หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1180 โคมดับคนดับ

บทที่ 1180 โคมดับคนดับ

“ยังไม่สมบูรณ์” ชั้นล่างสุดของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ผู้เฒ่าที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างโลงศพ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แม้ร่างของเขาจะมีกลิ่นอายความชรากระจายออกมา แต่รอยยิ้ม ความอบอุ่น และความเมตตาเหมือนเช่นความทรงจำในนิมิตมืดของหวังเป่าเล่อ

แววตานี้ตกอยู่ในสายตาของหวังเป่าเล่อ แทรกซึมเข้าสู่ใจของเขา ทำให้ความทุกข์ที่อยู่ในใจมาหลายปี คล้ายจะจางหายไปบางส่วน เหลืออยู่เพียงความสันติสุขและเงียบสงบ

“ท่านอาจารย์…” หวังเป่าเล่อมองไปยังร่างที่อยู่ลึกที่สุดของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้ม ไม่ได้ไตร่ถามว่าเหตุใดไม่สมบูรณ์ แต่ลุกขึ้นยืนและก้าวไปในผืนทะเลสีดำด้านล่างซึ่งปรากฏเป็นทางที่เกิดจากรอยแตกขนาดใหญ่ทีละก้าว

ร่างของเขาเดินสู่ทะเลดำ เดินสู่รอยแตก เดินสู่เต๋าปราณกังวานที่เขาตระหนักรู้ เป็นอีกชั้นหนึ่งที่แตกออกมา ชั้นนี้เดิมทีคือควบคุมเหตุผล แต่ตอนนี้กลับรับกลิ่นไอเพียงกึ่งเดียวของหวังเป่าเล่อไม่ไหว ด้วยเหตุนี้จึงปล่อยให้เขาผ่านเข้าสู่อีกชั้นหนึ่ง

ด้วยวิธีนี้ เขาจึงเข้าใกล้อาจารย์เข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงส่วนล่างของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด มาถึงหน้าโลงศพนั้น และมาถึงด้านหน้าของอาจารย์

เขาไม่ได้มองไปที่โลงศพ และไม่ได้สนใจหนทางที่เดินมา ยิ่งไม่ได้ไปสนใจร่างทั้งสอง ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งที่ปรากฏอยู่ชั้นบน ในสายตานั้นแฝงความประหลาดใจและระมัดระวัง ทั้งยังแฝงความสับสนและไม่ยินยอม

สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ เพราะในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ตอนนี้มีเพียงอาจารย์เท่านั้น

หวังเป่าเล่อค่อยๆ เดินใกล้เข้าไป ตรงหน้าอาจารย์ที่มีรอยยิ้มแฝงความเมตตา เขาหยุดฝีเท้า สะบัดชายเสื้อ แล้วคุกเข่าค้อมคำนับลงตรงหน้าอาจารย์ด้วยความเคารพ ด้วยความสำนึกขอบคุณ และด้วยความสงบ

ทุกการเคลื่อนไหวมีความพิถีพิถัน แม้จะเชื่องช้า แต่กลับจริงจังมาก

รอยยิ้มของหมิงคุนจื่อเป็นเช่นปกติ แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยอารมณ์ ความชื่นชม และที่มีมากกว่าคือ…ความปวดใจ

“อาจารย์รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง บางทีครั้งนั้นไม่ควรจะนำเจ้าเข้าสู่นิมิตมืด” หมิงคุนจื่อถอนหายใจเบาๆ มองศิษย์ที่อยู่ตรงหน้า เขาเห็นความทุกข์ของหวังเป่าเล่อ เห็นความเหนื่อยล้า เห็นความเลื่อนลอย และเห็นเต๋าของเขา

“ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่สำนึกเสียใจ” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้ม

หมิงคุนจื่อส่ายหน้า ริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น กลิ่นไอบนร่างก็ยิ่งชราภาพ แววตาอ่อนโยนและความปวดใจที่ส่งออกมามากกว่าเดิม คิดอยากจะยกมือขึ้นลูบศีรษะหวังเป่าเล่อ แต่กลับไม่ได้ทำ ทว่าย้ายสายตาจากร่างหวังเป่าเล่อ มองไปทางด้านนอกสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด นอกแม่น้ำนั้น ในความว่างเปล่า…ร่างนั้นผู้เป็นศิษย์อีกคนของตน

เมื่อได้เห็นเงาร่างนี้ สายตาของเขาก็ไม่อบอุ่นอีกแล้ว กลับกลายเป็นความเศร้าโศก ปวดร้าวและยิ่งกว่านี้…คือไร้ทางเลือก ในความเงียบงัน เงาร่างนั้นก็ค้อมคำนับให้เขาเช่นกัน

