ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมีความสุขยิ่งนัก
เขากระชับร่างของนางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านมานานเพียงใด
จากนั้นเขาก็สัมผัสแผ่นหลังของนางด้วยความอ่อนโยนอย่างคาดไม่ถึง
เฮ่อเหลียนเวยเวยแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง นางไม่รู้ว่าทำไมแผนการเอาใจภรรยาของตัวเองถึงจบลงด้วยการที่นางต้องหมดแรงจนตัวอ่อนยวบเช่นนี้ แต่ใบหน้าด้านข้างของเขากลับดูไม่สะทกสะท้าน เขาค่อยๆ จัดแขนเสื้อให้เข้าที่ บนเสื้อของเขานั้นไม่มีรอยยับเลยแม้แต่นิดเดียว
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าวันนี้ทุกอย่างช่างไม่ได้ดั่งใจนางเอาเสียเลย
ขณะเดียวกันนั้น ทั่วทั้งสำนักกำลังถกเถียงกันเรื่องการส่งดอกไม้ และการจองร้านทั้งร้านเอาไว้เป็นของตัวเองที่นางทำ
เฮยเจ๋อทนไม่ไหวอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเรียกนางออกมาถามเรื่องนี้ ”เจ้าคิดอะไรอยู่”
“หมายความว่าอย่างไร” เฮ่อเหลียนเวยเวยหาว
เฮยเจ๋อเลิกคิ้วแล้วตอบว่า ”ก็หมายถึงสิ่งที่เจ้าทำน่ะสิ ข้าคิดว่าเจ้าเกลียดวังหลวงและอยากไปจากที่นั่นเสียอีก ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกหรือ”
“อ๋อ ถ้าหมายถึงเรื่องนั้นละก็” เฮ่อเหลียนเวยเวยดึงนิ้วเรียวของตนกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ”ข้าลองมาคิดๆ ดูแล้ว ต่อให้ข้าจะเกลียดวังหลวง แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องออกไปจากที่นั่น ข้าเพียงแต่ต้องลองเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ข้าอยู่ก็พอ”
เฮยเจ๋อ : …เจ้าอย่าด่วนสรุปเวลาตัดสินใจอะไรเช่นนี้ได้หรือเปล่า!
“โอ๊ะ จริงสิ” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นประกาย ”เจ้าช่วยหาประวัติของคนที่เข้าร่วมการคัดเลือกพระสนมทั้งหมดมาให้ข้าทีสิ”
“เจ้าตั้งใจจะทำอะไร” เฮยเจ๋อขมวดคิ้วด้วยสายตาจับผิด
เฮ่อเหลียนเวยเวยยักไหล่ แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย ขณะเอ่ยว่า ”รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”
“หมายความว่าเจ้าตั้งใจจะเข้าร่วมการคัดเลือกพระสนมด้วยอย่างนั้นหรือ” เฮยเจ๋อมองหน้านาง เขาไม่กล้านึกถึงผลที่จะตามมา จึงทำเพียงเอ่ยอย่างเป็นนัยว่า ”ข้าไม่รู้ประวัติของพวกนาง แต่พวกนางทุกคนล้วนแต่เป็นสาวงามทั้งสิ้น” เขากำลังสื่อว่านางเป็นคนผิวคล้ำ ดังนั้นคงได้แพ้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเป็นแน่
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น และส่งเสียงออกมาเป็นการยอมรับเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฮยเจ๋อต้องการรู้ ดังนั้นเขาจึงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า ”เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่เจ้าส่งดอกกุหลาบให้องค์ชายสามหรือเปล่า”
“เจ้าไม่เข้าใจหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกงุนงงเช่นกัน ”ข้ากำลังตามเอาใจเขาอยู่”
เฮยเจ๋อถึงกับสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาอยู่ที่เมืองหลวงมาก็นาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเด็กสาวตามเอาใจใครสักคน… ด้วยความขะมักเขม้นเช่นนี้!
“การ ’ส่งดอกไม้’ เกี่ยวอะไรกับการที่เจ้าตามเอาใจเขาด้วยหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างมีเลศนัย ”เจ้าไม่เข้าใจ”
เฮยเจ๋อ : …ก็ไม่เข้าใจน่ะสิ! จำเป็นด้วยหรือที่ฝ่ายหญิงจะเป็นคนส่งดอกไม้เพื่อเอาใจผู้ชาย มันควรจะเป็นฝ่ายชายไม่ใช่หรือที่ส่งดอกไม้ให้กับฝ่ายหญิง?!
