็นเพียงปุถุชน จำเอาไว้ให้ดี ต้องไม่ทำให้ท่านเซียนขุ่นเคือง!”
ในใจเขาพร่ำบอกให้ตนเองใจเย็นลง
หลังจากนั้นพักหนึ่งเขาจึงสงบลงอย่างสมบูรณ์
เขาเคาะประตูหน้าร้าน ก่อนเอ่ยถาม “คุณชายหลี่อยู่หรือไม่?”
“มาแล้ว มาแล้ว”
ด้านในลานเล็ก หลี่จิ่วเต้าที่กำลังสนทนากับเซี่ยเหยียน หลิงอิน และเสี่ยวหยาเดินไปด้านหน้าร้านค้าหลังจากได้ยินเสียง
นี่คือท่านเซียนหรือ?
ตอนที่ผู้นำตระกูลไป๋มู่เห็นหลี่จิ่วเต้า เขาก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษอันใด ราวกับท่านเซียนเป็นเพียงปุถุชนผู้หนึ่งจริง ๆ
“สวัสดีคุณชายหลี่”
เขารีบเอ่ยทักทายท่านเซียน
“สวัสดี”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้ารับคำทักทาย “มาชมภาพวาดและอักษรใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็เชิญตามสะดวก ชอบสิ่งใดก็เลือกได้เลย ราคาสามารถต่อรองกันได้”
เขาไม่รู้จักผู้นำตระกูลไป๋จึงคิดว่าอีกฝ่ายมาที่ร้านเพื่อซื้อของ
ชอบสิ่งใดก็เลือกได้เลย…
ข้าชอบพวกมันทั้งหมด!
แต่สิ่งที่สำคัญคือเขาไม่สามารถซื้อมาได้จริง!
ราคาไม่ว่าจะต่อรองได้แค่ไหนเขาก็ไม่สามารถซื้อได้!
ผู้นำตระกูลไป๋ร่ำไห้ภายในใจ
มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่เขาต้องการจะบอกว่าตัวเองมายังที่แห่งนี้เพื่อซื้อภาพเขียน เชิญคุณชายเสนอราคามา
แต่สุดท้ายเขาก็สามารถรั่งตัวเองเอาไว้ไม่ให้พูดอะไรออกมาได้
เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดคิดว่าท่านเซียนต้องการจะขายภาพเขียนให้กับเขา
จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร!
“คุณชาย ข้าไม่ได้มาเพื่อซื้อภาพเขียน แต่ข้ามาเพื่อตามหาเซี่ยเหยียน ได้ยินมาว่าคุณชายกับเซี่ยเหยียนมีไมตรีอันดีต่อกันจึงลองมาตามหา ไม่ทราบว่าแม่นางได้อยู่กับคุณชายหรือไม่?”
ผู้นำตระกูลไป๋กล่าว
ต่อหน้าท่านเซียนเขาไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่บอกจุดประสงค์การมาของเขาโดนตรง
เดิมทีแล้วหลังจากล่วงรู้ถึงตัวตนของท่านเซียน เขาก็ไม่กล้าเข้ามา เนื่องจากเกรงว่าจะมารบกวนท่านเซียน
หากแต่เมื่อลองขบคิดอีกหนก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือนี่จะไม่ใช่การรบกวนท่านเซียน?
เป็นได้หรือเปล่าที่ท่านเซียนต้องการจะพบเขา?
ไม่อย่างนั้นต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะปล่อยให้เขาเข้าเมืองมาด้วยเหตุใด?
ด้วยความคิดเช่นนี้ ทำให้เขาเคาะประตูร้านท่านเซียนในท้ายที่สุด
“มาหาข้าอย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยเหยียนที่อยู่ด้านในลานเล็กได้ยินสิ่งที่ผู้นำตระกูลไป๋มู่พูด
ไม่ใช่เพียงแค่นางเท่านั้นที่ได้ยิน หลิงอินและเสี่ยวหยาก็ได้ยินด้วย
ขอบเขตของพวกนางไม่ต่ำ แม้จะอยู่ห่างออกมาจากตัวร้าน พวกนางก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
คนผู้นี้คือใครกัน?
แล้วตามหาที่แห่งนี้พบได้อย่างไร?
เซี่ยเหยียนไม่กล้ารีรอ รีบเดินออกไปดูทันทีว่าเป็นผู้ใด