ท้ายที่สุด หมิงคุนจื่อจึงถอนสายตา เขาทอดถอนใจ หลังจากนั้นจึงมองไปที่หวังเป่าเล่ออีกครั้ง พึมพำเสียงอ่อนโยน

“เจ้ามาที่นี่ เพื่อมานำซากศพของจักรพรรดิแห่งความมืดแทนศิษย์พี่ของเจ้าหรือ”

“ซากศพจักรพรรดิแห่งความมืดมีประโยชน์อนันต์ต่อศิษย์พี่ ศิษย์…ต้องการช่วยเขาให้ได้มา” หวังเป่าเล่อมองไปที่อาจารย์ เอ่ยเสียงเบา

หมิงคุนจื่อหัวเราะ หลังจากเหลือบมองหวังเป่าเล่ออย่างลึกซึ้ง จึงพยักหน้า

“ไปเอาเถอะ”

“ขอบคุณท่านอาจารย์” หวังเป่าเล่อลุกขึ้นทำการคำนับอีกครั้ง การเดินทางครั้งนี้ราบรื่น เขารู้สึกถึงเต๋าของตนเอง และยังสามารถนำซากศพจักพรรดิแห่งความมืดให้ศิษย์พี่ ยิ่งกว่านั้นยังได้พบอาจารย์ที่เดิมทีเข้าใจว่าสูญสิ้นแล้ว

นี่ทำให้ใจเขาสงบสุข กระทั่งเดิมทีความคิดที่จะตั้งใจจะไม่อยู่ในสำนักแห่งความมืด เวลานี้กลับสั่นคลอนเล็กน้อย แม้เต๋าจะแตกต่าง แต่หากอาจารย์และศิษย์พี่ล้วนอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้น…หวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่าตนควรจะอยู่

ด้วยความคิดนี้ หวังเป่าเล่อเดินไปทางโลงศพ พริบตานั้นไม่ไกลออกไปรักษาการบุตรแห่งความมืดทั้งสองชายหนึ่ง หญิงหนึ่งกำลังมองมาทางเขา

เวลานี้ ความว่างเปล่าของนพภูมิทางด้านบน สายตาของเฉินชิงจื่อก็กำลังจ้องมาที่เขา

เวลานี้ แม้จะมีเหตุไม่คาดคิดที่สุสานจักพรรดิแห่งความมืดครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดที่เป็นอิสระแล้วเหล่านั้น ต่างก็มองมาที่เขาเช่นกัน

หวังเป่าเล่อกลายเป็นจุดรวมของสายตาทั้งหมด ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเวลานี้เมื่อเขาใกล้เข้าไป สายตาของอาจารย์ที่มองมานั้น ฉายแววคิดคะนึงและความ…อาลัยอาวรณ์

เพราะหมิงคุนจื่อไม่ได้บอกหวังเป่าเล่อ ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะมานั้น เฉินชิงจื่อเคยมาที่นี่ก่อนแล้ว และปรารถนาจะนำซากศพจักพรรดิแห่งความมืดไป ทว่าเขากลับไม่ยินยอมและปฏิเสธไปโดยตรง

ดังนั้น…หวังเป่าเล่อจึงได้มาในที่แห่งนี้ เขาไม่อยากจะกล่าวเรื่องพวกนั้น อีกทั้งไม่ต้องการเห็นหวังเป่าเล่อและเฉินชิงจื่อมีปัญหากัน ทั้งสองต่างเป็นศิษย์ของเขา ผู้หนึ่งเขารับในความเป็นจริงติดตามกันมาตั้งแต่ยังเล็ก สุดท้ายก็ทรยศ มีชีวิตท่ามกลางความเจ็บปวด กระทั่งหลอมรวมกับเต๋าสวรรค์ไปสู่อีกเส้นทางหนึ่งที่สุดขั้ว

อีกผู้หนึ่ง ตนเองรับเข้าสำนักในนิมิตมืด ภายในนั้นให้เขาได้ประสบกับทุกสิ่ง จนถึงวันนี้เสาะหาเต๋าของตน ไม่เปลี่ยนใจ

“เช่นนี้…ก็ดี” หมิงคุนจื่อพึมพำอยู่ในใจแล้วหลับตาลง เขาไม่ต้องการให้ศิษย์คนเล็กที่สุดของตน เห็นภาพการสลายไปของเขา

แต่…ประสบการณ์ของหวังเป่าเล่อ ทำให้ความไวในการรับรู้นั้นเกินกว่าที่หมิงคุนจื่อคาดไว้ แทบจะทันทีที่หวังเป่าเล่อเดินเข้าไปใกล้โลงศพ เขาพลันหยุดฝีก้าว ดวงตาฉายแววสงสัย สัญชาตญาณบอกตนเองว่า เรื่องนี้…มีบางอย่างผิดปกติ

แต่เขาไม่รู้ว่าผิดปกติที่ใด ดังนั้นจึงหันกลับไปมองอาจารย์

สายตาที่เหลือบมองนั้น ดูแล้วไม่มีสิ่งใดผิดปกติแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากที่หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ ฉับพลันนัยน์ตาก็ส่องประกาย เงาในอดีตชาติปรากฏอย่างต่อเนื่อง กลิ่นไอของฝักกระบี่เจ้าชะตากระจายออก หลังจากทั้งหมดมาบรรจบลงตรงหน้า ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งประกายกล้า แต่…ทุกอย่างก็ยังคงเป็นปกติ

“ยังไม่ไปอีกหรือ” เมื่อรู้สึกถึงสายตาของหวังเป่าเล่อ หมิงคุนจื่อจึงลืมตาขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นมีเมตตา

หวังเป่าเล่อหยุดฝีเท้า เวลานี้เขาอยู่ห่างจากโลงศพไปไม่ถึงครึ่งจั้ง แต่กลับหยุดฝีเท้าอย่างลังเล แม้ว่าจะตรวจดูแล้วว่าปกติ แต่เขายังมองใบหน้าของอาจารย์แล้วเอ่ยถาม

“อาจารย์ ท่าน…มีสิ่งใดที่ไม่ได้บอกข้าหรือไม่ หากข้านำซากศพจักพรรดิแห่งความมืดไปแล้ว จะส่งผลเช่นไรต่อ..ท่านหรือไม่?”

หมิงคุนจื่อหัวเราะ

“เจ้าเด็กผู้นี้ ตอนอยู่ในนิมิตมืดก็ไม่ได้ขี้สงสัย เหตุใดตอนนี้จึงเป็นแบบนี้ไปได้ เจ้านี่คิดมากเสียจริง อาจารย์ไม่ใช่จักพรรดิแห่งความมืด จะมีผลกระทบได้อย่างไร รีบไปเอาเถอะ”

หวังเป่าเล่อเงียบไปสักพัก พลันกล่าวขึ้น

“อาจารย์ ก่อนหน้านั้นท่านกล่าวว่าเต๋าของข้ายังไม่สมบูรณ์ ไม่ทราบว่าจะทำให้สมบูรณ์ได้เช่นไร”

“ไปเอามาแล้ว อาจารย์จะบอกเจ้า ไปเถอะ” หมิงคุนจื่อฝืนยิ้ม แล้วหลับตาลง

หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วมองอาจารย์ แล้วมองโลงศพจักพรรดิแห่งความมืด หลังจากหยุดไปชั่วอึดใจ ฉับพลันเขาก็ยกมือขึ้นควานไปที่กระเป๋าคลังเก็บ ทันใดนั้นในมือก็ปรากฏ…ขวดน้อยใบหนึ่ง!

มันคือขวดปรารถนา!

“ข้าขอพร ให้ข้ามองทะลวงความจริง ณ บัดนี้”

ทันทีที่หวังเป่าเล่อเอ่ยปาก ดวงตาหมิงคุนจื่อก็ลืมขึ้นทันที พร้อมกันนั้นสายตาที่มาจากด้านบนก็จ้องมาด้วย เพราะ…ขณะนี้ขวดปรารถนาได้แผ่ไอร้อนออกมา หลังจากแทรกซึมเข้าสู่ภายในร่างหวังเป่าเล่อแล้ว มันบรรจบที่ดวงตาทั้งสอง ปรากฏสายฟ้าสีดำเวียนว่ายอยู่ในดวงตาของเขา

และขณะที่สายฟ้าปรากฏขึ้น ทุกสิ่งตรงหน้าหวังเป่าเล่อ แปรเปลี่ยน…ทันที

แม้จะยังคงเป็นสุสานจักพรรดิแห่งความมืด ยังคงเป็นโลงศพ ยังคงเป็นอาจารย์ แต่…เงาร่างของอาจารย์ไม่ใช่ร่างจริง หากแต่เป็นภาพลวงตา…นั่นคือร่างวิญญาณ

ยิ่งกว่านั้นบนร่างวิญญาณนี้ มีสามดวงวิญญาณแผ่กระจายออกมา เชื่อมโยงกับโลงศพ และที่แห่งนั้น…มีโคมวิญญาณสามดวงที่หวังเป่าเล่อมองไม่เห็นในตอนแรก!

โคมวิญญาณดับ โลงจึงเปิด!

โคมวิญญาณดับ หมิงคุนจื่อมลาย!

…………………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท