รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 420 ไร้ที่พึ่งพิง ตนคือความหวังเดียวของตน!

บทที่ 420 ไร้ที่พึ่งพิง ตนคือความหวังเดียวของตน!

บทที่ 420 ไร้ที่พึ่งพิง ตนคือความหวังเดียวของตน!

ยามราตรี หมู่ดาวดารดาษ พระจันทร์เงินยวงลอยอยู่เหนือนภา ไป๋มู่ออกจากเมืองชิงซานด้วยรอยยิ้มระรื่น

ไป๋มู่ดีใจมาก ท่านเซียนไม่เพียงแต่ชี้แนะเขา ยังให้เขาอยู่รับประทานมื้อเย็นด้วยกัน ได้ลิ้มรสของเกี๊ยว ซึ่งนับเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงสูงสุดของเขา

เขาได้รับประโยชน์มหาศาลจากการนี้ บรรลุขั้นตี้จวินมิใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากแต่เป็นความเที่ยงแท้

ตัวเขาสามารถลองบรรลุขั้นเทียนตี้ได้ด้วยซ้ำ ใช่ว่าจะไม่สำเร็จเสียเมื่อไร

ก่อนไป เซี่ยเหยียนคืนสมบัติมากมายที่นำไปจากตระกูลไป๋ให้

“คนดีย่อมได้ดี มนุษย์เราต้องคงมั่นในความตั้งใจเดิม!”

ไป๋มู่สะท้อนใจออกมาอย่างอดไม่ได้

หากมิใช่เขามั่นคงในความตั้งใจเดิม มาขอโทษเซี่ยเหยียนด้วยตัวเอง ไฉนเลยจะได้วาสนาการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่เพียงนี้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหากเขามีความคิดร้ายในใจ ต้องการเอาคืนเซี่ยเหยียน ตัวเขาและตระกูลไป๋ย่อมต้องถึงคราวอวสานอย่างแน่นอน

คนเรา ให้ตายอย่างไรก็ไม่ควรลืมความตั้งใจเดิมถึงจะถูก!

“เอ๊ะ ออกมาแล้ว!

ริมน้ำ ต้นหลิวส่งเสียง มันเห็นแล้วว่าผนึกในตัวไป๋มู่ถูกทลายแล้ว

อย่างที่คิด!

ไป๋มู่ผู้นี้คือคนที่ท่านเซียนต้องการพบจริง ๆ!

ไป๋มู่ต้องการไปพบท่านเซียน หลังกลับออกมาแล้วไม่เพียงแต่ทลายผนึกได้เท่านั้น มันยังสัมผัสได้อีกว่าไป๋มู่แข็งแกร่งขึ้นมาก บ่งบอกว่าไป๋มู่คือคนที่ท่านเซียนต้องการพบ ท่านเซียนถึงประทานวาสนาการเปลี่ยนแปลงแก่ไป๋มู่

“ขอขอบคุณทั้งสองท่าน!”

ไป๋มู่กล่าวขอบคุณต้นหลิวและก้อนหินจากใจจริง หากมิใช่ต้นหลิวและก้อนหินปล่อยเขาเข้าเมือง เขาคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้พบหน้าท่านเซียน

“เชื่อว่าท่านเซียนมีภารกิจเตรียมไว้ให้ท่าน รับใช้ท่านเซียนให้ดีแล้วกัน!”

ต้นหลิวกล่าว

“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น!”

ไป๋มู่กล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะบอกลาต้นหลิวและก้อนหิน เดินทางกลับตระกูลไป๋

“วิธีการของเราเมื่อก่อนหน้านี้ผิดจริง ๆ ด้วย จะขวางทุกคนเลยไม่ได้ เราเกือบขวางผู้ที่ท่านเซียนต้องการพบเสียแล้ว”

หลังไป๋มู่กลับไป ก้อนหินบอกกับต้นหลิวอย่างโล่งอก

“ใช่แล้ว!”

ต้นหลิวโล่งอกมากเช่นกัน หากมิใช่ว่าพวกมันได้สติในตอนท้ายสุดและยอมเปลี่ยนความคิด พวกมันคงทำความผิดอย่างมหันต์ ขวางผู้ที่ท่านเซียนต้องการพบเสียแล้ว

ครั้งนี้ทำให้พวกมันเข้าใจอย่างสิ้นเชิงว่าวิธีการเหมารวมทั้งหมดไม่สมควรอย่างยิ่ง ควรรู้จักยืดหยุ่นถึงจะถูก

ท่ามกลางรัตติกาล บางคนหลับใหลไปนานแล้ว ส่วนบางคนกำลัง…ต่อสู้ห้ำหั่นกันจนเลือดสาด!

