การจะเอาชนะใจใครสักคนนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเอาชนะกระเพาะของพวกเขาเสียก่อน!
เรื่องนี้เป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!
ดังนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงตัดสินใจให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้ลองชิมเนื้อย่างที่นางทำใต้แสงไฟสวยๆ และบรรยากาศดีๆ
ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าข้ารับใช้ของเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นล้วนแต่มีความสามารถเป็นอย่างมาก พวกเขาจัดการจองห้องส่วนตัวราคาแพงที่สุดในย่านการค้าให้เฮ่อเหลียนเวยเวยได้สำเร็จภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป
นอกจากนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยังบอกให้คนเป่าขลุ่ยเพื่อสร้างบรรยากาศอันมีชีวิตชีวาให้ทั้งสองอีกด้วย แม้นางจะไม่เคยคบกับใครมาก่อน แต่นางก็รู้ว่าเสียงดนตรีเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเอาใจชายหนุ่ม
แต่ดูเหมือนว่าไม้นี้จะใช้ไม่ได้ผลกับองค์ชายสาม ”นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการแสดงให้ข้าเห็นหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี่ยเลิกคิ้วอันงดงามของตนขึ้น เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สนใจ
ทันทีที่เห็นภาพนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็คิดที่จะเพิ่มระดับความยากขึ้น
ดังนั้นนางจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย และตัดสินใจว่าจะเพิ่มความพยายามขึ้นอีก!
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับยื่นมือออกไปบังคับให้นางนั่งลงบนตักของเขา จากนั้นเขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า ”ข้าได้ยินว่าเจ้าเรียกเจ้าเจ็ดไปหาเพื่อถามว่าข้าชอบอะไรอย่างนั้นหรือ”
“ใช่” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มยิงฟันให้เขาเห็นเล็กน้อย ”ข้าจะได้จู่โจมท่านได้ง่ายๆ ไง”
รอยยิ้มชาญฉลาดนั้นเป็นรอยยิ้มที่น่ามองอย่างที่สุด มันทั้งดูผ่อนคลายและสดชื่นยิ่งนัก
ไม่แปลกใจเลยที่มีแต่คนมาตกหลุมรักนางคนแล้วคนเล่า
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยลุ่มลึก นิ้วของเขาเคลื่อนหายเข้าไปใต้ชุดของนาง จากนั้นเขาก็ขยับเข้าไปใกล้ๆ นางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับเอ่ยว่า ”ข้าได้ยินว่าเจ้าถึงกับต้องอ่านหนังสือเลยทีเดียว”
“หนังสือหรือ หนังสืออะไร” เฮ่อเหลียนเวยเวยเสียงสั่น แต่นางก็ยังควบคุมสติเอาไว้ได้ นางจะให้องค์ชายเห็นชื่อหนังสือเล่มนั้นไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นละก็…
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็กระตุกมุมปากขึ้นอย่างชั่วร้าย นิ้วเรียวของเขาปลดเสื้อตัวนอกของนางออกอย่างเชี่ยวชาญ จากนั้นเขาก็หยิบหนังสือที่นางซ่อนไว้ในเสื้อออกมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยรีบเอามือบังชื่อหนังสือเล่มนั้นไว้โดยสัญชาตญาณ ดวงตาดอกท้อของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ”อันที่จริงข้าก็เพียงแค่อยากรู้จักท่านให้มากขึ้น ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้แม้แต่นิดเดียว”
“จริงหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยลากเสียงยานคาง กลิ่นอายอันตรายเผยออกมาจากตัวเขา แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับยังอบอุ่นราวกับหยก ”เจ้าคิดว่า… ข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าหรือ”
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระจ่างใส ”ข้าเอาหนังสือให้ท่านดูก็ได้ แต่ท่านต้องสัญญาอะไรกับข้าก่อน”
“บอกมาสิ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแสยะยิ้ม
เฮ่อเหลียนเวยเวยหาวอย่างเกียจคร้าน แล้วเอนตัวเข้ากับอ้อมแขนของเขา ”อย่าโกรธนะ”
เมื่อไม่มีมือของนางปิดบัง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงมองเห็นตัวอักษรตัวใหญ่ที่อยู่บนหน้าปกหนังสือเล่มนั้นได้อย่างชัดเจน ”ร้อยแปดวิธีเอาใจ ’ภรรยา’ หรือ”
เอาใจ ’ภรรยา’ รึ
หึ…
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแค่นหัวเราะ
ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะนั้น หนังศีรษะของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ถึงกับชาวาบ นางขยับตัวและพยายามจะลุกขึ้น
“ทำไมหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออกแรงเล็กน้อย แล้วคว้าเอวของนางไว้อย่างว่องไว น้ำเสียงที่ทำให้ร่างกายของคนฟังรุ่มร้อนของเขาดังก้องในหูของนาง ”เจ้าไม่อยากเอาใจภรรยาตัวเองหรือ”
“ข้า…” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดไม่จบประโยคเพราะถูกขัดจังหวะด้วยการเคลื่อนไหวของเขา นิ้วของเขาเสียดสีไปกับจุดอ่อนไหวของนาง ความรู้สึกนั้นรุนแรงจนกระทั่งร่างทั้งร่างของนางอ่อนยวบ
นางสัมผัสได้ถึงความร้อนที่อยู่ด้านหลังได้อย่างชัดเจนแม้จะมีเสื้อผ้าขวางเอาไว้ ความร้อนนั้นไม่ได้บรรเทาลงเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง นิ้วเรียวของเขาโอบรอบนางจากด้านหลัง ขณะที่ลมหายใจเย็นเยือกของเขารินรดลงที่หลังใบหูของนาง ”ไหนดูสิว่าหนังสือเล่มนี้บอกว่าอย่างไร”
เขาเอ่ยพลางพลิกหน้าหนังสือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวสั่นเมื่อส่วนนั้นของเขาเสียดสีกับนาง นางอยากให้สถานการณ์นี้จบลงเสียที แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะปล่อยมือจากนาง ริมฝีปากบางของเขาสัมผัสเข้ากับจุดที่อ่อนไหวที่สุดของนาง ”อ่านให้ข้าฟังสิ ข้าจะได้รู้ว่าเจ้าจะเอาใจภรรยาตัวเองอย่างไร…”
“เอ่อ…” เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกไม่ถึงว่าเขาจะกัดเข้าที่เอวของนาง ริมฝีปากบางของนางสั่นอย่างไม่อาจห้ามได้ จากนั้นเสียงครางเบาหวิวก็หลุดออกมาจากริมฝีปากของนาง
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจมลึกขึ้นทันทีที่เขาได้ยินเสียงนั้น เขาเพิ่มแรงที่มือขึ้นอีก นิ้วของเขายึดรอบเอวของนางแน่น เขาเสียดสีส่วนนั้นกับร่างกายนางผ่านกางเกง ลมหายใจร้อนแรงแทบจะระเบิดออกมา…
เฮ่อเหลียนเวยเวยมีสีหน้าตกใจกับการเคลื่อนไหวของเขา ดวงตาราวกับตาแมวของนางเบิกกว้าง
ทันใดนั้นเขาก็อุ้มนางขึ้นแล้วกดนางนอนราบไปกับโต๊ะไม้ ก่อนจะหัวเราะเจ้าเล่ห์ ”หนังสือเล่มนั้นไม่ได้บอกหรือว่าการเอาใจคนอื่นนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการใช้ร่างกายของตน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตื่นตระหนกเมื่อนางตระหนักถึงสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ได้ ”ไม่ ไม่ใช่ที่นี่” ต่อให้พวกนางจะเป็นเจ้าของชั้นนี้ทั้งชั้น แต่นางก็ยังสามารถได้ยินเสียงที่ดังมาจากชั้นหนึ่งได้อยู่ดี
