บทที่ 430 ที่ตกปลาตรงนี้ไม่เลว หลังจากนี้มาตกปลาที่นี่ได้!
น้ำทะเลสีดำซัดสาด สิ่งมีชีวิตหัวกิเลนออกเดินทาง เป้าหมายคือสังหารหลิงอิน
“ท่านบูรพาจารย์ออกโรงคงไม่มีปัญหากระมัง”
ภายในทะเลต้องห้าม จู่ ๆ จ้าวสมุทรก็เอ่ยขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คิดอะไรอยู่ ท่านบูรพาจารย์ไฉนเลยจะพลาด!”
เขาสั่นศีรษะรัว รีบขับไล่ความคิดนี้ออกจากหัว เขาคิดฟุ้งซ่านกระไรนี่!
…
แสงแดดแจ่มจ้า อากาศกำลังสดใส สายลมอ่อน ๆ พัดโชย ไม่หนาวไปไม่ร้อนไป สบายถึงขีดสุด
บนถนนใหญ่มุ่งตรงสู่เมืองชิงซาน ตงฟางเวิ่นแบกสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังเมืองชิงซานด้วยท่าทางชื่นบาน
“เมื่อเจอเรื่องมงคลย่อมกระปรี้กระเปร่า วันนี้ข้าผู้นี้ปรีดาอย่างยิ่ง!”
ตงฟางเวิ่นฮัมเพลงออกมา อย่าให้พูดเลยว่าดีใจเพียงใด
แค่คิดว่าเขากำลังจะได้อยู่ใต้บัญชาของท่านเซียน อนาคตสวยงามสดใสรออยู่ข้างหน้า จะไม่ให้เขาสะใจได้เยี่ยงไร ไม่ให้ดีใจได้เยี่ยงไร
ความสะใจนี้ ความดีใจนี้ น่าตื้นตันยิ่งกว่ายามเขาบรรลุมหาจักรพรรดิเสียอีก
เขาเดินต่อเนื่องจนถึงริมน้ำ เมืองชิงซานอยู่ใกล้แค่เอื้อม อีกไม่ไกลก็จะเข้าเมืองแล้ว
ต้นหลิวหยั่งรากอยู่ริมน้ำ กิ่งก้านห้อยลง ใบไม้เขียวชอุ่ม เต็มไปด้วยชีวิตชีวา บ่งบอกว่าวสันตฤดูมาถึงแล้ว
ห่างออกไปไม่ไกล ก้อนหินรูปร่างไม่เป็นระเบียบเท่าใดก้อนหนึ่งกองอยู่ไม่ห่างจากน้ำ
“ไม่เลว ๆ สิ่งแวดล้อมที่นี่ไม่เลวจริง ๆ”
เมื่อตงฟางเวิ่นเดินมาถึงริมน้ำก็ชะงักฝีเท้า ทอดมองสายน้ำใสสกาว รวมถึงปลาน้อยที่ว่ายวนไปมาแล้วคลี่ยิ้ม เอ่ยในใจ “หลังจากนี้ยามข้าอยู่ว่าง ๆ มาตกปลาที่นี่ได้บ่อย ๆ”
เขาในตอนนี้เริ่มวางแผนชีวิตภายภาคหน้าในเมืองชิงซานแล้ว
ท่านเซียนท่องโลกมนุษย์ด้วยฐานะปุถุชน เขาย่อมมิกล้าฝ่าฝืนข้อห้ามท่านเซียน ต่อไปเมื่อเขาไปอยู่ข้างกายท่านเซียน ย่อมต้องก้าวไปพร้อมกับท่านเซียน วางตัวเป็นปุถุชนเช่นเดียวกัน
เขาคิดไว้หมดแล้ว ต่อจากนี้ไป เขาคือตาเฒ่าปุถุชนธรรมดา ยามว่างก็ออกมาตกปลาบ้างอะไรบ้าง
“ที่แห่งนี้ไม่เลว เป็นที่สุดวิเศษในการตกปลา! ฮ่า ๆ ต่อไปนี้ยามข้าต้องการตกปลามาตกที่นี่ได้”
เขาคิดในใจ เล็งจุดที่ก้อนหินอยู่
จุดที่ก้อนหินอยู่นั้นกำลังเหมาะ ซ้ำยังมีต้นหลิวกิ่งก้านเจริญงอกงามอีกต้นตั้งอยู่ ช่วยบดบังแสงแดด ยามตกปลาจะได้ไม่ตากแดดจนมากไป ใช้สถานที่นี้ในการตกปลานับว่าไม่เลวจริง ๆ!
