คนคนนั้นพูดถูก
ไม่ว่าผลการทดสอบพลังปราณจะวิเศษเพียงใด แต่ตราบใดที่รูปร่างหน้าตาของนางยังไม่เป็นที่โปรดปราน มันก็ไร้ความหมาย!
จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเฮ่อเหลียนเวยเวยในเวลานี้ก็คือหน้าตาของนาง!
หากมองกันแค่ที่รูปร่างของนางเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นใบหน้าของนางต่างหากที่ดำเกินไป อีกทั้งนางยังมีสิ่งที่คล้ายกับรอยกระกระจัดกระจายไปทั่วใบหน้าของตนอีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้ไม่น่ามองเอาเสียเลย
ใบหน้าเช่นนั้นย่อมไม่มีทางเอาชนะอวิ๋นปี้ลั่วที่ถูกเรียกว่าเป็นสาวงามผู้แสนอ่อนโยนได้
“พี่อวิ๋น ท่านต้องมองโลกในแง่ดีเข้าไว้นะเจ้าคะ ทุกคนต่างรู้ดีว่าหน้าตาของท่านงดงามเป็นที่หนึ่ง ท่านจะต้องชนะในการทดสอบครั้งต่อไป ส่วนใครบางคนก็คงจะต้องตกรอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” คนคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงเบา ไม่มีใครนอกจากอวิ๋นปี้ลั่วที่ได้ยินเสียงนาง
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่อวิ๋นปี้ลั่วก็รู้ว่านางควรจะทำตัวเช่นใด ดังนั้นนางจึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ”นอกจากข้าแล้วก็ยังมีพี่สาวน้องสาวที่หน้าตางดงามอยู่อีกตั้งหลายคน เจ้าเองก็เช่นกันน้องหลาน แล้วก็ยังมี…” นางยังนึกไม่ออกว่าคนที่ได้อันดับหนึ่งในการประเมินรูปร่างหน้าตาจะเป็นใครได้
“แล้วอะไรหรือเจ้าคะ”
อวิ๋นปี้ลั่วไอออกมาเบาๆ สองครั้ง การทำเช่นนั้นทำให้นางยิ่งดูน่าสงสารมากขึ้น ”ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าบางครั้งต่อให้พวกเราหน้าตาดีเพียงใด แต่มันก็ไม่สามารถดึงดูดองค์ชายได้”
“พี่อวิ๋นอย่าพูดเช่นนั้นสิเจ้าคะ การที่องค์ชายมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วนี่เจ้าคะว่าเขายังห่วงใยท่านอยู่”
อวิ๋นปี้ลั่วยิ้มทั้งน้ำตา นางดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเป็นอย่างยิ่ง ”จริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะ” คนคนนั้นตอบพลางปรายตาไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวย
หลังจากการประเมินพลังปราณสิ้นสุดลง เวลานี้จึงเหลือผู้เข้าแข่งขันอยู่เพียงห้าคนเท่านั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวย อวิ๋นปี้ลั่ว เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ และคนอื่นอีกสองคน
ห้าคนที่เหลืออยู่จะผ่านเข้าสู่รอบถัดไปซึ่งเป็นการประเมินหน้าตา
แต่คนที่สายตาไม่ได้มีปัญหาก็คงเห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว หากนำคำว่าหงส์มาเปรียบเปรย เฮ่อเหลียนเวยเวยก็คงเป็นได้เพียงแค่ลูกเป็ดขี้เหร่ที่ไม่เข้าพวกเท่านั้น
แต่นางกลับยืนอยู่ในตำแหน่งลำดับที่หนึ่ง ทุกคนที่มองนางจดจำได้เพียงใบหน้าดำคล้ำของนางเท่านั้น ไม่มีใครสนใจเครื่องหน้าของนางอีก
ทุกคนรู้สึกประทับใจกับรสนิยมความงามขององค์ชายที่เลือกผู้หญิงอัปลักษณ์เช่นนี้มาเป็นพระชายาในเวลานั้นจริงๆ!