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก” ในเวลานี้ เขาย่อมไม่มีทางเชื่อฟังคำพูดของนางอย่างแน่นอน แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะหยอกนางว่า ”ใครจะกล้าห้ามไม่ให้พระชายาสามเอาใจ ’ภรรยา’ ของตนหรือ”
ขณะที่กล่าวเช่นนั้น เขาก็โน้มตัวลงไปหานาง แล้วใช้ปากของตนปลดเสื้อบริเวณหน้าอกของนางออก ขายาวข้างหนึ่งของนางอยู่ในมือซ้ายของเขา แรงกระแทกของเขายังคงดุร้ายและรุนแรงเหมือนอย่างเคย
เสื้อตัวนอกของนางเลื่อนหลุดจากกัน มันเลื่อนจากไหล่ของเฮ่อเหลียนเวยเวยลงไปอยู่ที่เอวของนาง เผยให้เห็นช่วงเอวอันงดงาม นางบิดตัวด้วยความเสียวซ่าน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกดนางลงกับโต๊ะ ปากของเขาแห้งผาก ริมฝีปากบางของเขาไล้ลงมาตามลำคอของนาง จากนั้นปลายลิ้นของเขาก็เข้าครอบครองยอดอกของนางเอาไว้ แล้วกัดมันเบาๆ
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ ขนตาสีดำของนางสั่นไหวราวกับผีเสื้อปีกหัก
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับเข้าไปมองนาง จากนั้นเขาก็ประทับจูบลงที่หางตาข้างหนึ่งของนาง เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า ”ลืมตา”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ทำตามที่บอก นางก้มศีรษะลง ส่งผลให้ทั่วใบหน้านั้นถูกผมยาวของนางบดบัง
แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้นางหนีไปได้ ขาเรียวของเขาคั่นอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของนาง จากนั้นเขาก็ใช้นิ้วคว้าคางของนางไว้ แล้วจูบนางอย่างรุนแรง!
ทันทีที่การกระทำนั้นเริ่มต้นขึ้น มันย่อมไม่มีทางหยุดลง
โดยเฉพาะกับการกระทำเช่นนี้…
“แน่นจริงๆ…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยครางอย่างพอใจ เขาจับนางเอาไว้แน่น แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะจูบใบหูของนางไปพร้อมกัน ”แทนที่จะทุ่มเทความพยายามไปกับเรื่องนั้น สู้เจ้ามาร่วมรักกับข้าเสียดีกว่า!”
สิ่งที่ตามมาหลังจากเสียงต่ำๆ ของเขานั้นคือการกระแทกเข้ามาลึกล้ำ เฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกับหมดแรง นางแทบจะทนรับความเสียวซ่านเช่นนี้ไม่ไหว
ความอึดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นราวกับพายุที่ก่อตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เฮ่อเหลียนเวยเวยทำได้เพียงแค่ใช้นิ้วของตนคว้าเสื้อของเขาเอาไว้แน่น ความรู้สึกทรมานนั้นกำลังถาโถมเข้ามาหานาง
ระหว่างกิจกรรมนั้น นิ้วของนางถูกแนบจนติดกับโต๊ะ นิ้วของนางกับเขาประสานเข้าหากัน
สีหน้าของเขาติดจะโหดเหี้ยม แต่ก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลราวกับลูกไฟที่ทำให้ร่างกายร้อนรุ่มและทำให้ศีรษะรู้สึกวิงเวียน
แต่มันไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น
เขาหัวเราะข้างหูของนาง พร้อมกับลมหายใจร้อนๆ ”ที่นี่เก็บเสียงได้ไม่ดีนัก เจ้าเบาเสียงลงหน่อยจะดีกว่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ดีว่าผนังของที่นี่แย่เพียงใด เพราะนางยังสามารถได้ยินเสียงจากชั้นล่างดังเข้ามาในห้องของพวกนางได้ ดังนั้นนางจึงอ้าปากขึ้น แล้วกัดลงบนมือข้างซ้ายของตน ปลายหางตาของนางแดงระเรื่อจากอารมณ์ที่เกิดขึ้น และความจริงที่ว่านางไม่อาจส่งเสียงใดออกมาได้นั่นเอง…