เขาจดจำไว้ในใจ มิได้อยู่ต่อที่ริมน้ำนานนัก หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในเมืองชิงซาน
ต้นหลิวกับก้อนหินรู้สึกถึงตงฟางเวิ่นได้นานแล้ว
และพวกมันก็ล่วงรู้ฐานะผู้ฝึกตนของตงฟางเวิ่นได้นานแล้วเช่นกัน
จากที่พวกมันดูมา อีกฝ่ายมีปัญหามาก เขาอำพรางตนได้ลึกเกินไป ไม่เหมือนผู้ฝึกตนปกติ
ในสถานการณ์แบบนี้ พวกมันควรต้องเคลื่อนย้ายตงฟางเวิ่นเข้าไปในมิติพิเศษแล้วทำการไต่สวน ถึงอย่างไรจุดน่าสงสัยในตัวอีกฝ่ายก็มีอยู่นานัปการ พวกมันไม่อาจปล่อยให้ผู้ฝึกตนน่าแคลงใจเยี่ยงนี้เข้าเมืองง่าย ๆ
ทว่า พวกมันมิได้หยุดยั้งหรือไต่ถามสิ่งใดกับเขา
พวกมันพอจะเดาฐานะของตงฟางเวิ่นออก
ก่อนหน้านี้ ท่านเซียนเคยตามบรรดาบัณฑิตออกไปพบปรมาจารย์หมากล้อมคนหนึ่ง ต่อมา ยามท่านเซียนกลับมากับเหล่าบัณฑิตได้กล่าวว่าปรมาจารย์หมากล้อมผู้นี้จะย้ายมาพำนักในเมืองชิงซาน
ตงฟางเวิ่นแบกสัมภาระไว้ที่ตัว คิดแล้วคงเป็นปรมาจารย์หมากล้อมที่จะย้ายมาพำนักในเมืองชิงซานผู้นั้น
นี่คือผู้ที่ได้รับการอนุญาตจากท่านเซียน พวกมันไฉนเลยจะขวาง
ไม่มีทาง
“พี่หลิว พี่ว่าเมื่อครู่คนคนนี้มองพี่กับข้าสลับไปมานั้นหมายความว่าอย่างไร”
ก้อนหินถามต้นหลิว
ยามตงฟางเวิ่นชะลออยู่ริมน้ำ มันเห็นสายตาตงฟางเวิ่นสอดส่ายไปมาระหว่างมันกับต้นหลิว
“ไม่รู้สิ…”
ต้นหลิวก็เดาไม่ออกว่าเหตุใดตงฟางเวิ่นถึงต้องมองพวกมัน
อีกด้าน ตงฟางเวิ่นก้าวเข้าไปในเมืองชิงซาน
เมื่อมาถึงในเมือง เขาย่อมต้องไปเยี่ยมเยียนท่านเซียนก่อน เขาสอบถามนิดหน่อยก็รู้ที่อยู่ของท่านเซียน จึงรีบก้าวฉับไวไปยังหน้าร้านหลี่จิ่วเต้า
“ต้องใจกล้าปานใด!”
เมื่อมาอยู่หน้าร้าน ตงฟางเวิ่นสะท้านไปทั้งใจ ป้ายในร้านรวมถึงภาพวาดและภาพอักษรที่แขวนอยู่ตามกำแพง อีกทั้งรูปแกะสลักหยกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น สูงส่งเหนือสิ่งใดเปรียบ!
หนานเจี๋ยและอู๋ฉียังบังอาจเข้ามาสืบเสาะเรื่องราวของท่านเซียน น่ากลัวว่าสองคนนั้นไม่ทันแม้แต่จะได้เห็นหน้าท่านเซียน ของทุกชิ้นในร้านนี้สามารถสังหารพวกเขาได้ทั้งนั้น!
เขานึกโชคดีอยู่เต็มหัวใจ โชคดีที่ครานั้นมิได้ตรงเข้ามาสืบเสาะเรื่องของท่านเซียนในเมือง
ขืนเขาตรงเข้ามาสืบเสาะเรื่องของท่านเซียนในเมือง น่ากลัวว่าจุดจบของเขาคงเฉกเช่นเดียวกับหนานเจี๋ยและอู๋ฉี ทันทีที่เข้าใกล้ร้านค้าก็ถูกสิ่งของในร้านค้าสังหาร!
‘ข้านี่…โชคดีชะมัด!’
เขาคิดในใจอย่างอดไม่ได้
ท่านเซียนไม่เพียงแต่ไม่ฆ่าเขา ซ้ำยังรับเขาไว้ใต้บัญชา เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองถูกวาสนายิ่งใหญ่ปานใดหล่นทับหัว ถึงได้โชคดีขนาดนี้!
“คุณชายอยู่หรือไม่”
หลังจากสงบจิตใจลงแล้ว เขาเคาะประตูร้านค้า
“เอ๋ ผู้เฒ่าเวิ่นมาถึงแล้วหรือ”
หลี่จิ่วเต้าได้ยินเสียงจึงเดินเข้ามา และได้เห็นตงฟางเวิ่น
“มาถึงแล้ว เพิ่งถึงเมืองชิงซานก็เข้ามาทักทายคุณชาย”
ชายชรากล่าว
“ฮ่า ๆ ผู้เฒ่าเวิ่นเกรงใจกันเกินไปแล้ว”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “ไปเถิด ข้าหาที่พำนักให้ท่านได้แล้ว”
ตงฟางเวิ่นบอกว่าจะย้ายมาอาศัยในเมืองชิงซาน หลังเขากลับมาก็ช่วยตามหาที่อยู่ให้ตงฟางเวิ่นจนได้
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เก็บตัวเร้นกายอยู่ในเขามาตลอด ไม่คุ้นเคยกับในเมืองนัก หากปล่อยให้ตงฟางเวิ่นตามหาที่อยู่ของตัวเอง คงยุ่งยากน่าดู
บ้านเขานั้นก็พออยู่ได้ มีห้องว่างไม่น้อย
เพียงแต่เขาชินกับการอยู่คนเดียวแล้วจริง ๆ มิใคร่อยู่ร่วมกับผู้ใดนัก
หากมิใช่เช่นนี้ เขาให้ตงฟางเวิ่นมาพักอยู่กับเขาคงเป็นการดีที่สุด ยามว่าง ๆ พวกเขาสองคนจะได้เล่นหมากด้วยกัน
พูดมาถึงนี่ หลี่จิ่วเต้านึกถึงเมิ่งจีขึ้นมา เมิ่งจีเคยพำนักในลานเล็กของเขาอยู่พักใหญ่
‘ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เมิ่งจีเป็นอย่างไรบ้าง’
เขาคิดในใจ นึกคิดถึงเมิ่งจีขึ้นมาเหมือนกัน ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ไยเมิ่งจีถึงไม่กลับมาเยี่ยมเขาบ้าง
“ขอบคุณคุณชายมาก!”
ตงฟางเวิ่นเอ่ยขอบคุณ
จากนั้น หลี่จิ่วเต้าพาตงฟางเวิ่นไปยังที่ที่เขาหาไว้
ที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลนัก ห่างกันเพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้น ไม่นานนักพวกเขาก็ไปถึง ซึ่งเป็นลานเล็กเดี่ยว ๆ
“ต่อจากนี้ไปผู้เฒ่าเวิ่นพำนักที่นี่ได้เลย เรื่องค่าเช่านั้นผู้เฒ่าเวิ่นไม่ต้องสนใจ ข้าจ่ายเสร็จหมดแล้ว”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “ผู้เฒ่าเวิ่นเชิญพักผ่อนก่อน คืนนี้ไปกินข้าวที่บ้านข้า”
“ได้!”
ตงฟางเวิ่นตื้นตันสุด ๆ พยักหน้ารัว
เขาซาบซึ้งมาก รู้สึกถึงความสำคัญที่ตัวเองมีต่อท่านเซียน ท่านเซียนทั้งหาที่อยู่ให้เขา ทั้งชวนเขาไปกินมื้อเย็นที่บ้าน
เขามีความสามารถปานใดเชียว ถึงคู่ควรกับที่ท่านเซียนให้ความสำคัญเขาถึงเพียงนี้!
“ต่อแต่นี้ไป ข้าจะรับใช้ท่านเซียนด้วยชีวิต!”
เขาเอ่ยขึงขังในใจ
“ข้าไปก่อน อย่าลืมมาบ้านข้าคืนนี้”
หลี่จิ่วเต้าบอกลาตงฟางเวิ่น กลับไปยังลานเล็กของตน