“ข้าอ่านหนังสือมาหลายเล่ม และได้เรียนรู้การเอาใจชายหนุ่มมาจากพวกมัน วิธีการในหนังสือพวกนั้นนำมาปรับใช้ให้ตรงกับตัวตนของข้าได้อย่างง่ายดายทีเดียว” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาแต่อย่างใด นางแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองคิดให้เฮยเจ๋อรู้อย่างเอาจริงเอาจัง ”เหมือนอย่างในหนังสือเรื่อง ’เจ้าพ่อค้าอาวุธตกหลุมรักข้า’ อย่างไรล่ะ”
เฮยเจ๋อถามอย่างไม่อายว่า ”เจ้าพ่อค้าอาวุธตกหลุมรักข้าหรือ มันคืออะไรกันล่ะนั่น”
เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้เวลากว่ายี่สิบนาทีไปกับการอธิบายหนังสือเรื่องนั้นให้เฮยเจ๋อฟัง
ในที่สุดเฮยเจ๋อก็เข้าใจ มุมปากของเขากระตุกขึ้น ”ดังนั้นเจ้าก็เลยทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าพ่อค้าอาวุธในหนังสือเล่มนั้นหรือ”
“ถูกต้อง” เฮ่อเหลียนเวยเวยเชิดคางขึ้นเล็กน้อย นางไม่ได้เป็นเพียงแค่เจ้าพ่อค้าอาวุธ แต่ยังเป็นประธานจอมเผด็จการด้วย ”ข้าวิเคราะห์ทุกอย่างมาแล้ว กลยุทธ์ทั้งหมดที่ใช้นั้นล้วนแต่ใช้เพื่อทำให้ตนมีอิทธิพลเหนืออีกฝ่าย และทำให้ทั้งโลกรู้ว่าเขาคือคนรักของข้า อันดับแรกต้องส่งดอกไม้ให้ จากนั้นก็ทำอาหารให้เขากิน และสุดท้ายก็ปิดฉากด้วยการจูบ ตราบใดที่มันเป็นไปได้อย่างราบรื่น การจะเอาชนะใจคนคนนั้นก็เป็นเรื่องง่ายทีเดียว!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ สีหน้ายุ่งเหยิงก็แล่นปราดขึ้นมาบนใบหน้าของเฮยเจ๋อ ”มีอิทธิพลเหนืออีกฝ่ายหรือ”
“มันไม่ค่อยเข้ากับนิสัยของข้าสักเท่าไหร่” ระหว่างที่พูดนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เริ่มรู้สึกกระดากอายขึ้นมา ”ข้าชอบทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอนมากกว่า”
เฮยเจ๋อถึง : …
ไม่มีใครถามเจ้าเรื่องนี้เสียหน่อย!
ผู้หญิงคนเดียวจะไปมีอิทธิพลเหนือองค์ชายสามได้อย่างไร
“ดังนั้นข้าก็เลยเรียนอย่างอื่นเพิ่มมาด้วย” เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนทำอะไรด้วยความจริงจังอยู่เสมอ และเพื่อเอาใจชายหนุ่มคนนั้น นางย่อมต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ ”ข้าอ่านหนังสือเล่มนี้มาด้วย” นางบอกพร้อมกับหยิบหนังสือที่ซ่อนไว้ออกมา แล้วส่งมันให้กับเฮยเจ๋อ ”ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นหนังสือเล่มนี้ ข้าดีใจมากเชียวล่ะ เพราะมันบอกถึงวิธีการเอาใจใครสักคนเอาไว้ได้อย่างชัดเจน มิหนำซ้ำมันยังมอบแรงบันดาลใจให้กับข้าอีกด้วย”
เฮยเจ๋อมองไปที่หน้าปกหนังสือ ตัวอักษรสีดำที่อยู่บนนั้นเขียนว่า ”ร้อยแปดวิธีเอาใจ ’ภรรยา’”
…
เอาใจภรรยาหรือ?!
ภรรยาอย่างนั้นหรือ!
นี่คือแรงบันดาลใจที่หนังสือเล่มนี้มอบให้เจ้าหรือ เจ้าแรงบันดาลใจที่พาเจ้าเดินทางไปนรกน่ะหรือ
“เจ้าอย่าให้องค์ชายสามเห็นหนังสือเล่มนี้จะดีกว่า” เฮยเจ๋อกระแอมออกมาสองครั้งติด!
เฮ่อเหลียนเวยเวยถอนหายใจยาว ”โชคร้ายที่เขารู้เรื่องแล้ว”
เฮยเจ๋อ : …เขาไม่บีบคอเจ้าตายได้อย่างไรกัน!
“ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่ข้าทำยังไม่มากพอ” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดต่อ
เฮยเจ๋อไม่รู้ว่าจะมองนางด้วยสีหน้าเช่นไร เพราะเขากำลังคร่ำครวญอยู่ในใจว่า เชื่อข้าเถอะว่านี่มันมากพอแล้ว!
ตอนนี้ทั่วทั้งสำนักเอาเรื่องที่นางส่งดอกไม้ให้องค์ชายไปพูดกันมิได้ขาด บรรดาอาจารย์ก็ยังถึงกับเป็นลมเพราะนาง แล้วนางยังต้องการอะไรอีก
“ข้ามีความคิดดีๆ อยู่” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยลึกล้ำ จากนั้นนางก็เริ่มหัวเราะเจ้าเล่ห์ออกมา พร้อมกับเอ่ยว่า ”แต่ ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าร่วมมือด้วย”
เฮยเจ๋อยกมือปิดหน้า ”ข้าไม่อยากถูกองค์ชายสามฆ่าตาย คราวก่อนเขาถึงกับขู่ข้าเอาไว้ด้วยซ้ำ เขาบอกว่าถ้าข้ามาเจอเจ้าอีก เขาจะพระราชทานพิธีแต่งงานให้ข้า!”
“ไม่ต้องห่วง สิ่งที่พวกเราจะทำในครั้งนี้ยิ่งใหญ่อลังการทีเดียว เขาคงไม่สนใจเรื่องนี้หรอก” หางตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยยกสูงขึ้น เผยบรรยากาศอันเกียจคร้านแต่ก็ดูเจ้าเล่ห์ออกมา
เฮยเจ๋อแทบจะร้องไห้ เขาได้ใครมาเป็นน้องสาวกันนี่!
ตกดึก ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ
ชายสวมชุดสีขาวยืนอยู่ใต้เถาวัลย์ท่ามกลางกลุ่มหมอก เขาไอออกมาสองสามครั้ง
“นายท่าน ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ” ชายร่างเล็กที่สะพายขวดน้ำเต้าไว้บนหลังดึงชายเสื้อของชายคนนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ”นายท่าน เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือขอรับ”
ชายชุดขาวส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย ”ข้าไม่เป็นไร”
“ท่านไม่พอใจที่วันนี้นางส่งดอกไม้ให้คนอื่นหรือขอรับ” เด็กชายตัวน้อยกัดริมฝีปาก ”นายท่าน ทำไมท่านไม่บอกนางล่ะขอรับ ว่าท่ามตามหานางมานานถึงเพียงนี้ มิหนำซ้ำยังลงไปในนรกเพื่อนางร่างกายของท่านจึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้ แต่นางกลับดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลยแม้แต่เรื่องเดียว”
ชายชุดขาวยื่นมือออกไปลูบหัวของเด็กชายตัวน้อย ”หากนางตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์เมื่อใด ข้าถึงจะบอกนาง”
“แต่ค่ายกลก่อนหน้านี้ก็ถูกปลดออกไปแล้วนะขอรับ พวกเราต้องสร้างค่ายกลใหม่ขึ้นมา” ดวงตาของเด็กชายตัวน้อยทิ้งตัวลง ขณะที่สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านมา บนผิวน้ำของทะเลสาบชิงหลงก็พลันเกิดคลื่นน้ำขนาดเล็กขึ้น
ชายชุดขาวส่งเสียงเป็นการตอบรับ น้ำเสียงของเขาติดจะเย็นชาเล็กน้อย เขาดูเหมือนกำลังใจลอยอยู่
เด็กชายตัวน้อยรู้ว่าผู้เป็นนายของเขายังไม่สามารถลืมเหตุการณ์ที่ตัวเองเห็นในวันนี้ลงได้ มือเล็กๆ ของเขาทิ้งลงข้างตัว จากนั้นจึงเดินตามผู้เป็นนายเข้าไปในย่านการค้าอันสับสนอลหม่านอย่างเชื่อฟัง…