แม้กระทั่งใต้เท้าเลี่ยวที่เป็นผู้รับผิดชอบการคัดเลือกพระสนมครั้งนี้ก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับเรื่องนั้นได้ เขามองไปรอบๆ แล้วเอ่ยเสียงดังว่า ”รอบที่สอง การประชันรูปร่างหน้าตาเริ่มได้ ณ บัดนี้! หลังการทดสอบนี้จบลง เจ้าจะต้องแสดงหมายเลขของตนออกมาเพื่อให้เราตรวจสอบดูว่ามันตรงกับหมายเลขในการประเมินรูปร่างหน้าตาหรือไม่! ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนขึ้นมาบนเวที และยืนเรียงแถวต่อกันด้วย!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา คนทั้งห้าก็เดินขึ้นไปบนเวทีสูงแห่งนั้นพร้อมกัน
เพราะนางเป็นผู้ชนะในรอบแรก เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงถูกจัดให้ยืนอยู่ในตำแหน่งลำดับที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะมีคะแนนเริ่มต้นห้าสิบคะแนน และจะได้รับคะแนนเพิ่มจากที่ตัวเองมี คนที่มีคะแนนสูงที่สุดจะเป็นผู้ชนะ ในรอบนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันถูกคัดออกจำนวนสามคน นั่นหมายความว่าสองคนที่เหลืออยู่จะต้องพึ่งคะแนนจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาเพื่อตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้ชนะ ใครก็ตามที่ชนะจะได้เป็นพระสนมขององค์ชายสาม!” ใต้เท้าเลี่ยวอธิบายพลางกวาดสายตามองไปยังเหล่าขุนนางทั้งหลายที่ถูกเลือกมาเป็นผู้ตัดสินชั่วคราว ”ผู้ตัดสินทั้งสิบคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนแต่ได้รับการคัดเลือกมาโดยขันทีซุน พวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบมาทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาจะให้คะแนนจากความคิดเห็นของตัวเอง ไม่มีการโกงอย่างแน่นอน! เราจะเริ่มการประเมินไปตามลำดับ คนแรกคือผู้เข้าแข่งขันที่ได้อันดับห้าจากการทดสอบรอบที่แล้ว แม่นางหลาน!”
ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็หันไปจับจ้องอยู่ที่แม่นางหลานคนที่ว่า คะแนนที่นางได้รับนั้นจัดว่าดีทีเดียว แต่มันก็ยังตามหลังอวิ๋นปี้ลั่วที่ยืนอยู่ข้างๆ มากนัก
คนที่สามคือเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ท่าทางอ่อนโยนนุ่มนวล บวกกับสีหน้าที่นางมุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเด็กช่วยเพิ่มคะแนนให้นางเป็นอย่างมาก
แต่นางก็ยังไม่สามารถเอาชนะอวิ๋นปี้ลั่วได้
ทุกคนให้คะแนนอวิ๋นปี้ลั่วเอาไว้สูงอย่างยิ่ง
เก้าสิบเจ็ดคะแนนคือคะแนนต่ำสุดที่นางได้ แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ให้คะแนนนางถึงหนึ่งร้อยคะแนน!
คนดูส่งเสียงฮือฮา มีหลายคนที่ส่งเสียงแสดงความยืนดีกับคะแนนสูงลิบของอวิ๋นปี้ลั่วราวกับว่าการประชันความงามนี้จบลงที่นาง พร้อมกับกล่าวว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไป
ที่เป็นเช่นนี้เพราะทุกคนที่มีตาต่างก็เห็นว่าหน้าตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นอย่างไร นางเป็นได้แค่ที่โหล่เท่านั้น!
ใต้เท้าเลี่ยวกระแอมในลำคอสองครั้ง ”เงียบ! เงียบเดี๋ยวนี้! ขอให้ผู้ตัดสินให้คะแนนพระชายาด้วย”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยิ้มเพราะในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง!
ผู้หญิงชั้นต่ำเช่นนี้ ต่อให้นางชนะในการทดสอบพลังปราณแล้วจะทำอะไรได้หรือ สุดท้ายแล้วนางก็ยังต้องก้มหน้าเวลาอยู่ต่อหน้าพวกนางอยู่ดี!
สมน้ำหน้า!
ในที่สุดเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก สายตาของนางที่มองไปยังเฮ่อเหลียนเวยเวยเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม นางดูมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นยิ่งนัก
อวิ๋นปี้ลั่วพูดขึ้นเสียงเบาว่า ”เวยเวย บางทีเจ้าควรบอกไม่ให้พวกเขาให้คะแนนเจ้านะ ข้ากลัวว่าเจ้าจะเสียใจ”
คำพูดของนางอาจฟังดูเหมือนกำลังพูดเพื่อเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่อันที่จริงแล้วนางหมายความว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนที่อัปลักษณ์ที่สุดในหมู่พวกนางนั่นเอง!
“พี่อวิ๋น ปล่อยให้นางถูกประเมินไปเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรเสียพวกเราก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ให้นางได้ลองฟังคะแนนจากทุกคนดูเถิด นางจะได้ไม่ต้องนึกเสียใจภายหลัง” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เอ่ยต่อจากคำพูดอันเสแสร้งของอวิ๋นปี้ลั่ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นนางจึงบอกกับใต้เท้าเลี่ยวอย่างใจเย็นว่า ”ข้าอยากจะล้างหน้าก่อนการประเมิน บรรดาผู้ตัดสินจะได้เห็นหน้าข้าให้ชัดๆ ก่อนให้คะแนน”
ใต้เท้าเลี่ยวคิดในใจว่าต่อให้นางล้างหน้าไปก็คงไร้ผล เพราะใบหน้าของนางนั้นดำโดยธรรมชาติ แต่เขาก็สั่งให้คนของตนนำถังไม้ใส่น้ำสะอาดเต็มถังใบหนึ่งมาให้นาง
เขาไม่อยากเสียมารยาทต่อองค์ชายสามโดยไม่ตั้งใจด้วยเรื่องพรรค์นี้
แม้เขาจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ แต่เขาก็พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะไม่เผลอเหยียบหางขององค์ชายสามเข้า
แต่เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพระชายาถึงได้มาขอล้างหน้าเอาในเวลานี้
คนอื่นๆ ก็สับสนมึนงงกับคำขออย่างกะทันหันของเฮ่อเหลียนเวยเวยเช่นกัน
แม้แต่คุณชายรองเฮยที่มักจะเข้าใจนางก็ยังมุ่นคิ้วของตนเข้าหากัน เพราะเขานึกไม่ออกเลยว่านางพยายามที่จะทำอะไร
มีเพียงชายชุดขาวที่กำลังยืนลูบศีรษะของเด็กตัวเล็กอยู่ในหมู่คนดูเท่านั้นที่ชะงักไปชั่วขณะ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเข้มของเขาก็หยุดลงที่เฮ่อเหลียนเวยเวย ดูเหมือนว่าดวงตาของเขาจะทอประกายเล็กน้อย
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่สนใจความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากคำขอของตัวเอง
นางพลิกฝ่ามือข้างซ้ายอย่างรวดเร็ว แล้วทันใดนั้นผลสตรอว์เบอร์รีสีแดงสดจำนวนหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนางราวกับมีเวทมนตร์
หยวนหมิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย ส่วนเสี่ยวไป๋ร้องเหมียวออกมาด้วยท่วงท่าสง่างามแต่ก็ดูห่างเหิน ทั้งสองคนรู้ดีว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยตั้งใจที่จะทำอะไร ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่สายตาของพวกเขาจะมีความเย้ยหยันปรากฏอยู่
นางขยำสตรอว์เบอร์รีอย่างเหม่อลอย จนพวกมันกลายเป็นน้ำไหลลงถังไม้ในตำแหน่งที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของนางได้ จากนั้นนางก็ค่อยๆ ใช้มือวักน้ำใส่หน้าตัวเอง…