บทที่ 423 ซุกซนเพียงเล็กน้อย ไม่คาดว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงขนาดนี้?
มัจฉาสัตมายาต้องการดื่มนม
ผู้อาวุโสชิงหนิวครุ่นคิด พวกมันเป็นเพียงผู้มาใหม่ยังไม่เข้าใจสิ่งใด หากมีมัจฉาสัตมายาช่วยดูแลก็คงจะดีกว่าเดิมมาก
อย่างไรเสียพวกมันก็รู้นิสัยใจคอท่านเซียนน้อยเกินไป หากพวกมันทำให้ท่านเซียนไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว จะต้องแย่แน่ ๆ
เทียบแล้ว การให้ดื่มนมสักเล็กน้อยไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
“ได้อย่างแน่นอน ไม่มีปัญหา”
ผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวกล่าวกับมัจฉาสัตมายาด้วยร้อยยิ้ม ตัดสินใจจะให้นมส่วนหนึ่งแก่มัจฉาสัตมายา
หลังจากมัจฉาสัตมายาได้ยินผู้อาวุโสสูงสุดชิงหนิวกล่าวออกมา ดวงตาคู่เล็กของมันก็เป็นประกาย
มันแสยะยิ้มพูด “ไม่เลว ทำตัวดีมาก! หลังจากนี้พี่มัจฉาผู้นี้จะช่วยพวกเจ้าเอง! ข้าจะบอกพวกเจ้าทั้งหมดว่าท่านเซียนชอบและเกลียดสิ่งใด ทำให้พวกเจ้าจะต้องได้รับความโปรดปราดจากท่านเซียนมากขึ้นแน่!”
สุดยอด สุดยอดมาก!
กระทั่งตัวเองยังปกป้องไม่ได้ กลับยังกล่าวออกมาว่าจะช่วยเหลือชิงหนิวทั้งสี่ตน!
ปลาตัวอื่นในถังน้ำเลื่อมใสมัจฉาสัตมายายิ่งนัก!
เจ้าปลาน้อยตัวนี้ช่างพูดช่างจาเก่งจริง ๆ!
ในตอนนั้นเอง ลั่วสุ่ยที่มาพร้อมกับสีหน้าดำคล้ำก็ใช้อุ้งเท้าข้างหนึ่งตบมัจฉาสัตมายาลงกับพื้น
“ใครกัน!”
มัจฉาสัตมายาเกรี้ยวกราด แต่เมื่อเห็นว่าเป็นลั่วสุ่ย ก็รีบแย้มยิ้มออกมาทันที “พี่สาวลั่วสุ่ยมาแล้ว!”
“เยี่ยมไปเลย”
ลั่วสุ่ยมองมัจฉาสัตมายาด้วยสีหน้าน่ากลัว
“เจ้ายังคิดที่จะกินนมอยู่อีกหรือไม่?”
ก่อนหน้านี้นางฝึกตนอยู่ด้านในบ้าน หลังจากฝึกเสร็จแล้วจึงออกมาเดินเล่น เห็นมัจฉาสัตมายากำลังหลอกชิงหนิวทั้งสี่ตนเพื่อขอดื่มนมอยู่พอดี
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าเพียงแค่อยากจะลองชิมสักหนึ่งจิบว่ามันมีรสชาติเช่นไร”
มัจฉาสัตมายารีบเอ่ยขึ้นมา
“ปลาที่ไหนกินนมกัน รีบกลับไปในถังน้ำได้แล้ว คราวหลังไม่อนุญาตให้ออกมาด้านนอกอีก!”
ลั่วสุ่ยดุ
“หา? ไม่นะพี่สาวลั่วสุ่ย!”
มัจฉาสัตมายาตกตะลึง มันซุกซนเพียงเล็กน้อย ไม่คาดว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงขนาดนี้
“นี่เป็นนมที่ท่านเซียนดื่ม เจ้ายังกล้าจะคิด เจ้าปลาน้อย อย่าว่าแต่เจ้าเลย ขนาดข้าเองก็ยังไม่กล้า!”
ลั่วสุ่ยพูดด้วยความขุ่นเคือง
ดีที่เป็นมัจฉาสัตมายา หากเป็นปลาตัวอื่น นางคงจะกินมันเข้าไปนานแล้ว
นางรู้ว่ามัจฉาสัตมายาไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่อยากรู้อยากเห็นมากเกินไป จนคิดว่าเพียงได้ดื่มสักจิบคงไม่เป็นอะไร
แม้กล่าวตามจริงแล้ว เรื่องนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ทว่าชะตาของมัจฉาสัตมายายังไม่แน่นอน นางไม่ต้องการให้มัจฉาสัตมายาทำเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมา แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
ช่วงนี้ที่นางได้ทำความรู้จักกับมัจฉาสัตมายาทำให้นางชื่นชอบอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย ถึงกับนับอีกฝ่ายเป็นน้องชายจริง ๆ
นางหวังว่ามัจฉาสัตมายาจะระมัดระวังตัว แล้วอยู่รอดได้จนถึงท้ายที่สุด
แต่นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของมัจฉาสัตมายาได้ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความต้องการของท่านเซียน
“ข้าเข้าใจแล้วพี่ลั่วสุ่ย หลังจากนี้ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
มัจฉาสัตมายารู้ตัวว่าทำผิดแล้ว “พี่สาวลั่วสุ่ยอย่าได้โมโหเลย ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากนั้นมันก็ลอยกลับเข้าไปในถังน้ำด้วยความหงอย
พี่สาวลั่วสุ่ย?
เมื่อเห็นฉากเหล่านี้ ผู้อาวุโสสูงสุดชิงชิวก็รู้ว่าสิ่งที่มันคาดเอาไว้ไม่ผิด ลั่วสุ่ยก็คือแมวสีขาวตัวนี้
มันมองไปทางแมวขาวด้วยความเคารพนับถือ สายเลือดในตัวแมวขาวช่างน่ากลัวเกินไป ยามเผชิญหน้ากับแมวสีขาว หัวใจและจิตวิญญาณของมันสะท้านไม่หยุด
นี่คือพลังสายเลือดที่แมวสีขาวตัวน้อยแผ่ออกมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ หากแมวสีขาวตัวน้อยต้องการจะปล่อยพลังสายเลือดออกมาจริง ๆ เกรงว่าวิญญาณของมันจะแตกสลายในทันที!
น่าหวาดกลัวเหลือเกิน คาดว่าสายเลือดของแมวขาวตัวน้อยจะเหนือยิ่งกว่าสิบอสูรร้ายบรรพกาลแล้ว!
สายเลือดของสิบอสูรร้ายบรรพกาลยังทำให้มันรู้สึกกดดันน้อยกว่านี้มาก
“ไม่มีอะไรแล้ว อย่าไปฟังที่เขาหลอก ท่านเซียนนั้นดีมาก แม้มีข้อห้ามบางอย่าง แต่ก็ไม่มากขนาดนั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป”
ลั่วสุ่ยพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็เริ่มกล่าวกับชิงหนิวทั้งสี่ว่าข้อห้ามของท่านเซียนมีสิ่งใดบ้าง
ชิงหนิวทั้งสี่ต่างตั้งใจฟัง เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง!
…
อีกด้านหนึ่ง หลี่จิ่วเต้าติดตามเหล่าปัญญาชนไปยังเนินเขานอกเมือง
บนเนินเขาทัศนียภาพงดงามเป็นพิเศษ เขาเขียวขจีธารน้ำใสเหมาะยิ่งกับการจะปิดตัวอยู่อย่างสันโดษ
พวกเขาเดินตามทางเส้นเล็ก ๆ ที่ถูกปูด้วยหินกรวดจนกระทั่งถึงกระท่อมหลังหนึ่ง
ด้านหน้ากระท่อมท่ามกลางป่าไผ่สูงชะลูด มีศาลาเล็ก ๆ พร้อมโต๊ะหินสลักลายตารางหมากล้อมเอาไว้และเก้าอี้หินอีกสี่ตัว เห็นได้ชัดว่าเจ้าของกระท่อมเป็นผู้ที่ชื่นชอบในหมากล้อม
“ท่านผู้เฒ่าอยู่หรือไม่?”
“ครั้งนี้พวกเราพายอดฝีมือมาด้วย นี่คือคุณชายหลี่ที่พวกเราเล่าให้ท่านฟังเมื่อวานนี้!”
เหล่าปัญญาชนหลายคนพากันเอ่ยขึ้นมา
ภายในกระท่อม ชายชราผมขาวหัวเราะขึ้นมาในใจ
มาแล้ว ในที่สุดก็มาแล้ว!
เขามีความสุขเป็นอย่างมาก ในเมื่อหลี่จิ่วเต้ามาแล้วก็เท่ากับแผนของเขาสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง
“จริงหรือ? ยอดเยี่ยมมาก!”
เขาเปิดประตูเดินออกนอกกระท่อมไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายหลี่จิ่วเต้าคือผู้ใดหรือ?”
เขาจงใจถามขึ้นมา แม้ว่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าหลี่จิ่วเต้าคือผู้ใด
“สวัสดีท่านผู้เฒ่า ข้าคือหลี่จิ่วเต้า ได้ยินมาว่าท่านผู้เฒ่าเก่งกาจไร้ผู้เทียบในด้านหมากล้อม ผู้น้อยจึงมาที่นี่เพื่อขอคำแนะนำในด้านทักษะหมากล้อมจากท่านโดยเฉพาะ”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวออกมาด้วยความสุภาพเป็นอย่างมาก
“ที่แท้เจ้าก็คือคุณชายหลี่ คุณชายช่างเก่งกาจจริง ๆ อายุน้อยแค่นี้ยังมีความสามารถด้านต่าง ๆ มากมาย มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเมืองชิงซาน”
ชายชราผมขาวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่กล้าให้คำแนะนำ ทำได้แต่เพียงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทักษะหมากล้อมจากกันและกัน”
ช่างเก่งกาจนัก!
ลึกล้ำจนไม่อาจมองออก!
ภายในใจของเขาประเมินหลี่จิ่วเต้าไว้สูงมาก
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หนานเจี่ยและอู๋ฉีจะพลาดพลั้งถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก!
เขาฝึกฝนวิชาลับที่ทำให้ประสาทสัมผัสทั้งหมดเฉียบคมขึ้นเป็นอย่างมาก ตราบใดที่อีกฝ่ายมีพลังอยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะซ่อนปกปิดเอาไว้ลึกเพียงใด ก็ไม่สามารถซ่อนมันจากเขาได้อย่างแน่นอน
แต่ทว่า ประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเขากลับไร้ผลกับหลี่จิ่วเต้า!
เขาไม่พบกระทั่งร่องรอยการฝึกตนของอีกฝ่าย!
ราวกับว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นเพียงปุถุชนทั่วไปจริง ๆ!
แต่เขาไม่คิดว่าคนผู้นี้จะเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาผู้หนึ่ง
กองกำลังฮวงเฉวียนล้มเหลวมาหลายครั้ง จนถึงขั้นยอมจ่ายราคาสูงปลุกเขาในฐานะเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าขึ้นมา คงไม่ใช่เพียงเพื่อให้สืบสาวเรื่องราวของปุถุชนผู้หนึ่งกระมัง?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
กองกำลังฮวงเฉวียนไม่ได้โง่งมปานนั้น
หนานเจี่ยและอู๋ฉีต่างก็สิ้นชีพลงจากการสืบข้อมูลของหลี่จิ่วเต้า คนตรงหน้าจะต้องไม่ใช่ปุถุชนธรรมดาอย่างแน่นอน ทั้งยังอาจแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!
‘ใจเย็น ไม่ต้องรีบร้อน! ตอนนี้เป็นโอกาสอันหายาก ข้าจำเป็นต้องตรวจสอบเขาอย่างละเอียด!’
ชายชราผมขาวคิดขึ้นมาในใจ
ดูจากท่าทีของหลี่จิ่วเต้าแล้ว อีกฝ่ายน่าจะยังไม่ค้นพบตัวตนของเขา
ลองคิดดูให้ดีแล้ว เขาจะถูกค้นพบตัวตนง่าย ๆ ได้อย่างไร
ในด้านของการซ่อนเร้นฝีมือ ต่อให้เป็นเทียนตี้ก็ไม่มีทางตรวจพบได้อย่างง่ายดาย
‘ค่อย ๆ เล่นแบบถ่วงเวลา อย่าเอาชนะอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!’
เขาคิดขึ้นมาในใจ
แม้ว่าหลี่จิ่วเต้าจะมีชื่อเสียงไปทั่วเมืองชิงซานในด้านทักษะหมากล้อมอันไร้ผู้เทียบ แต่คนในเมืองชิงซานล้วนเป็นปุถุชน ทักษะด้านหมากล้อมของพวกเขานับว่าย่ำแย่เกินไป
หยิบผู้ฝึกตนด้านหมากล้อมมาสักคนไม่ว่าใครก็ล้วนสามารถได้รับตำแหน่งไร้ผู้เทียบในเมืองชิงซาน
เขามั่นใจในทักษะการเล่นหมากล้อมของตนเองเป็นอย่างมาก เพื่อความสะดวกในการสืบข้อมูลข่าวสาร เขาได้ฝึกฝนวิถีหมากล้อมจนอยู่ในระดับสูงพอสมควร
หากเขาต้องการประชันหมากล้อมกับหลี่จิ่วเต้าจริง ๆ เกรงว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
เขาต้องการเวลาเพื่อตรวจสอบอีกฝ่าย