โลหิตเย็นเยียบสาดกระเซ็น ทั้งหมดล้วนมิใช่โลหิตปกติ มีทั้งโลหิตสีดำ และโลหิตสีฟ้า…

สตรีโฉมสะคราญหน้าตาเย็นชานางหนึ่งกวาดล้างสิ่งมีชีวิตประหลาดสยดสยองทั้งหมดในที่นี้ด้วยกระบี่เดียว

อาภรณ์ของนางไม่เปื้อนเลือดแต่อย่างใด เลือดที่กระเด็นไปทั่วล้วนเป็นเลือดของสิ่งมีชีวิตประหลาดสยดสยองตนอื่น

หลังจากล้างบางสิ่งมีชีวิตประหลาดสยดสยองได้หมดแล้ว นางเริ่มค้นหาไปตามจุดต่าง ๆ โดยไม่มองข้ามสักแห่ง

“ยัง…ไม่มี”

นางถอนหายใจ ดวงหน้าเพริศพริ้งฉายแววอ่อนล้า

ตลอดทั้งทางที่ผ่านมา นางไม่อยู่ระหว่างการต่อสู้ก็อยู่ระหว่างทางไปสู่การต่อสู้ นางไปยังดินแดนอันตรายมาแล้วมากมาย รวมถึงสังหารสิ่งมีชีวิตน่าพรั่นพรึงไปแล้วมากมาย

ทว่า สิ่งที่นางตามหากลับยังไม่เจอเสียที

“ข้า…จะยอมแพ้มิได้! บัดนี้ข้าคือความหวังเดียวแล้ว!”

ดวงตาของนางเปล่งประกายน่าหวาดหวั่น ไม่เหลือเค้าความอ่อนล้าอย่างก่อน ออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อตามหาสิ่งที่นางต้องการ

นี่คือซี คนที่ไม่มีผู้ใดให้พึ่งพิง หวังพึ่งได้แต่เพียงตนเอง

ณ ดินแดนหยิน

เมืองเก้าวิบัติ

ที่นี่เป็นเมืองที่โกลาหลที่สุด มีสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนอยู่ทุกประเภท ฆ่าแกงปล้นสะดม เหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้นทุกวี่วันอย่างบ้าคลั่ง

ท่ามกลางยามราตรี ประกายโลหิตสะท้อนกับฟ้าดิน ศพนอนเกลื่อนกลาด เลือดไหลเป็นลำธารไปยังทุกทิศ

สำนักแห่งหนึ่งถูกล้างบางไม่เหลือสักคน แม้กระทั่งเด็กทารกเพิ่งเกิดยังไม่รอด นอนอยู่ท่ามกลางโลหิตเจิ่งนอง ถูกสังหารอย่างโหดร้าย!

ในภาพการณ์ประหนึ่งนรกโลกันตร์นี้ กลับมีคนผู้หนึ่งซึ่งดูไม่เข้ากับบรรยากาศรอบ ๆ ยืนอยู่

เป็นสามเณรน้อยองค์หนึ่ง ดูมีอายุไม่กี่ขวบ ห่มชุดจีวรสีขาว เปี่ยมด้วยลักษณะของพระเถระ มีเมตตาและเป็นธรรม

“อามิตาพุทธ”

เขาท่องพระนาม ประกายพุทธะพวยพุ่งจากด้านหลัง ราวกับจำแลงกายเป็นพระเถระองค์ใหญ่!

จากนั้น ภาพชวนขนลุกปรากฏ

สายเลือดที่หลั่งไหลอยู่รอบ ๆ ถลาเข้าไปในร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่ง ศพที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นก็มีประกายวิบวับพุ่งออกมา ถลาไปหาเขาอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน และถูกเขาดูดกลืนไปจนสิ้น

นี่คือแก่นกำเนิดชีวิตที่อยู่ภายในศพเหล่านี้

เจ้าของศพเพิ่งตาย แก่นกำเนิดชีวิตยังสลายไม่หมด และถูกสามเณรน้อยดูดกลืนจนเกลี้ยง!

เห็นได้ว่าศพเหล่านี้เหี่ยวแห้งลงไปอย่างรวดเร็ว เหลือผิวหนังอยู่เพียงสองชั้น แก่นกำเนิดขุมปราณในกายสูญสิ้น กลายเป็นศพแห้งกรัง

แสงพุทธะด้านหลังสามเณรน้อยถูกสีชาดของเลือดกลืนกิน กลายเป็นประกายแดงฉาน แววตาของเขาเปล่งประกายโหดเหี้ยมเหลือแสน ภาพพระเถระเปี่ยมเมตตาหายไป กลายเป็นเหมือนจอมมารองค์ใหญ่!

ทว่า หลังจากเขาดูดกลืนแก่นกำเนิดชีวิตและโลหิตของศพทั้งหมดเข้าไปแล้ว เขาท่องนามพระออกมาคำหนึ่ง ประกายแดงฉานถดถอย แสงพุทธะกลับมาปกคลุมเขาอีกครั้ง ภาพจอมมารองค์ใหญ่หายไป กลับมาเป็นภาพพระเถระองค์ใหญ่

“สิบเจ็ดสำนัก เก้าเผ่าอสูร ใกล้ได้ที่แล้ว…”

เขาพึมพำเสียงเบากับตัวเอง ในที่สุดก็ฟื้นสภาพกลับมาจากสภาวะอ่อนแอ ค่อย ๆ ดีขึ้น

สิบเจ็ดสำนัก เก้าเผ่าอสูรถูกเขาล้างบางจนสิ้น รวมทั้งดูดกลืนแก่นกำเนิดชีวิตและโลหิตไปหมดเลยด้วย เขาจึงไม่อ่อนแออีกต่อไป

“เมืองนี้จักกลายเป็นกองบัญชาการใหญ่ของข้า! ข้าจักสร้างพุทธภูมิเก้าประทีบสุดแสนยิ่งใหญ่ แทนที่พุทธศาสนา กลายเป็นพระพุทธเพียงหนึ่งเดียว!”

ดวงตาของเขาวาวโรจน์ กล่าวต่อ “นับแต่วันนี้ไป ข้าจักไม่ท่องนาม ‘อามิตาพุทธ’ อีก ข้าจักท่อง ‘พระเก้าประทีปพุทธเจ้า’ แทนที่พระอมิตาภะพุทธเจ้า!”

ต่อให้เขาเข้าใกล้ความเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าเหลือคณา เขาก็ต้องยอมรับว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าน่าทึ่งเป็นที่สุด สมเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

เขาอ่อนแอจนไม่เหลือสภาพ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ขอเพียงเขาท่องว่า ‘อามิตาพุทธ’ ก็จะได้รับพลัง รักษาสภาพมิให้ตายได้

น่าทึ่งเสียนี่กระไร!

ทว่า เขาในตอนนี้มิได้อ่อนแออีกต่อไป และไม่ต้องการพลังจากพระอมิตาภะพุทธเจ้าอีก เขาจักสร้างพุทธภูมิของตนเอง แทนที่พุทธศาสนา แทนที่พระอมิตาภะพุทธเจ้า!

“สิ่งแวดล้อมในยุคนี้เลวร้ายปานนี้ วิถีสวรรค์มิสู้อดีต ได้รับการคุ้มกันจากวิถีสวรรค์ที่เบาบาง เจ้าคิดจริงหรือว่าเจ้าจะหัวเราะได้ถึงท้ายสุด!?”

เขาหัวเราะเย็นยะเยือก นึกถึงจิตที่แยกจากตัวเขา ซึ่งบัดนี้มีตัวตนเป็นเอกเทศอย่างต้าเต๋อ!

ใช่แล้ว เขาก็คือสามเณรน้อยในครานั้น ร่างกลับชาติมาเกิดของพระเก้าประทีปพุทธเจ้า

เขาอุตส่าห์นิพพานเกิดใหม่ อยู่ในวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง ทว่ากลับประสบอุบัติเหตุ มีจิตส่วนหนึ่งแยกจากเขาไป

เขาเรียกต้าเต๋อว่าเป็นจิตมุ่งร้ายของเขา ทว่าเขารู้ดีแก่ใจ จิตส่วนนั้นหาใช่จิตมุ่งร้ายไม่

ตั้งแต่เขาฝ่าฝืนกฎศาสนาที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าตั้งขึ้น ค้นคว้าประสิทธิผลใหม่ของพลังศรัทธา จิตใจของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มิใช่เขาคนเดิมอีกต่อไป

หากให้พูดกันจริง ๆ ต้าเต๋อคือจิตที่บริสุทธิ์ที่สุดของเขา จิตที่ไม่เคยเกิดการเปลี่ยนแปลง

“บัดซบ!”

เมื่อนึกถึงต้าเต๋อ เขาก็แค้นจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เดิมเขาได้เปรียบเหนือชั้น ผู้ใดจะรู้ว่าวิถีสวรรค์เป็นปรปักษ์กับเขา คุ้มกันต้าเต๋อ ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้อย่างอนาถ ไม่เพียงแต่ดึงจิตของต้าเต๋อกลับมาไม่สำเร็จ ตัวเขาเองยังบาดเจ็บสาหัส พลังองค์พระโบราณในตัวสูญเสียเสถียรภาพ ไม่อาจยืมพลังจากสารีริกธาตุในการคืนพลังองค์พระโบราณ

“เช่นนั้นก็บำเพ็ญเสียใหม่! พอดี ชดเชยจิตส่วนที่หายไป!”

สายตาของเขาทอประกายดุดัน “ข้ามั่นใจว่าแข็งแกร่งขึ้นได้กว่านี้ ถึงคราวนั้น ต่อให้วิถีสวรรค์คุ้มครองเจ้าก็ไม่ไหว ข้าจักทำลายเจ้าให้ราบคาบกลายเป็นจุณ!”

ทั้งหมดนี้ไม่จบลงแค่นี้แน่!

เขาจักหวนคืนมาอีกครั้ง และต้องลุล่วงได้แน่!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท